ยินดีต้อนรับคร้าบบ
กฎของชมรมนี้
1. ห้ามใช้คำหยาบคาย
2. มีอะไรสงสัยส่ง PM มาบอกนะครับ
3. ห้ามนำภาพลามกมาลงในเว็บนี้
4. ขอความกรุณาใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง
5. ขอความกรุณาทำตามกฎเหล่านี้อย่างเคร่งครัด หากมีกฎเพิ่มเติม สามารถแสดงกฎเพิ่มเติมได้ ทางชมรมจะพิจารณา
6. อยากได้ความรู้เพิ่มเติม ขอมาได้นะครับ
ข้อดีของการได้เป็นสมาชิกชมรมนี้
- สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ได้
- มีการอัพเดทข่าวสารประจำสัปดาห์ข่าวสาร
- เป็นชมรมที่สบายๆ
- สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ได้
- มีสื่อ วิดีโอแนะนำ
โลโก้ชมรมนี้
มีอะไรแนะนำหน่อยนะครับ
10 อันดับความรู้
10 อันดับประเทศที่สงบที่สุดในโลก
กลับมาพบกันอีกครั้งแล้วสำหรับเรื่องราวของความเป็นที่สุดในโลกของเราในวันนี้ครับ ยังคงเดินหน้าค้นหาและรวบรวมเอาควสามเป็นที่สุดในโลกจากทั่วทุกมุมโลกมาให้ได้รับชม ศึกษาไว้เป็นข้อมูลความรู้เหมือนเช่นเคย หลายๆ สิ่งบนโลกเรานั้นทุกอย่างล้วนแต่ต้องมีความเป็นที่สุดในโลกครับ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เราเคยพาทุกท่านไปรู้จักกับ “10 อันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2014 โดยนิตยสาร TRAVEL + LEISURE” วันนี้เราจะพามาชมกับ 10 อันดับ ประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลก กันบ้างครับ มาดูกันว่าประเทศไหนที่จะขึ้นชื่อว่าสงบสุขที่สุดในโลก
การจัดอันดับดังกล่าวมาจาก ดัชนีความสงบสุขโลก (จีพีไอ) ใช้การจัดอันดับประเทศต่างๆ ใต้เงื่อนไข 3 ประการคือ 1.ระดับความปลอดภัยและความมั่นคงในสังคม 2.ขอบเขตความขัดแย้งภายในประเทศหรือระหว่างประเทศ และ 3. ระดับกำลังทหาร และผลจากการวัดดัชนีต่างๆ ที่ว่านี้ผลแรากฎว่าประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลกนั้นมีดังนี้ครับ
อันดับ 10. นอร์เวย์
สำหรับนอร์เวย์ นั้นเป็นประเทศที่มีดัชนีความสุขขยับขึ้นมาจากปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าในด้านของความขัดแย้งนั้นจะมีคะแนนที่ต่ำ แต่ว่าในเรื่องของการทหารนั้นกลับมีคะแนนที่สูง สืบเนื่องมาจากการส่งออกอาวุธที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเองละครับ
อันดับ 9. เบลเยี่ยม
เบลเยี่ยมนั้นได้รับการพิจารณาว่าเป็นประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการศึกษาของเด็ก นอกจากนี้ยังมีปราสาทที่งดงาม รวมไปถึงของกินขึ้นชื่ออย่าง วัฟเฟิลส์ และช็อกโกแลตอีกต่างหาก
อันดับ 8. ญี่ปุ่น
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าประเทศแห่งนี้จะขึ้นมาติดอันดับทอบเท็นของประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลกได้ แถมยังเป็นประเทศที่มีความสงบสุขมากที่สุดในทวีปเอเชีย และยังเป็น 1 ในทั้งหมด 11 ประเทศที่ไม่มีความขัดแย้งทั้งภายใน และภายนอกประเทศ
อันดับ 7. แคนาดา
ประเทศขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก แถมยังยังมีความสงบสุขเป็นอันดับที่ 7 ของโลกอีกต่างหาก ประเทศแหง่นี้มีความปลอดภัยสูง มีมาตรฐานการดำรงชีพสูง มีความเสี่ยงในการก่อการร้ายต่ำมาก
อันดับ 6. ฟินแลนด์
ประเทศที่มีการบังคับเกณฑ์ทหารสำหรับพลเมืองชาย แต่มีการควบคุมการปฏิบัติการทางทหารที่เข้มงวด เข้าร่วมเฉพาะภารกิจของสหประชาชาติเท่านั้น
ภาพ: นายทหารรักษาสันติภาพฟินแลนด์ ในอัฟกานิสถาน
อันดับ 5. สวิตเซอร์แลนด์
ประเทศที่มีภาพลักษณ์ในด้านของความเป็นกลาง ไม่เคยเห็นสวิตเซอร์แลนด์เข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนอกประเทศแต่อย่างใด แถมประเทศแห่งนี้ยังเป็น 1 ในไม่กี่ประเทศที่มีคะแนนต่ำสุดในเรื่องความขัดแย้งทุกรูปแบบ เยี่ยมจริงๆ
อันดับ 4. นิวซีแลนด์
ประเทศแห่งนี้ได้รับความนิยมในด้านของการท่องเที่ยวมาก หลังจากเคยถุกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ไตรภาคอันโด่งดังอย่าง ออฟ เดอะ ริงส์ และเดอะ ฮอบบิท อีกด้วย
อันดับ 3. ออสเตรีย
ปัจจัยหลักๆ เพียงไม่กี่ข้อ ที่ทำให้ออสเตรีย ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ของดัชนีความสงบสุข รวมถึง ความสงบสุขโดยรวมของประเทศ และการลดนำเข้าอาวุธลงอย่างมาก
อันดับ 2. เดนมาร์ก
เดนมาร์ก และประเทศอื่นๆ ในยุโรปเหนือ ถูกจัดให้เป็นดินแดนที่เหมาะสำหรับการทำธุรกิจ และมีความปลอดภัยมากที่สุดในโลกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการอยู่ในอันดับ 2 ของดัชนีความสงบสุข ทำให้เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีความสงบวสุขมากที่สุดในยุโรป โดยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อกรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของประเทศ ถูกกองทัพนาซีเข้ายึดครอง ชาวเดนมาร์กได้เลือกใช้วิธีการที่ปราศจากความรุนแรงในการต่อต้านการยึดครอง
อันดับ 1.ไอซ์แลนด์
ในปีนี้ ไอซ์แลนด์ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีความสงบสุขมากที่สุดในโลก โดยมาตรวัดสำคัญที่ทำให้ไอซ์แลนด์ได้ตำแหน่งนี้ไปครอง รวมถึง การไม่มีกองทัพ และระบบสวัสดิการ ที่ดูแลด้านสุขภาพ และการศึกษาของประชาชนทุกคน ทั้งไอซ์แลนด์ ยังมีการนำพลังงานความร้อนจากใต้โลก มาใช้เป็นแหล่งพลังงานใหญ่สุดของประเทศ และยังเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกสุด ที่อนุญาตให้กลุ่มรักรวมเพศแต่งงานกันได้อย่างถูกกฎหมาย
10 อันดับผีที่น่ากลัวที่สุดในโลก
อันดับ 10 ปรากฏการณ์แม่มดเบลล์ (The bell witch)
สถานที่พบเจอ เมืองอดัมส์ มลรัฐเทนเนสซี อเมริกา
ในปี ค.ศ.1817 สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อปรากฏการณ์หลอนที่มีชื่อที่สุดในอเมริกา ผู้คนทุกสารทิศพากันหลั่งไหลมาชม รวมไปถึงประธานาธิบดีด้วย ซึ่งก็ไม่เคยผิดหวังทุกคนได้เห็นกันทั่วหน้า ซึ่งว่ากันว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากหญิงชราชื่อ เคท แบทส์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของครอบครัวเบลล์
เธอเจ็บแค้นมากเมื่อ ครอบครัวนี้โกงเธอในการซื้อขายที่ดิน ดังนั้นก่อนตายเธอได้สาปแช่งว่าถ้าเธอเป็นผีฉันจะให้ดู และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ครอบครัวของเบลล์ต้องประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ จากผีที่มองไม่เห็นไม่ว่าจะเป็น ข้าวของแตกกระจาย เข็มทิ่มตามร่างกาย นมหกเลอเทอะ ดึงผ้าคลุมจากเตียง การทุบตี แถมเสียงหัวเราะสยองแกล้งแบบสะใจ แม้กระทั่งตอนสมาชิกในครอบครัวตายผีตนนี้ยังไม่วายที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์ หัวเราะร้องเพลงอย่างเริงร่าและดังยาวนานจนผู้ร่วมพิธีศพคนสุดท้ายออกจากงานฝังศพ
