
เพราะวิศวะกรของแอร์บัสได้ปลดปล่อยจินตนาการให้เป็นอิสระ ด้วยการทำนายถึงดีไซน์ของเครื่องบินในปี 2050 พวกเขาไม่จำกัดตัวเองอยู่กับความเป็นได้ของเทคโนโลยีในปัจจุบัน แต่วาดภาพถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากพัฒนาการในปัจจุบันดำเนินต่อเนื่อง มีอะไรให้ตั้งตารอคอยมากมายเหลือเกิน ผู้โดยสารในอนาคตสามารถมีห้องและการแต่งห้องแบบเสมือนจริงอย่างเป็นส่วนตัวซึ่งต้องขอบคุณเทคโนโลยีโฮโลกราฟิก อุปกรณ์นำทางที่ฉลาดเฉลียวและพร้อมจะกำจัดหลุมอากาศออกไป และวัสดุใหม่ๆ ก็จะทำให้ลำตัวของเครื่องบินโปร่งแสงได้ด้วย ว้าววววววว
จากการคาดคะเน การจราจรทางอากาศของโลกจะเติบโตร้อยละ 5 ต่อปี และจะเป็นสองเท่าในไม่เกิน 15 ปี ในปี 2550 อาจมีจำนวนเครื่องบิน 4-5 เท่าของปัจจุบันนี้อยู่บนท้องฟ้า ดังนั้น คำถามคือ จะทำอย่างไรให้สนามบินรองรับแรงกดดันนี้ได้

แอร์บัสเห็นว่าความก้าวหน้าในการนำทาง ติดตาม และสื่อสาร จะทำให้เครื่องบินบินกันเป็นกลุ่มในรูปแบบเหมือนกับนักอพยพได้ ด้วยวิธีนี้ทั้งพื้นที่ในอากาศและสนามบินจะถูกใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพกว่าในปัจจุบันมากนัก
อีกจินตนาการหนึ่งคือการเป็นเครื่องขนส่งขนาดยักษ์ที่โคจรรอบโลกอย่างถาวร เครื่องบินเหล่านี้จะจัดการกับการบินระยะไกลและทำหน้าที่เหมือนเครื่องบินขนส่งที่เครื่องบินขนาดเล็กสามารถร่อนลงจอดได้ และค่อยบินออกไปเมื่อถึงปลายทาง
เครื่องบินขนาดเล็กมีน้ำหนักเบาและสามารถลงจอดในแนวดิ่งได้จึงไม่จำเป็นต้องใช้รันเวย์ ที่สนามบินเวลาที่เสียไปจะถูกจำกัดออกเพื่อประโยชน์ของผู้โดยสาร ดังที่แอร์บัสบอกว่า การเดินทางบนเครื่องบินจะง่ายเหมือนขึ้นรถใต้ดิน
ทันที่ที่ผู้โดยสารมาถึงสนามบินพวกเขาสามารถขึ้นนั่งบนที่นั่งของเครื่องบินได้ทันทีเมื่อเครื่องมาถึงฐานที่นั่งจะเลื่อนเข้าไปที่ตัวเครื่องเลย ผู้โดยสารจึงไม่ต้องยืนที่ประตูเป็นเวลานาน ๆ
หน้าตาของเครื่องบินใน 40 ปีข้างหน้าตามความคิดของแอร์บัส เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่องบินต้นแบบ เครื่องบินนี้ไม่ใช่เครื่องแห่งอนาคต แต่เป็นการนำเสนอว่าเครื่องบินสามารถสร้างขึ้นได้อย่างไร ถ้าพัฒนาการด้านเทคโนโลยีวัสดุ ประสิทธิภาพเชื้อเพลิง และหลักอากาศพลศาสตร์ยังดำเนินไปในอัตราเช่นทุกวันนี้

ส่วนประกอบของเครื่องบิน
หาง : มลพิษทางเสียงบนพื้นดินจะลดลงด้วยหางรูปตัวยู เพราะรูปร่างแบบนี้จะทำให้เสียงเครื่องยนตร์พุ่ง
ขึ้นด้านบน และเพราะเครื่องยนตร์ติดอยู่ด้านหลังของเครื่องจึงไม่จำเป็นต้องใช้ครีบหางแนวตั้งเพื่อรักษาความมั่นคงในกรณีที่เครื่องยนต์ที่
ติดตั้งตรงปีกหยุดทำงาน
เครื่องยนต์ : เพราะเครื่องยนต์ใช้การได้ดีและมีเสถียรภาพจนแทบไม่ต้องบำรุงรักษา จึงสามารถฝังเข้า
ในลำตัวของเครื่องได้เลย ช่างซ่อมบำรุงไม่จำเป็นต้องเข้าไปถึงเครื่องอีกแล้ว สภาพอากาศพลศาสตร์จึงดีขึ้น ตำแหน่งที่ตั้งด้านหลังเครื่อง
ช่วยลดเสียงในห้องโดยสารด้วย
ลำตัว : ตรงข้ามกับปัจจุบันลำตัวเครื่องบินจะไม่มีรูปร่างแบบซิการ์ แต่จะโค้งมนทำให้ภายในมีพื้นที่มาก
ยิ่งขึ้น ส่วนภายนอกมีสภาพอากาศพลศาสตร์ดีขึ้น
การผลิตวิธีผลิตแบบใหม่จะทำให้เครื่องบินราคาถูกลงอแม้จะใช้วัสดุที่ล้ำหน้ากว่าและการออกแบบก็ซับ
ซ้อนมากกว่าเครื่องบินที่มีอย
ปีก : ปีกที่ยาว เรียว และเฉียบบาง ลดแรงต้านอากาศได้สูง
ประตู : เพื่อให้เข้าได้ง่ายขึ้น ประตูทุกบานจะเป็นสองชั้น รับรองว่าผู้โดยสารจะเข้าและออกได้อย่างรวด
เร็ว ลดการเสียเวลา