แม้ทุกวันนี้ครอบครัวเบลล์จะหมดรุ่นไปแล้วเกือบ 200 ปี ก็ตาม แต่ทุกวันนี้วิญญาณยังปรากฏตัวอยู่ เนื่องจากมีผู้พบเห็นปรากฏการณ์แปลกๆ ภายในถ้ำแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในบริเวณครั้งหนึ่งที่เคยเป็นสมบัติของเบลล์
อันดับ 9 ผีที่บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์สแควร์ (50 Berkeley Square)
สถานที่พบเจอ บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์ สแควร์ กรุงลอนดอน
ผีที่นี่ดุจริงๆ เพราะมันทำให้เหยื่อเคราะห์ร้ายต้องสังเวยให้กับมัน แม้ไม่มีใครทราบที่มาแต่หลายคนต่างโดนมันฆ่าถ้าใครก็ตามที่มานอนพักบ้านร้าง หลังนั้น เช่นในปี 1887 กะลาสีสองคนชื่อเอ็ดเวิร์ด บลันเดนและโรเบิร์ต มาร์ติน ได้อาศัยบ้านหลังนี้พักชั่วคราวและต่อมากลางคืนบลันเดนก็พบเห็น ผีและสู้กับมันส่วนมาร์ตินหนีออกมาเพื่อแจ้งตำรวจและเมื่อกลับมาก็พบบลันเดนตายอยู่บันไดชั้นล่างในสภาพคอหัก ดวงตาเบิกโพลง นอกจากนั้น จอร์จ แคนนิ่ง นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็โดนด้วยและ เสียชีวิตในปี 1827 ปัจจุบันคนละแวกแถวนั้นมักตกใจเสียงทุบและเสียงกระแทกปึงปังในบางคืน
อันดับ8 บ้านอมิตี้วิลล์ (Amityville House)
สถานที่พบเจอ บ้านเลขที่ 112 โอนอเวนิว อเมริกา
บ้านอมิตี้วิลล์ โอนอเวนิว เป็นบ้านทรงดัทซ์ โคโลเนียล หน้าตาเหมือนโรงนาทรงสูงที่ที่สวยงามมากหลังหนึ่ง ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1924 แต่เมื่อ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 เกิดการฆาตกรรมหมู่ครอบครัวหนึ่งจากนั้นเป็นต้นมาที่นี่ก็กลายเป็นบ้านผีดุไปในบัดดล
โดยที่โด่งดังที่สุดคือกรณี ของ ครอบครัวของจอร์จ ลัทซ์ก็อาศัยอยู่บ้านหลังนี้และพบเหตุการณ์ประหลาดแทบทุกคืนไม่ว่าจะเป็น เสียง รอยเท้า ผีอำ ฯลฯ นอกจากนั้น ไม่ว่า ใครหน้าไหนเอา เรื่องนี้มาแต่งเป็นนิยายหรือทำเป็นหนังจะโดนคำสาป เห็นได้จาก เคยมีคนนำเรื่องอมิตี้วิลล์มาสร้างหนังปรากฏว่าหลายคนในกอง ถ่าย ต่างประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ลึกลับ เจ็บไข้ ได้ป่วย หรือแม้กระทั่งตายอย่างลึกลับ (ปัจจุบันเราสามารถหาดู เรื่องนี้จากหนังเรื่องผีทวงบ้าน) ระวังจะโดนคำสาบ!!
อันดับ 7 เดอะ ฟลายอิ้ง ดัชท์แมน (Flying Dutchman)
สถานที่พบเจอ แหลม Good Hope ฮอลแลนด์ และท้องทะเลทั่วโลก(ไทยก็เคยเจอ)
เป็นเรือปีศาจที่ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยๆ ในทั่วโลกมาแล้วหลายร้อยปี เดิมคือ เรือ Flying Ducthman เป็นของกัปตัน Van Der Decken ที่นิสัยไม่ดี
โดยเขาหายสาปสูญที่แหลม Good Hope ก่อนหายได้ตะโกนขึ้นว่า "ข้าจะยังคงวนเวียนอยู่ที่แหลมแห่งนี้ ถึงแม้ว่าข้าจะต้องล่องเรือจนถึงวาระสุด ท้าย ของโลกก็ตาม" และนับจากนั้นเป็นต้นมาผู้คนทั่วโลกก็พบเรือปีศาจแบบนี้ และว่ากันว่าเรือใดที่เห็นเรือปีศาจนี้จะต้องรับความพินาศ โดยในปี 1881 คนประจำเรือเจ้าชายจอร์จที่ 5 เห็นเรือนี้จากนั้นไม่นานเขาก็พลัดตกเสากระโดงเรือตาย.... ทุกวันนี้ก็ยังมีคนกล่าวอ้างอยู่เสมอว่าเห็นเรือ ฟลายอิ้ง ดัทช์แมนยังคงรอนแรมอยู่เดียวดายกลางทะเลด้วยรูปลักษณ์อันเศร้าโศกและสยดสยอง ริชาร์ด วากเนอร์ คีตกวีชื่อก้องโลกได้อาศัย ตำนานปีศาจนี้แต่งอุปรากรที่มีชื่อว่า Der Fliegende Hollander
อันดับ 6 วิญญาณที่โบลถ์บอร์ลีย์ (Borley Rectory)
สถานที่พบเจอ กรุงลอนดอนทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 ไมล์ แถบชานเมืองเอสเซกซ์(ปัจจุบันโดนทุบทิ้งแล้ว)
เมื่อปี ค.ศ.1362 นักบวชนิกายเบเนดิกทีนและแม่ชีจากสำนักชีในละแวกนั้นถูกพ่อมดหมอผีและชาวบ้านที่งมงายจับสองคนไปฆ่า โดยนักบวชถูก แขวนคอส่วนแม่ชีถูกฝังทั้งเป็นภายในผนังของสำนักชี ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นโบสถ์แห่งบอร์เลย์ในปี 1863 และหลังจากนั้นเหตุการณ์ประหลาดก็ เกิด ขึ้นต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นก้อนหินที่ขว้างไปโดยไม่รู้ที่มา รอยเท้าประหลาด เสียง และภาพหลอนขนาดปรากฏตัวในตอนกลางวันแสดๆ เลยโดยปี 1929 เธอปรากฏตัวถี่ขึ้นและเริ่มเห็นเต็มตัวโดยในลักษณะแต่งกายเป็นชีและท่าทางใบหน้าเศร้าหมองร้องขอให้มีผู้พบศพเธอเพื่อประกอบ พิธีทางศาสนา และมีผู้ถ่ายรูปเธอออกมาเพียบ จนกระทั่งคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 ก็เกิดเพลิงไหม้ตอนเที่ยงคืนและเผาโบสถ์จนเหลือเพียง ซากและโบสถ์ก็โดนทุบทิ้งจนผีไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย
อันดับ 5 วิญญาณสีชาด กษัตริย์เฮนรีที่ 4
สถานที่พบเจอ ฝรั่งเศส ???
วิญญาณ สีชาดตนนี้ไม่มีที่มา แต่มันสำแดงตนเสมอในช่วงเปลี่ยนกษัตริย์ของฝรั่งเศส เป็นร่างของชายสูงใหญ่ ใส่เสื้อคลุมสีชาด มีเครายาวสีชาด เช่นกัน ร่างนี้ไปปรากฏต่อพระพักตร์ของกษัตริย์เฮนรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ในคืนที 13 พฤษภาคม 1610 ในห้องพระบรรทมของกษัตริย์เฮนรีเลยทีเดียว แล้วมันก็กล่าวคำพยากรณ์ว่า "พรุ่งนี้เจ้าจะต้องตาย" พระองค์ตกใจมากและรีบเรียกตัวขุนนางผู้ใหญ่มาหารือเพื่อหาทางแก้ไข และอีก 12 ชั่วโมงต่อมา เฮนรีก็ถูกผลักตกจากบัลลังก์จริงตามคำพยากรณ์เพราะฟรองซัวราวิลแย็คทำการรัฐประหาร นอกจากนี้วิญญาณตัวนี้ยังสำแดงตนให้นโปเลียน โปนาปาร์ตเห็นถึง 4 ครั้ง และครั้งที่ 4 คือคืนวันที่ 5 พฤษภาคม 1821 ก็เป็นวันตายของนโปเลียนนั้นเอง
อันดับ 4 ผีชุดขาวแห่งเบอร์ลิน (Ghost White of The Berlin)
สถานที่พบเจอ เยอรมัน ฝรั่งเศส ??
ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของอันนา ซิโดว์ ภรรยาลับของกษัตริย์โจอาคิมที่ 2 ในศตวรรษที่ 16 ที่ถูกจับขังจนถึงแก่กรรม ซึ่งใครก็ตามที่ได้เห็นวิญญาณ หญิงสีขาวเมื่อไหร่คนในราชวงศ์นั้นจะประสบเคราะห์กรรม เช่นปี 1619 มหาดเล็กของกษัตริย์จอร์น ซิกมุนด์เห็นร่างสีขาวก่อนที่จะตายโดยอุบัติเหตุ จากนั้นกษัตริย์จอห์น ซิกมุนด์ก็สวรรคต, นอกจากนั้นกษัตริย์หลายพระองค์ก็เห็นวิญญาณนี้ปรากฏที่รัสเซีย ปารีส และครั้งสุดท้ายที่ปรากฏคือวันที่ 29 เมษายน 1945 ซึ่งเป็นวันล่มสลายของนาซีเยอรมันที่เบอร์ลินพอดี!!
อันดับ 3 วิญญาณที่เรือควีนแมรี่ (Queen Mary)
สถานที่พบเจอ เรือควีนแมรี่(ปัจจุบันถูกจอดไว้ที่เมืองลองบีช โดยดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ โรงแรม)
ควีนแมรี่เป็นเรือใหญ่มากลำหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ เคยถูกนำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วถูกปลดระวางในปี 1967 เพื่อนำไปทำโรงแรม ซึ่ง มีเรื่องเล่ากันว่าถ้าใครตายในเรือแมรี่มีอันต้องเป็นผีเฝ้าเรือทุกตน โดยมีผู้พบเห็นผีนี้ตามจุดทั่วเรือในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าที่เปียก น้ำ เด็กน้อยตามหาแม่และหายตัวไปต่อหน้า สตรีในชุดราตรีโบราณ ฯลฯ
อันดับ 2 วิญญาณของพระนางแคทเธอรีน โฮวาร์ด (Catherine Howard)
สถานที่พบเจอ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ
แม้พระนางจะโดนสำเร็จโทษหลังอภิเษกกับพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ได้เพียง 8 เดือน ไปตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1542 แล้วก็ตาม ระเบียงของพระราชวัง แฮมตัน คอร์ท พาเลสทุกวันนี้ยังมีเสียงร้องโหยหวนในยามดึกเสมอ นอกจากนี้ยังสิงสู่อยู่ที่อีธอร์น มาเนอร์ ฮอลลิงบอร์น เค้นท์ด้วย
อันดับ 1 วิญญาณของพระนางแอนน์ โบลีน (Anne Boleyn the headless Queen)
สถานที่พบเจอ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ
พระเจ้าเฮนรีที่ 8 นี้ช่างเป็นต้นเหตุสร้างเรื่องสยองจริงๆ เมื่อพระนางแอนน์ โบลีนพระมเหสีองค์ที่สองถูกสำเร็จโทษ 19 พฤษภาคม ปี 1536 โดยก่อนตาย นางกล่าวว่า "โอ้ ความตายนำข้าให้หลับใหล พาข้าให้พักอย่างเงียบสงัดนำข้าไปสู่ที่สุดแสนจะเงียบงันออกไปจากอกของข้า ที่ห่วงหาอาทร ย่ำระฆังความตายที่เศร้าสร้อย ปล่อยให้มันก้องกังวาน"
ว่ากันว่าวิญญาณของพระนางจะกลับมาที่ บลิคลิง ฮอลล์ ในนอร์ฟอล์ค ในวันครบรอบที่พระนางถูกสำเร็จโทษ ซึ่งสถานที่แห่งนั้นพระนางเคยใช้ ชีวิต ในวัยเยาว์ที่นั้นเลยผูกพันเป็นพิเศษ ซึ่งมีรายงานปรากฏวิญญาณของพระนางไปยังสถานทีประสูติไม่ว่างเว้น โดยผู้คนมักเห็นร่างของหญิงสูงศักดิ์ปราศจากศีรษะ นั่งอยู่ในรถม้าที่ลากโดยม้าที่ปราศจากหัวสี่ตัว และคนขับซึ่งไม่มีหัวเช่นกัน รถม้าจะวิ่งช้าๆ ไปยังอาคารโบราณที่บลิงตันและ หายลับไปยังประตูหน้า นอกจากนี้พระนางยังปรากฏอยู่ที่หอคอยแห่งลอนดอนอีกด้วย โดยผู้ใดที่อยู่ตรงข้ามพระนางจะพลอยได้พบหายนะไปด้วย เสียสิ้น โดยใครพบเจอคนนั้นอาจหัวใจวายตายในเวลาไม่นาน ไม่ก็เสียสติ
10 อันดับกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
นิตยสารฟอร์บ เสนอบทความกษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลก
เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา (คาดว่าเป็นปี 2008)
ฟอร์บระบุว่า การประเมินทรัพย์สินของราชวงศ์นั้น
ต้องใช้ทั้ง ศาสตร์และศิลป์ประกอบกันไป
เนื่องด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างความมั่งคั่งของบุคคล
กับรัฐนั้นมีลักษณะเฉพาะของแตกต่างกันไป
จากรายงาน ของฟอร์บส์นั้น พบว่าพระมหากษัตริย์หลายพระองค์
มีพระราชทรัพย์ลดลง เนื่องจากผลกระทบที่ต่างๆ กันไป
ฟอร์บระบุว่า ได้ติดตามสถานะของราชวงศ์ระดับแนวหน้า
จำนวนหนึ่งมาหลายปี แต่การนำเสนอผ่าน
บทความดังกล่าวเป็นเพียงครั้งที่ 2
ที่เผยแพร่ทำเนียบกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดอย่างละเอียด
แต่สถาบัน กษัตริย์ของประเทศอย่างสเปน
และญี่ปุ่นกลับพลาดที่จะเข้าร่วมการจัดอันดับไปอย่างน่าเสียดาย
ลำดับที่ 10. Sultan Qaboos bin said of Oman
มีพระราชทรัพย์สุทธิ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
สุลต่านกาบุส ทรงขึ้นครองราชเมื่อปี1970
หลังสิ้นสุดอำนาจของผู้เป็นพ่อ
สุลต่านกาบุสได้ ทรัพย์สินจากการส่งออกน้ำมัน
ปัจจุบันพระองค์ได้หันมาทำธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 9. Princes Albert II of Monaco
เจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโก เป็นกษัตริย์พระองค์เดียว
ที่ยังไม่อภิเษกสมรส และถูกร่ำลือว่าทรงส่งแฟนสาว
ของพระองค์เข้าเรียน คอร์สติวเข้มภาษาฝรั่งเศส
พระองค์มีพระราชทรัพย์ประมาณ 1.4 พันล้านเหรียญฯ
ประกอบไปด้วยอสังหาริมทรัพย์
และหุ้นส่วนกิจการ คาสิโนในโมนาโก
พร้อมทั้งทรงวางแผนที่จะขยายพื้นที่ของประเทศ
(ซึ่งมีขนาดเท่ากับ Central Park ในนิวยอร์ก)
โดยการสร้างเขต ปกครองใหม่ในทะเล
ซึ่งจะตั้งอยู่บนเสาขนาดมหึมา โครงการดังกล่าวนี้
สร้างความวิตกกังวลแก่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่พอสมควร
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 8. King Mohammed VI of Morocco
กษัตริย์โมฮัมหมัดที่ 6 แห่งประเทศโมร็อกโก
ขณะนี้มีทรัพย์สินรวม 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ลดลงจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญฯ
เนื่องจากภัยแล้งที่รุนแรงส่งผลให้อัตราการเติบโต
ทางเศรษฐกิจของประเทศชะลออยู่ที่ระดับ 2 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งได้มาจากการทำเหมืองแร่ฟอสเฟต, เกษตรกรรม
และทรงร่วมหุ้นกับบริษัท
Morocco's largest public company, ONA.