ระบบไฟฟ้า : ต้องขอบคุณระบบไฟฟ้าที่ไว้ใจได้อย่างที่สุด เครื่องบินจะตรวจสอบสภาพของมันเองเป็น
ประจำ และมีการเตือนหากต้องการการบำรุงรักษาและซ่อมแซมใดๆ ระบบถึงกับสามารถจองเวลาซ่อมได้เอง
วัสดุ : เครื่องบินทั้งลำสร้างด้วยวัสดุที่มีองค์ประกอบชาญฉลาด มีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่งกว่าวัสดุที่ใช้
ในปัจจุบัน ในเวลาเดียวกันก็ไม่ต้องการการบำรุงรักษามากนัก ในกรณีที่มีรอยร้าวแคปซูลจิ๋วนาโนจะปล่อยกาวเทคโนโลยีสูงออกมาอุดรอย
ร้าวอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วการบินถือเป็นเรื่องย่ำแย่ที่จำเป็นต้องทำเพื่อเดินทางไปสู่จุดหมาย แต่แอร์บัสอยากนำกลับมาซึ่งการผจญภัยและความสนุกสนานอีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นไปได้โดยการสร้างลำตัวเครื่องด้วยวัสดุเซรามิกไฮเทคซึ่งโปร่งแสงได้ ด้วยวิธีนี้ผู้โดยสารจะรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่บนอากาศโดยมีทิวทัศน์ให้มองรอบด้าน ผ้าคลุมเบาะและผ้าห่มจะทำจากวัสดุนาที่ทำความสะอาดตัวเองได้ก็เลยดูใหม่เอี่ยมตลอดเวลายิ่งกว่านั้นที่นั่งจะปรับให้เหมาะกับผู้โดยสารแต่ละคนโดยอัตโนมัติ มิหนำซ้ำระหว่างเดินทางผู้โดยสารจะมีห้องของตัวเองซึ่งสามารถเปลี่ยนไปเป็นห้องทำงาน ห้องนอน หรือสวนเซนได้ด้วยเทคโนโลยีสร้างภาพ 3 มิติเสมือนจริงแบบโฮโลกราฟิก เซนเซอร์ตรวจจับหลุมอากาศและปรับการนำทางเพื่อหลบหลีกอัตโนมัติ
คุณอาจเลือกเที่ยวบินที่หรูหราบนเครื่องที่ตกแต่งเหมือนเรือสำราญที่มีร้านรวง ภัตตาคาร และสปา และเป็นไปได้ที่เราจะได้บินฟรี เพราะสายการบินจะทำเงินได้จากกาสิโน ร้านรวง และภัตตาคารเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม ในประเด็นของเชื้อเพลิงนั้น แม้ว่าเครื่องบินยุคใหม่จะประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น แต่การบินก็เป็นผู้สร้างมลพิษรายใหญ่อยู่ดี อุตสาหกรรมการบินตั้งเป้าจะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงครึ่งหนึ่งก่อนปี 2050 แต่คำถามก็คือจะใช้พลังงานอะไรแทน
ในปัจจุบันนักวทิยาศาสตร์ชอบทั้งเครื่องบินที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนและพลังงานแสงอสทิตย์ มีการทดลองใช้แล้วทั้งสองแบบ แต่แอร์บัสเห็นว่าทั้งไฮโดรเจนและแลพแสงอาทิตย์ไม่ใช่พลังงานหลักของเครื่องบินโดยทั่วไป
วิศวกรแอร์บัสเสนอว่า เราควรหันมามองเชื้อเพลิงชีวภาพจากสาหร่าย แมยังอยู่ในขั้นทดลองแต่ก็ให้ผลที่ดียิ่ง สาหร่ายปลูกได้ในทะเล ไม่ต้องใช้พื้นดินอันมีค่า ยิ่งกว่านั้นสาหร่ายยังใช้คาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ เชื้อเพลิงจากสาหร่ายจึงทำให้การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์เมื่อหักลบกับการใช้คาร์บอนไดออกไซด์ของสาหร่าย เชื้อเพลิงนี้ยังมีลักษณะเหมือนเชื้อเพลิงเครื่องบินเป็นอย่างมาก มันให้พลังงานเข้มข้น ไม่หนักเกิน และรับมือกับอุณหภูมิที่ผันผวนได้มาก แต่ต้องใช้เวลาอีกหลายทศวรรษกว่าจะสร้างเชื้อเพลิงสำหรับการบินจากสาหร่ายในปริมาณมากได้ แต่แอร์บัสทำนายว่า เครื่องบิน 3 ใน 10 ลำ จะบินโดยใช้เชื้อเพลงจากสาหร่ายในปี 2030
ในตอนนั้นเครื่องบินอาจได้พลังงานจากแหล่งที่ไม่คาดคิดด้วย นั่นคือ จากตัวผู้โดยสาร ความร้อนที่ร่างกายปล่อยออกสู่ที่นั่งนำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น ให้พลังงานแก่อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ติดตั้งบนเครื่อง
เรียกน้ำย่อยกันสักหน่อยครับ
ที่มา : http://knowledge.truelife.com/content/detail/705431