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 7. Sheikh Hamad bin Khalifa Al Thani of Qatar
ชีค ฮาหมัด บิน คาลิฟา อัล ธานี่
มีทรัพย์สินโดยประมาณรวม 3พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 6. Prince Hans-Adam II von und zu Liechtenstein of Liechtenstein
เจ้าชายฮันส์ อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์
มีพระราชทรัพย์ทรัพย์ประมาณการ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยที่ LGT Bank ซึ่งเป็นแหล่งทุนหลักของพระองค์
(บริหารโดยราชวงศ์มากว่า 70 ปี)
ตกเป็นเป้าในคดีหลีกเลี่ยงภาษีอันอื้อฉาว
ซึ่งบริษัทของพระองค์ถูกกล่าวหาว่า
ช่วยเหลือลูกค้าฐานะดีหลายรายในการ “ซุกซ่อน” ทรัพย์สิน
จากการสืบสวนของวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ พบว่า
พระอนุชาของพระองค์ (เจ้าชายฟิลิป) มีส่วนเกี่ยวข้อง
ในการนี้ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประธานของ LGT
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 5. Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum of Dubai
ชีค โมฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มาคทูม แห่งดูไบ
ทรงมีพระราชทรัพย์สุทธิ 18 พันล้านเหรียญฯ
เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Dubai Holding
ซึ่งมีการลงทุนใหญ่ๆ ในหลายบริษัท เช่น โซนี่
และบริษัทผลิตอาวุธ EADS และเมื่อเร็วๆ นี้
กองทุนรวมเพื่อการลงทุนของชีคพระองค์นี้
ได้ใช้เงิน 5 พันล้านเหรียญฯ เพื่อถือหุ้น
ในบริษัท MGM Mirage และ 825 ล้านเหรียญฯ
เพื่อซื้อกิจการค้าปลีก Barneys New York
และทรง เข้ามาซื้อหุ้นใหญ่สุดของสโมสรในอังกฤษอีกด้วย
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 4. Sultan Haji Hassanal Bolkiah of Brunei
สุลต่านแห่งบรูไน ซึ่งเป็นกษัตริย์จากเอเชียจากสองประเทศ
ที่เข้าทำเนียบราชวงศ์ที่รำรวยของฟอร์บ
ราชทรัพย์ของสุลต่านแห่งบรูไน (ทรัพย์สิน 20 พันล้านเหรียญฯ)
ลดลงจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากต้องลดอัตราการผลิตน้ำมัน
เนื่องจากปริมาณสำรองน้ำมันในประเทศบรูไนลดลง
โดยฟอร์บระบุว่า กิจการน้ำมันนั้นเป็นมรดกตกทอด
ของราชวงศ์บรูไนซึ่งเป็นราชวงศ์มุสลิมซึ่งมีอายุกว่า 600 ปี
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 3. King Abdullah bin Abdul Aziz of Saudi Arabia
กษัตริย์อับดุลลาห์ บิน อับดุล อาซิซ แห่งซาอุฯ
ทรงมีทรัพย์สินประมาณการที่ 21.5 พันล้านเหรียญฯ
รายได้มหาศาลของพระองค์ได้มาจากอุตสาหกรรมน้ำมัน
ที่ซาอุดีอาระเบีย มี*ส่วนการผลิตถึง 25 % ของแหล่งน้ำมัน
ทั่วโลก และธุรกิจการบินของสายการบินซาอุดี อาระเบียนส์
แอร์ไลน์ แต่อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์กันว่า
แหล่งน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย จะหมดลงในปีค.ศ.2040
หรืออีกใน 32 ปี ข้างหน้านี้
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 2. Sheikh Khalifa bin Zayed Al Nahyan of the United Arab Emirates
ชีค คาลิฟา บิน ซาเ ยด อัล นาห์ยาน แห่งอาบูดาบี
(สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) มีพระราชทรัพย์ประมาณ
23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ความมั่งคั่งของพระองค์
เกิดจากการที่เมืองอาบูดาบี เป็นเมืองที่มีแหล่งน้ำมัน
สำรองคิดเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
นอกจากนั้น อาบูดาบียังมีชื่อเสียง เนื่องมาจากการลงทุน
ระดับแนวหน้าโดยบรรษัทที่รัฐเป็นเจ้าของนั่นคือ
เงินลงทุน 7.5 พันล้านเหรียญฯ ในบริษัท Citibank
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 1. King Bhumibol Adulyadej of Thailand
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
แห่งราชอาณาจักรไทย ทรงอยู่ในลำดับสูงสุด
ของทำเนียบราชวงศ์ที่รวยที่สุดในโลกในปีนี้
โดยมีพระราชทรัพย์ประมาณการได้ล่าสุดกว่า 35 พันล้าน
เหรียญฯ (1.19 ล้านล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน
1 บาท: 34 ดอลลาร์)
โดย พระราชทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนี้สืบเนื่องจากความโปร่งใส
ที่เพิ่มขึ้นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั่นเอง
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
สังเกตุแล้ว ส่วนใหญ่ จะเป็นประเทศในเครือผลิตน้ำมัน หลายประเทศรวยจากน้ำมัน
แต่พ่อหลวงของเรา สอนให้เราทุกคนอยู่แบบพอเพียง
ตั้งอยู่บนความพอเพียง เป็นสิ่งที่ทำพระองค์ประทานให้แก่
พสกนิกรชาวไทยทุกคน พระองค์ทรงเป็นนักคิด นักวางแผน
ทรงงานหนักเพื่อคนไทย เพื่อชาวไทยทุกๆคน
1. ห้ามใช้คำหยาบคาย
2. มีอะไรสงสัยส่ง PM มาบอกนะครับ
3. ห้ามนำภาพลามกมาลงในเว็บนี้
4. ขอความกรุณาใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง
5. ขอความกรุณาทำตามกฎเหล่านี้อย่างเคร่งครัด หากมีกฎเพิ่มเติม สามารถแสดงกฎเพิ่มเติมได้ ทางชมรมจะพิจารณา
6. อยากได้ความรู้เพิ่มเติม ขอมาได้นะครับ
ข้อดีของการได้เป็นสมาชิกชมรมนี้
- สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ได้
- มีการอัพเดทข่าวสารประจำสัปดาห์ข่าวสาร
- เป็นชมรมที่สบายๆ
- สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ได้
- มีสื่อ วิดีโอแนะนำ
โลโก้ชมรมนี้
มีอะไรแนะนำหน่อยนะครับ
10 อันดับความรู้
10 อันดับประเทศที่สงบที่สุดในโลก
กลับมาพบกันอีกครั้งแล้วสำหรับเรื่องราวของความเป็นที่สุดในโลกของเราในวันนี้ครับ ยังคงเดินหน้าค้นหาและรวบรวมเอาควสามเป็นที่สุดในโลกจากทั่วทุกมุมโลกมาให้ได้รับชม ศึกษาไว้เป็นข้อมูลความรู้เหมือนเช่นเคย หลายๆ สิ่งบนโลกเรานั้นทุกอย่างล้วนแต่ต้องมีความเป็นที่สุดในโลกครับ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เราเคยพาทุกท่านไปรู้จักกับ “10 อันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2014 โดยนิตยสาร TRAVEL + LEISURE” วันนี้เราจะพามาชมกับ 10 อันดับ ประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลก กันบ้างครับ มาดูกันว่าประเทศไหนที่จะขึ้นชื่อว่าสงบสุขที่สุดในโลก
การจัดอันดับดังกล่าวมาจาก ดัชนีความสงบสุขโลก (จีพีไอ) ใช้การจัดอันดับประเทศต่างๆ ใต้เงื่อนไข 3 ประการคือ 1.ระดับความปลอดภัยและความมั่นคงในสังคม 2.ขอบเขตความขัดแย้งภายในประเทศหรือระหว่างประเทศ และ 3. ระดับกำลังทหาร และผลจากการวัดดัชนีต่างๆ ที่ว่านี้ผลแรากฎว่าประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลกนั้นมีดังนี้ครับ
อันดับ 10. นอร์เวย์
สำหรับนอร์เวย์ นั้นเป็นประเทศที่มีดัชนีความสุขขยับขึ้นมาจากปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าในด้านของความขัดแย้งนั้นจะมีคะแนนที่ต่ำ แต่ว่าในเรื่องของการทหารนั้นกลับมีคะแนนที่สูง สืบเนื่องมาจากการส่งออกอาวุธที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเองละครับ
อันดับ 9. เบลเยี่ยม
เบลเยี่ยมนั้นได้รับการพิจารณาว่าเป็นประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการศึกษาของเด็ก นอกจากนี้ยังมีปราสาทที่งดงาม รวมไปถึงของกินขึ้นชื่ออย่าง วัฟเฟิลส์ และช็อกโกแลตอีกต่างหาก
อันดับ 8. ญี่ปุ่น
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าประเทศแห่งนี้จะขึ้นมาติดอันดับทอบเท็นของประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลกได้ แถมยังเป็นประเทศที่มีความสงบสุขมากที่สุดในทวีปเอเชีย และยังเป็น 1 ในทั้งหมด 11 ประเทศที่ไม่มีความขัดแย้งทั้งภายใน และภายนอกประเทศ
อันดับ 7. แคนาดา
ประเทศขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก แถมยังยังมีความสงบสุขเป็นอันดับที่ 7 ของโลกอีกต่างหาก ประเทศแหง่นี้มีความปลอดภัยสูง มีมาตรฐานการดำรงชีพสูง มีความเสี่ยงในการก่อการร้ายต่ำมาก
อันดับ 6. ฟินแลนด์
ประเทศที่มีการบังคับเกณฑ์ทหารสำหรับพลเมืองชาย แต่มีการควบคุมการปฏิบัติการทางทหารที่เข้มงวด เข้าร่วมเฉพาะภารกิจของสหประชาชาติเท่านั้น
ภาพ: นายทหารรักษาสันติภาพฟินแลนด์ ในอัฟกานิสถาน
อันดับ 5. สวิตเซอร์แลนด์
ประเทศที่มีภาพลักษณ์ในด้านของความเป็นกลาง ไม่เคยเห็นสวิตเซอร์แลนด์เข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนอกประเทศแต่อย่างใด แถมประเทศแห่งนี้ยังเป็น 1 ในไม่กี่ประเทศที่มีคะแนนต่ำสุดในเรื่องความขัดแย้งทุกรูปแบบ เยี่ยมจริงๆ
อันดับ 4. นิวซีแลนด์
ประเทศแห่งนี้ได้รับความนิยมในด้านของการท่องเที่ยวมาก หลังจากเคยถุกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ไตรภาคอันโด่งดังอย่าง ออฟ เดอะ ริงส์ และเดอะ ฮอบบิท อีกด้วย
อันดับ 3. ออสเตรีย
ปัจจัยหลักๆ เพียงไม่กี่ข้อ ที่ทำให้ออสเตรีย ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ของดัชนีความสงบสุข รวมถึง ความสงบสุขโดยรวมของประเทศ และการลดนำเข้าอาวุธลงอย่างมาก
อันดับ 2. เดนมาร์ก
เดนมาร์ก และประเทศอื่นๆ ในยุโรปเหนือ ถูกจัดให้เป็นดินแดนที่เหมาะสำหรับการทำธุรกิจ และมีความปลอดภัยมากที่สุดในโลกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการอยู่ในอันดับ 2 ของดัชนีความสงบสุข ทำให้เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีความสงบวสุขมากที่สุดในยุโรป โดยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อกรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของประเทศ ถูกกองทัพนาซีเข้ายึดครอง ชาวเดนมาร์กได้เลือกใช้วิธีการที่ปราศจากความรุนแรงในการต่อต้านการยึดครอง
อันดับ 1.ไอซ์แลนด์
ในปีนี้ ไอซ์แลนด์ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีความสงบสุขมากที่สุดในโลก โดยมาตรวัดสำคัญที่ทำให้ไอซ์แลนด์ได้ตำแหน่งนี้ไปครอง รวมถึง การไม่มีกองทัพ และระบบสวัสดิการ ที่ดูแลด้านสุขภาพ และการศึกษาของประชาชนทุกคน ทั้งไอซ์แลนด์ ยังมีการนำพลังงานความร้อนจากใต้โลก มาใช้เป็นแหล่งพลังงานใหญ่สุดของประเทศ และยังเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกสุด ที่อนุญาตให้กลุ่มรักรวมเพศแต่งงานกันได้อย่างถูกกฎหมาย
10 อันดับผีที่น่ากลัวที่สุดในโลก
อันดับ 10 ปรากฏการณ์แม่มดเบลล์ (The bell witch)
สถานที่พบเจอ เมืองอดัมส์ มลรัฐเทนเนสซี อเมริกา
ในปี ค.ศ.1817 สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อปรากฏการณ์หลอนที่มีชื่อที่สุดในอเมริกา ผู้คนทุกสารทิศพากันหลั่งไหลมาชม รวมไปถึงประธานาธิบดีด้วย ซึ่งก็ไม่เคยผิดหวังทุกคนได้เห็นกันทั่วหน้า ซึ่งว่ากันว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากหญิงชราชื่อ เคท แบทส์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของครอบครัวเบลล์
เธอเจ็บแค้นมากเมื่อ ครอบครัวนี้โกงเธอในการซื้อขายที่ดิน ดังนั้นก่อนตายเธอได้สาปแช่งว่าถ้าเธอเป็นผีฉันจะให้ดู และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ครอบครัวของเบลล์ต้องประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ จากผีที่มองไม่เห็นไม่ว่าจะเป็น ข้าวของแตกกระจาย เข็มทิ่มตามร่างกาย นมหกเลอเทอะ ดึงผ้าคลุมจากเตียง การทุบตี แถมเสียงหัวเราะสยองแกล้งแบบสะใจ แม้กระทั่งตอนสมาชิกในครอบครัวตายผีตนนี้ยังไม่วายที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์ หัวเราะร้องเพลงอย่างเริงร่าและดังยาวนานจนผู้ร่วมพิธีศพคนสุดท้ายออกจากงานฝังศพ
แม้ทุกวันนี้ครอบครัวเบลล์จะหมดรุ่นไปแล้วเกือบ 200 ปี ก็ตาม แต่ทุกวันนี้วิญญาณยังปรากฏตัวอยู่ เนื่องจากมีผู้พบเห็นปรากฏการณ์แปลกๆ ภายในถ้ำแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในบริเวณครั้งหนึ่งที่เคยเป็นสมบัติของเบลล์
อันดับ 9 ผีที่บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์สแควร์ (50 Berkeley Square)
สถานที่พบเจอ บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์ สแควร์ กรุงลอนดอน
ผีที่นี่ดุจริงๆ เพราะมันทำให้เหยื่อเคราะห์ร้ายต้องสังเวยให้กับมัน แม้ไม่มีใครทราบที่มาแต่หลายคนต่างโดนมันฆ่าถ้าใครก็ตามที่มานอนพักบ้านร้าง หลังนั้น เช่นในปี 1887 กะลาสีสองคนชื่อเอ็ดเวิร์ด บลันเดนและโรเบิร์ต มาร์ติน ได้อาศัยบ้านหลังนี้พักชั่วคราวและต่อมากลางคืนบลันเดนก็พบเห็น ผีและสู้กับมันส่วนมาร์ตินหนีออกมาเพื่อแจ้งตำรวจและเมื่อกลับมาก็พบบลันเดนตายอยู่บันไดชั้นล่างในสภาพคอหัก ดวงตาเบิกโพลง นอกจากนั้น จอร์จ แคนนิ่ง นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็โดนด้วยและ เสียชีวิตในปี 1827 ปัจจุบันคนละแวกแถวนั้นมักตกใจเสียงทุบและเสียงกระแทกปึงปังในบางคืน
อันดับ8 บ้านอมิตี้วิลล์ (Amityville House)
สถานที่พบเจอ บ้านเลขที่ 112 โอนอเวนิว อเมริกา
บ้านอมิตี้วิลล์ โอนอเวนิว เป็นบ้านทรงดัทซ์ โคโลเนียล หน้าตาเหมือนโรงนาทรงสูงที่ที่สวยงามมากหลังหนึ่ง ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1924 แต่เมื่อ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 เกิดการฆาตกรรมหมู่ครอบครัวหนึ่งจากนั้นเป็นต้นมาที่นี่ก็กลายเป็นบ้านผีดุไปในบัดดล
โดยที่โด่งดังที่สุดคือกรณี ของ ครอบครัวของจอร์จ ลัทซ์ก็อาศัยอยู่บ้านหลังนี้และพบเหตุการณ์ประหลาดแทบทุกคืนไม่ว่าจะเป็น เสียง รอยเท้า ผีอำ ฯลฯ นอกจากนั้น ไม่ว่า ใครหน้าไหนเอา เรื่องนี้มาแต่งเป็นนิยายหรือทำเป็นหนังจะโดนคำสาป เห็นได้จาก เคยมีคนนำเรื่องอมิตี้วิลล์มาสร้างหนังปรากฏว่าหลายคนในกอง ถ่าย ต่างประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ลึกลับ เจ็บไข้ ได้ป่วย หรือแม้กระทั่งตายอย่างลึกลับ (ปัจจุบันเราสามารถหาดู เรื่องนี้จากหนังเรื่องผีทวงบ้าน) ระวังจะโดนคำสาบ!!
อันดับ 7 เดอะ ฟลายอิ้ง ดัชท์แมน (Flying Dutchman)
สถานที่พบเจอ แหลม Good Hope ฮอลแลนด์ และท้องทะเลทั่วโลก(ไทยก็เคยเจอ)
เป็นเรือปีศาจที่ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยๆ ในทั่วโลกมาแล้วหลายร้อยปี เดิมคือ เรือ Flying Ducthman เป็นของกัปตัน Van Der Decken ที่นิสัยไม่ดี
โดยเขาหายสาปสูญที่แหลม Good Hope ก่อนหายได้ตะโกนขึ้นว่า "ข้าจะยังคงวนเวียนอยู่ที่แหลมแห่งนี้ ถึงแม้ว่าข้าจะต้องล่องเรือจนถึงวาระสุด ท้าย ของโลกก็ตาม" และนับจากนั้นเป็นต้นมาผู้คนทั่วโลกก็พบเรือปีศาจแบบนี้ และว่ากันว่าเรือใดที่เห็นเรือปีศาจนี้จะต้องรับความพินาศ โดยในปี 1881 คนประจำเรือเจ้าชายจอร์จที่ 5 เห็นเรือนี้จากนั้นไม่นานเขาก็พลัดตกเสากระโดงเรือตาย.... ทุกวันนี้ก็ยังมีคนกล่าวอ้างอยู่เสมอว่าเห็นเรือ ฟลายอิ้ง ดัทช์แมนยังคงรอนแรมอยู่เดียวดายกลางทะเลด้วยรูปลักษณ์อันเศร้าโศกและสยดสยอง ริชาร์ด วากเนอร์ คีตกวีชื่อก้องโลกได้อาศัย ตำนานปีศาจนี้แต่งอุปรากรที่มีชื่อว่า Der Fliegende Hollander
อันดับ 6 วิญญาณที่โบลถ์บอร์ลีย์ (Borley Rectory)
สถานที่พบเจอ กรุงลอนดอนทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 ไมล์ แถบชานเมืองเอสเซกซ์(ปัจจุบันโดนทุบทิ้งแล้ว)
เมื่อปี ค.ศ.1362 นักบวชนิกายเบเนดิกทีนและแม่ชีจากสำนักชีในละแวกนั้นถูกพ่อมดหมอผีและชาวบ้านที่งมงายจับสองคนไปฆ่า โดยนักบวชถูก แขวนคอส่วนแม่ชีถูกฝังทั้งเป็นภายในผนังของสำนักชี ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นโบสถ์แห่งบอร์เลย์ในปี 1863 และหลังจากนั้นเหตุการณ์ประหลาดก็ เกิด ขึ้นต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นก้อนหินที่ขว้างไปโดยไม่รู้ที่มา รอยเท้าประหลาด เสียง และภาพหลอนขนาดปรากฏตัวในตอนกลางวันแสดๆ เลยโดยปี 1929 เธอปรากฏตัวถี่ขึ้นและเริ่มเห็นเต็มตัวโดยในลักษณะแต่งกายเป็นชีและท่าทางใบหน้าเศร้าหมองร้องขอให้มีผู้พบศพเธอเพื่อประกอบ พิธีทางศาสนา และมีผู้ถ่ายรูปเธอออกมาเพียบ จนกระทั่งคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 ก็เกิดเพลิงไหม้ตอนเที่ยงคืนและเผาโบสถ์จนเหลือเพียง ซากและโบสถ์ก็โดนทุบทิ้งจนผีไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย
อันดับ 5 วิญญาณสีชาด กษัตริย์เฮนรีที่ 4
สถานที่พบเจอ ฝรั่งเศส ???
วิญญาณ สีชาดตนนี้ไม่มีที่มา แต่มันสำแดงตนเสมอในช่วงเปลี่ยนกษัตริย์ของฝรั่งเศส เป็นร่างของชายสูงใหญ่ ใส่เสื้อคลุมสีชาด มีเครายาวสีชาด เช่นกัน ร่างนี้ไปปรากฏต่อพระพักตร์ของกษัตริย์เฮนรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ในคืนที 13 พฤษภาคม 1610 ในห้องพระบรรทมของกษัตริย์เฮนรีเลยทีเดียว แล้วมันก็กล่าวคำพยากรณ์ว่า "พรุ่งนี้เจ้าจะต้องตาย" พระองค์ตกใจมากและรีบเรียกตัวขุนนางผู้ใหญ่มาหารือเพื่อหาทางแก้ไข และอีก 12 ชั่วโมงต่อมา เฮนรีก็ถูกผลักตกจากบัลลังก์จริงตามคำพยากรณ์เพราะฟรองซัวราวิลแย็คทำการรัฐประหาร นอกจากนี้วิญญาณตัวนี้ยังสำแดงตนให้นโปเลียน โปนาปาร์ตเห็นถึง 4 ครั้ง และครั้งที่ 4 คือคืนวันที่ 5 พฤษภาคม 1821 ก็เป็นวันตายของนโปเลียนนั้นเอง
อันดับ 4 ผีชุดขาวแห่งเบอร์ลิน (Ghost White of The Berlin)
สถานที่พบเจอ เยอรมัน ฝรั่งเศส ??
ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของอันนา ซิโดว์ ภรรยาลับของกษัตริย์โจอาคิมที่ 2 ในศตวรรษที่ 16 ที่ถูกจับขังจนถึงแก่กรรม ซึ่งใครก็ตามที่ได้เห็นวิญญาณ หญิงสีขาวเมื่อไหร่คนในราชวงศ์นั้นจะประสบเคราะห์กรรม เช่นปี 1619 มหาดเล็กของกษัตริย์จอร์น ซิกมุนด์เห็นร่างสีขาวก่อนที่จะตายโดยอุบัติเหตุ จากนั้นกษัตริย์จอห์น ซิกมุนด์ก็สวรรคต, นอกจากนั้นกษัตริย์หลายพระองค์ก็เห็นวิญญาณนี้ปรากฏที่รัสเซีย ปารีส และครั้งสุดท้ายที่ปรากฏคือวันที่ 29 เมษายน 1945 ซึ่งเป็นวันล่มสลายของนาซีเยอรมันที่เบอร์ลินพอดี!!
อันดับ 3 วิญญาณที่เรือควีนแมรี่ (Queen Mary)
สถานที่พบเจอ เรือควีนแมรี่(ปัจจุบันถูกจอดไว้ที่เมืองลองบีช โดยดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ โรงแรม)
ควีนแมรี่เป็นเรือใหญ่มากลำหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ เคยถูกนำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วถูกปลดระวางในปี 1967 เพื่อนำไปทำโรงแรม ซึ่ง มีเรื่องเล่ากันว่าถ้าใครตายในเรือแมรี่มีอันต้องเป็นผีเฝ้าเรือทุกตน โดยมีผู้พบเห็นผีนี้ตามจุดทั่วเรือในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าที่เปียก น้ำ เด็กน้อยตามหาแม่และหายตัวไปต่อหน้า สตรีในชุดราตรีโบราณ ฯลฯ
อันดับ 2 วิญญาณของพระนางแคทเธอรีน โฮวาร์ด (Catherine Howard)
สถานที่พบเจอ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ
แม้พระนางจะโดนสำเร็จโทษหลังอภิเษกกับพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ได้เพียง 8 เดือน ไปตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1542 แล้วก็ตาม ระเบียงของพระราชวัง แฮมตัน คอร์ท พาเลสทุกวันนี้ยังมีเสียงร้องโหยหวนในยามดึกเสมอ นอกจากนี้ยังสิงสู่อยู่ที่อีธอร์น มาเนอร์ ฮอลลิงบอร์น เค้นท์ด้วย
อันดับ 1 วิญญาณของพระนางแอนน์ โบลีน (Anne Boleyn the headless Queen)
สถานที่พบเจอ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ
พระเจ้าเฮนรีที่ 8 นี้ช่างเป็นต้นเหตุสร้างเรื่องสยองจริงๆ เมื่อพระนางแอนน์ โบลีนพระมเหสีองค์ที่สองถูกสำเร็จโทษ 19 พฤษภาคม ปี 1536 โดยก่อนตาย นางกล่าวว่า "โอ้ ความตายนำข้าให้หลับใหล พาข้าให้พักอย่างเงียบสงัดนำข้าไปสู่ที่สุดแสนจะเงียบงันออกไปจากอกของข้า ที่ห่วงหาอาทร ย่ำระฆังความตายที่เศร้าสร้อย ปล่อยให้มันก้องกังวาน"
ว่ากันว่าวิญญาณของพระนางจะกลับมาที่ บลิคลิง ฮอลล์ ในนอร์ฟอล์ค ในวันครบรอบที่พระนางถูกสำเร็จโทษ ซึ่งสถานที่แห่งนั้นพระนางเคยใช้ ชีวิต ในวัยเยาว์ที่นั้นเลยผูกพันเป็นพิเศษ ซึ่งมีรายงานปรากฏวิญญาณของพระนางไปยังสถานทีประสูติไม่ว่างเว้น โดยผู้คนมักเห็นร่างของหญิงสูงศักดิ์ปราศจากศีรษะ นั่งอยู่ในรถม้าที่ลากโดยม้าที่ปราศจากหัวสี่ตัว และคนขับซึ่งไม่มีหัวเช่นกัน รถม้าจะวิ่งช้าๆ ไปยังอาคารโบราณที่บลิงตันและ หายลับไปยังประตูหน้า นอกจากนี้พระนางยังปรากฏอยู่ที่หอคอยแห่งลอนดอนอีกด้วย โดยผู้ใดที่อยู่ตรงข้ามพระนางจะพลอยได้พบหายนะไปด้วย เสียสิ้น โดยใครพบเจอคนนั้นอาจหัวใจวายตายในเวลาไม่นาน ไม่ก็เสียสติ
10 อันดับกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
นิตยสารฟอร์บ เสนอบทความกษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลก
เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา (คาดว่าเป็นปี 2008)
ฟอร์บระบุว่า การประเมินทรัพย์สินของราชวงศ์นั้น
ต้องใช้ทั้ง ศาสตร์และศิลป์ประกอบกันไป
เนื่องด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างความมั่งคั่งของบุคคล
กับรัฐนั้นมีลักษณะเฉพาะของแตกต่างกันไป
จากรายงาน ของฟอร์บส์นั้น พบว่าพระมหากษัตริย์หลายพระองค์
มีพระราชทรัพย์ลดลง เนื่องจากผลกระทบที่ต่างๆ กันไป
ฟอร์บระบุว่า ได้ติดตามสถานะของราชวงศ์ระดับแนวหน้า
จำนวนหนึ่งมาหลายปี แต่การนำเสนอผ่าน
บทความดังกล่าวเป็นเพียงครั้งที่ 2
ที่เผยแพร่ทำเนียบกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดอย่างละเอียด
แต่สถาบัน กษัตริย์ของประเทศอย่างสเปน
และญี่ปุ่นกลับพลาดที่จะเข้าร่วมการจัดอันดับไปอย่างน่าเสียดาย
ลำดับที่ 10. Sultan Qaboos bin said of Oman
มีพระราชทรัพย์สุทธิ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
สุลต่านกาบุส ทรงขึ้นครองราชเมื่อปี1970
หลังสิ้นสุดอำนาจของผู้เป็นพ่อ
สุลต่านกาบุสได้ ทรัพย์สินจากการส่งออกน้ำมัน
ปัจจุบันพระองค์ได้หันมาทำธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 9. Princes Albert II of Monaco
เจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโก เป็นกษัตริย์พระองค์เดียว
ที่ยังไม่อภิเษกสมรส และถูกร่ำลือว่าทรงส่งแฟนสาว
ของพระองค์เข้าเรียน คอร์สติวเข้มภาษาฝรั่งเศส
พระองค์มีพระราชทรัพย์ประมาณ 1.4 พันล้านเหรียญฯ
ประกอบไปด้วยอสังหาริมทรัพย์
และหุ้นส่วนกิจการ คาสิโนในโมนาโก
พร้อมทั้งทรงวางแผนที่จะขยายพื้นที่ของประเทศ
(ซึ่งมีขนาดเท่ากับ Central Park ในนิวยอร์ก)
โดยการสร้างเขต ปกครองใหม่ในทะเล
ซึ่งจะตั้งอยู่บนเสาขนาดมหึมา โครงการดังกล่าวนี้
สร้างความวิตกกังวลแก่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่พอสมควร
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 8. King Mohammed VI of Morocco
กษัตริย์โมฮัมหมัดที่ 6 แห่งประเทศโมร็อกโก
ขณะนี้มีทรัพย์สินรวม 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ลดลงจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญฯ
เนื่องจากภัยแล้งที่รุนแรงส่งผลให้อัตราการเติบโต
ทางเศรษฐกิจของประเทศชะลออยู่ที่ระดับ 2 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งได้มาจากการทำเหมืองแร่ฟอสเฟต, เกษตรกรรม
และทรงร่วมหุ้นกับบริษัท
Morocco's largest public company, ONA.
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 7. Sheikh Hamad bin Khalifa Al Thani of Qatar
ชีค ฮาหมัด บิน คาลิฟา อัล ธานี่
มีทรัพย์สินโดยประมาณรวม 3พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 6. Prince Hans-Adam II von und zu Liechtenstein of Liechtenstein
เจ้าชายฮันส์ อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์
มีพระราชทรัพย์ทรัพย์ประมาณการ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยที่ LGT Bank ซึ่งเป็นแหล่งทุนหลักของพระองค์
(บริหารโดยราชวงศ์มากว่า 70 ปี)
ตกเป็นเป้าในคดีหลีกเลี่ยงภาษีอันอื้อฉาว
ซึ่งบริษัทของพระองค์ถูกกล่าวหาว่า
ช่วยเหลือลูกค้าฐานะดีหลายรายในการ “ซุกซ่อน” ทรัพย์สิน
จากการสืบสวนของวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ พบว่า
พระอนุชาของพระองค์ (เจ้าชายฟิลิป) มีส่วนเกี่ยวข้อง
ในการนี้ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประธานของ LGT
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 5. Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum of Dubai
ชีค โมฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มาคทูม แห่งดูไบ
ทรงมีพระราชทรัพย์สุทธิ 18 พันล้านเหรียญฯ
เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Dubai Holding
ซึ่งมีการลงทุนใหญ่ๆ ในหลายบริษัท เช่น โซนี่
และบริษัทผลิตอาวุธ EADS และเมื่อเร็วๆ นี้
กองทุนรวมเพื่อการลงทุนของชีคพระองค์นี้
ได้ใช้เงิน 5 พันล้านเหรียญฯ เพื่อถือหุ้น
ในบริษัท MGM Mirage และ 825 ล้านเหรียญฯ
เพื่อซื้อกิจการค้าปลีก Barneys New York
และทรง เข้ามาซื้อหุ้นใหญ่สุดของสโมสรในอังกฤษอีกด้วย
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 4. Sultan Haji Hassanal Bolkiah of Brunei
สุลต่านแห่งบรูไน ซึ่งเป็นกษัตริย์จากเอเชียจากสองประเทศ
ที่เข้าทำเนียบราชวงศ์ที่รำรวยของฟอร์บ
ราชทรัพย์ของสุลต่านแห่งบรูไน (ทรัพย์สิน 20 พันล้านเหรียญฯ)
ลดลงจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากต้องลดอัตราการผลิตน้ำมัน
เนื่องจากปริมาณสำรองน้ำมันในประเทศบรูไนลดลง
โดยฟอร์บระบุว่า กิจการน้ำมันนั้นเป็นมรดกตกทอด
ของราชวงศ์บรูไนซึ่งเป็นราชวงศ์มุสลิมซึ่งมีอายุกว่า 600 ปี
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 3. King Abdullah bin Abdul Aziz of Saudi Arabia
กษัตริย์อับดุลลาห์ บิน อับดุล อาซิซ แห่งซาอุฯ
ทรงมีทรัพย์สินประมาณการที่ 21.5 พันล้านเหรียญฯ
รายได้มหาศาลของพระองค์ได้มาจากอุตสาหกรรมน้ำมัน
ที่ซาอุดีอาระเบีย มี*ส่วนการผลิตถึง 25 % ของแหล่งน้ำมัน
ทั่วโลก และธุรกิจการบินของสายการบินซาอุดี อาระเบียนส์
แอร์ไลน์ แต่อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์กันว่า
แหล่งน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย จะหมดลงในปีค.ศ.2040
หรืออีกใน 32 ปี ข้างหน้านี้
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 2. Sheikh Khalifa bin Zayed Al Nahyan of the United Arab Emirates
ชีค คาลิฟา บิน ซาเ ยด อัล นาห์ยาน แห่งอาบูดาบี
(สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) มีพระราชทรัพย์ประมาณ
23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ความมั่งคั่งของพระองค์
เกิดจากการที่เมืองอาบูดาบี เป็นเมืองที่มีแหล่งน้ำมัน
สำรองคิดเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
นอกจากนั้น อาบูดาบียังมีชื่อเสียง เนื่องมาจากการลงทุน
ระดับแนวหน้าโดยบรรษัทที่รัฐเป็นเจ้าของนั่นคือ
เงินลงทุน 7.5 พันล้านเหรียญฯ ในบริษัท Citibank
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลำดับที่ 1. King Bhumibol Adulyadej of Thailand
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
แห่งราชอาณาจักรไทย ทรงอยู่ในลำดับสูงสุด
ของทำเนียบราชวงศ์ที่รวยที่สุดในโลกในปีนี้
โดยมีพระราชทรัพย์ประมาณการได้ล่าสุดกว่า 35 พันล้าน
เหรียญฯ (1.19 ล้านล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน
1 บาท: 34 ดอลลาร์)
โดย พระราชทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนี้สืบเนื่องจากความโปร่งใส
ที่เพิ่มขึ้นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั่นเอง
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
สังเกตุแล้ว ส่วนใหญ่ จะเป็นประเทศในเครือผลิตน้ำมัน หลายประเทศรวยจากน้ำมัน
แต่พ่อหลวงของเรา สอนให้เราทุกคนอยู่แบบพอเพียง
ตั้งอยู่บนความพอเพียง เป็นสิ่งที่ทำพระองค์ประทานให้แก่
พสกนิกรชาวไทยทุกคน พระองค์ทรงเป็นนักคิด นักวางแผน
ทรงงานหนักเพื่อคนไทย เพื่อชาวไทยทุกๆคน
10 อันดับวัดที่สวยที่สุดในโลก
อันดับ10 Ankor Wat : the largest temple in history
ปราสาทนครวัด (Angkor Wat) เป็นเทวสถานฮินดูลัทธิไวษณพนิกาย
ที่นับถือพระวิษณุเป็นเทพเจ้าสูงสุด สร้างโดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2
เมื่อช่วงครึ่งแรกคริสต์ศตวรรษที่ 12 เพื่ออุทิศถวาย
แด่องค์พระวิษณุที่พระองค์เชื่อว่า เป็นร่างของพระองค์เอง
ในขณะที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ และหลังจากสิ้นพระชนม์ไปแล้ว
ศาสนสถานแห่งนี้ ก็จะเป็นพระราชสุสานที่พระองค์
จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระวิษณุ
อันดับ 9 The Temple of Srirangam ( Sri Ranganathaswamy Temple)
วัดนี้อยู่ในประเทศอินเดีย เมือง Tiruchirapalli
หรือ Trichy เป็นวัดของศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อันดับ 8 The Harmandir Sahib : the Golden Temple in Punjab
วิหารฮัรมันดิร ซาฮิบ หรือ วิหารทองคำ เป็นวิหารที่สำคัญที่สุด
ในศาสนาซิก ตั้งอยู่ที่เมืองอัมริตสาร์ เมืองหลวงของ
แคว้นปัญจาบ ทางภาคเหนือของประเทศอินเดีย
อันดับ 7 Borobudur, Indonesia
บุโรพุทโธ ( Borobudur ) พุทธสถานอันศักดิ์สิทธิ์
ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8-9 โดยกษัตริย์ราชวงศ์ไศเลนทร
ตั้งอยู่บนเนินสูงของเกาะชวาภาคกลาง ห่างจากเมือง
ยอกยากาตาร์ ( Yogyakata ) ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ประมาณ 40 กิโลเมตร ถือเป็นโบราณสถาานขนาดใหญ่
และเป็นศูนย์รวมแห่งความภาคภูมิใจของชาวอินโดนิเซีย
และชาวพุทธทุกคน ซึ่งหวังจะไปแสวงบุญสักครั้งในชีวิต
เจดีย์บุโรพุทโธรูปทรงดอกบัวนี้ก่อสร้างตามแบบศิลปะฮินดู-ชวา
หรือศิลปะชวาภาคกลางที่ผสมผสาานระหว่างอินเดียและอินโดนีเซีย
ได้อย่างกลมกลืนที่สุด บุโรพุทโธเปรียบเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
อันดับ 6 Chion-in Temple : Kyoto, Japan
วัดจิออนอิน (Chion-in temple) พื้นที่ของวัดนั้ใหญ่โตอลังการ
แทรกตัวอยู่ในเขาเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นมาก
วัดนี้สร้างในปี ค.ศ. 1234 เพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้ก่อตั้ง
ศาสนาพุทธนิกายโจโด เป็นนักบวช ชื่อว่า Honen
อันดับ 5 Temple of Heaven : a Taoist temple in Beijing
หอฟ้าเทียนถานเป็นสถานบวงสรวงเทพยดาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง
ซึ่งยังคงรักษาไว้ในจีน ประกอบด้วยตําหนักฉีเหนียนเตี้ยน ตําหนักหวงฉงอี่
และลานหยวนชิว เป็นต้น เทียนถานตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงปักกิ่ง
มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒๗๓ เฮกต้าร์ เป็นสถานซึ่งจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง
และราชวงศ์ชิงใช้เป็นที่บวงสรวงเทพยดา ในระยะย่างเข้าฤดูหนาว
ถึงเดือนอ้ายตามจันทรคติทุกปี พระจักรพรรดิจะเสด็จไปประกอบ
พระราชพิธีบวงสรวงที่นั่นเพื่อให้การเก็บเกี่ยวได้ผลอุดม
อันดับ 4 The Shwedagon Paya (or Pagoda), Myanmar
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ
เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุ
พระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น
ตามตำนาน เจดีย์ชเวดากองนั้นสร้างเมื่อง 2,500 ปีที่แล้ว
แต่นักโบราณคดีเชื่อกันว่าสร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 6-10
สร้างโดยชาวมอญ ตามตำนานนั้นเริ่มจากว่า มีสองพี่น้อง
พ่อค้า 2 คน ได้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้ามา พระองค์จึง
ประทานพระเกศามา 8 เส้น พระเจดีย์ได้ถูกทิ้งร้าง
จนมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14 รัชสมัยพระเจ้าพินยาอู
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์ใหม่สูง 18 เมตร
พระเจดีย์ได้ถูกซ่อมแซมมาเรื่อยมา จนมามีความสูง 98 เมตรในปัจจุบัน
บนยอดสุดของพระเจดีย์ มีเพชรอยู่ 5,448 เม็ด โดยเฉพาะ
ชั้นข้างบนสุดมีเพชรเม็ดใหญ่อยู่ 72 กะรัต และทับทิม 2,317 เม็ด
อันดับ 3 rambanan : Hindu temple, Indonesia
วัดฮินดูพรัมบานัน : Prambanan Temple
พรัมบานันเป็นวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซียหรือจะเรียกว่า
ใหญ่ที่สุดในเอเซียอาคเนย์เลยก็ได้ ตั้งอยู่ที่เมืองพรัมบานัน
ตอนกลางของเกาะชวา และอยู่ไม่ไกลจากยอกยากาตาร์มากนัก
วัดถูกสร้างขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 1340 โดยสันนิษฐานว่า
น่าจะสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ Rakai Pikatan
จากราชวงศ์ Mataram ที่ 2 หรืออาจะสร้างในสมัยกษัตริย์
Balitung Maha Samba จากราชวงศ์ Sanjaya
ได้รับความเสียหายมากในช่วงปี 2006 เพราะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่นี่
อันดับ 2 Wat Rong Khun in Chiang Rai
วัดร่องขุน (Wat Rong Khun) ออกแบบและก่อสร้างโดย
อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งปรารถนาจะสร้างวัด
ให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ เริ่มสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540
จากเดิมมีเนื้อที่ 3 ไร่ ได้ซื้อที่ดินเพิ่มและมีผู้บริจาคคือ
คุณวันชัย วิชญชาคร จนปัจจุบันมีเนื้อที่ 9 ไร่
อันดับ 1 Tiger's Nest Monastery, Phutan
ถือเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุด ของภูฏาน ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 700 เมตร
จากพื้นล่างในหุบเขาปาโร และด้วยระดับความสูง 3,120 เมตร
จากระดับน้ำทะเล ฉายาว่า "รังเสือ" ของวัดนี้ ได้มาจากตำนานเก่า
ที่เล่าว่า พระรินโปเช (Padmasambhava - Guru Rinpoche)
ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่นิกายมหายานในภูฐาน ได้เหาะมาที่นี่บนหลังเสือ
และได้เข้าไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่ในถ้ำ เป็นเวลาถึง 3 เดือน
หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2227 จึงเริ่มมีการสร้างวัดขึ้น
10 อันดับประเทศที่มีคนเกลียดที่สุดในโลก
อันดับ10 ประเทศอิรักความเห็นตัวอย่าง ไม่มี
สาเหตุน่าจะมากจาก การรุกรานของอิรักในอดีต ครั้งหนึ่งอิรักเคยใช้กำลังรุกรานคูเวตแล้วบังคับให้คูเวตยอมลงนามในสนธิ สัญญาฝ่ายเดียวว่าด้วยการยินยอมเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอิรัก นี่เองเป็นชนวนให้เกิดสงครามในตะวันออกกลางในสมัยนั้น อิรักถูกประณามจากทั่วโลก
อันดับ 9 ประเทศอัฟกานิสถาน
ความเห็นตัวอย่าง ไม่มี
สาเหตุ ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด แต่ชาวอเมริกันนั้นเกลียดประเทศนี้เป็นอย่างมากเพราะ ต้องการให้ทหารของพวกเขานั้นกลับคืนสู่ประเทศ ไม่ต้องไปประจำการที่ประเทศห่างไกลนี้อีกต่อไป
อันดับ 8 ประเทศรัสเซีย
ความเห็นตัวอย่าง ‘ชาวยุโรปส่วนใหญ่นั้นเกลียดประเทศรัสเซีย โดยเฉพาะประเทศที่เคยถูกรวบรวมให้เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต อย่างเช่น ลิทัวเนีย ลัทเวีย และอื่นๆ ประเทศเหล่านี้ได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส โดยปราศจากการเยียวยาใดๆจากรัสเซียในภายหลัง’
อันดับ 7 ประเทศจีน
ความเห็นตัวอย่าง ‘พวกเขาคิดว่าพวกเขาเป็นศุนย์กลางของจักรวาลนี้ อีกทั้งยังชอบผลิตสินค้าปลอม สินค้าอันตรายต่อผู้บริโภคที่ก่อให้เกิดมะเร็งและโรคต่างๆ ไม่เคยเคารพในกฎหมายระหว่างประเทศสากลซึ่งจีนเองก็ลงนามด้วย นอกจากนี้ยังรุกรานประเทศเพื่อนบ้านเพื่อผลประโยชน์ เช่นกรณี ไต้หวันและหมูเกาะแปซิฟิก’
อันดับ 6 ประเทศอิหร่าน
ความเห็นตัวอย่าง ‘อิหร่านไม่ต่างอะไรจาก นาซีในยุคปัจจุบัน’
อันดับ 5 ประเทศฝรั่งเศส
ความเห็นตัวอย่าง ‘พวกเขาภาษานิยมเกินไป ไม่คิดว่าจะพูดภาษาอื่นบ้างเลยหรือไง พวกฝรั่งเศสเป็นนาซีทางภาษาชัดๆ’
‘ฝรั่งเศสหรอ ? น่ารังเกียจมาก กินทั้งกบ ทั้งหอยทาก โดยเฉพาะตับห่าน ทรมานสัตว์สุดๆ’
อันดับ 4 สหราชอาณาจักร
ความเห็นตัวอย่าง ‘พวกเขายังคงคิดว่า เยอรมัน และ ญี่ปุ่น ในปัจจุบัน เป็นผีร้ายในโลกนี้’
อันดับ 3 ประเทศเกาหลีเหนือ
ความเห็นตัวอย่าง ไม่มี
สาเหตุก็น่าจะรู้ๆกันอยู่
อันดับ 2 ประเทศอิสราเอล
ความเห็นตัวอย่าง ‘ฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างใจจืดใจดำ พวกเขายังสมควรถูกเรียกว่ามนุษย์อีกหรอ ไปตายซะ อิสราเอล’
‘ทำการฆ่าคนโดยอ้างลัทธิยูดาย(ยิว)บ้าๆของพวกเขา คนกี่พันกี่หมื่นแล้วที่ต้องตายไปเพราะเหตุนั้น
ชอบทำตัวเป็นอันธพาลในภูมิภาค รุกรานดินแดนชาวบ้านโดยมีอเมริกาหนุนหลัง นี่มันนาซีชัดๆ’
อันดับ 1 ประเทศสหรัฐอเมริกา
ความเห็นตัวอย่าง ‘อเมริกาน่ะหรอ ชอบแส่เรื่องชาวบ้านเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง แต่โกหกสร้างภาพว่าทำไปเพราะสิทธิมนุษยชนบ้าง
ทีเรื่องชาวบ้านล่ะสนใจจัง แต่เรื่องของตัวเองกลับทำตรงกันข้าม ตลกดีนะ ประเทศนี้ บอกให้เอาบุญนะ เช่นเรื่องอบายมุกทั้งหลายแหล่
โสเภณี ค้