โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
[กลเม็ดเคล็ดลับ]ทำอย่างไรให้เรียนได้ที่ 1!!!
zazagogo
#1
09-06-2012 - 12:23:39

#1 zazagogo  [ 09-06-2012 - 12:23:39 ]








สวัสดีครับ >[]<! วันนี้ลองไปท่องอินเทอร์เน็ต แล้วเจอหลายเว็บเลยที่มีวิธีเด็ดๆในการสอบให้ได้ที่ 1!!!

ก็เลยเอามาแบ่งปันเพื่อนๆ อาจจะดูเยอะหน่อย แต่ลองทำไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร ^[]^!

พล่ามมาเยอะแล้ว งั้นเราไปพบกับการรวบรวมวิธีเด็ดๆกันเลย!!! >..<



quote : mz-bm13 in tipz
เป็นวิธีที่ใช้ได้จริง แต่จะเกิดผลรึเปล่ามันอยุ่ที่ตัวคุณเองอะนะ -0-
เพราะเหมียวเองใช้แล้วก็เกิดผลดี เพราะสอบได้ที่หนึ่งแบบฟลุคๆ
แต่ก็นะ มันอยู่ที่ปัจจัยหลายประการ ถ้าคุณจะพึ่งแต่วิธีแบบนี้อย่างเดียวก็คงแย่แหล่ะ
อ่านหนังสือบ้างก็ดีนะ วิธีนี้มันแค่ทำให้คุณสบายใจขึ้นมาบ้างแค่นี้นแหล่ะ

งั้นเอาเลยนะ

1. วิธีนี้สำหรับคนที่อยากฝันถึงหนังสือ วิธีอ่านหนังสือในยามราตรี
เพราะหนังสือมันจะไปเข้าฝันคุณได้เอง โดยไม่น่าเชื่อ
นั่นก็คือ 'การเอาหนังสือวิชาที่จะสอบไว้ใต้หมอน' พูดไปงั้นๆไม่เห็นภาพเรามีภาพสาธิตให้คุณดู
(ขอบคุณหมอนตัวอย่างจาปู่เกิ้ล)

เรียกวิธีนี้ว่า การออสโมซิส!



2.วิธีนี้ เป็นการจดโพย แบบแนบเนียนที่สุดในโลก
ถ้าไม่มีอาจาร์ยมาอ่านบล๊อคนี้นะ ๕๕๕

คือ การจดโพยในกล่องดินสอด้านใน

อันนี้ ถ่ายรูปไม่ได้ เพราะถ้าอาจาร์ยเข้ามาบล๊อคนี้จริงๆเรื่องมันจะบาน -0-

3.วิธีนี้ เป็นการเรียกขวัญแล้วก็กำลังใจก่อนเข้าห้องสอบ เอาหนังสือตบหัว สามที แล้วเดินเข้าห้องสอบอย่างมั่นใจ

4.มันคือวิธีที่ทำให้เราสบายใจที่สุดก่อนสอบ ให้เรียกสิ่งที่ท่านเคารพทั้งหมด แล้วขอพรซะ (คงรู้กันนะว่าต้องขออะไร)

5.วิธีนี้ เป็นการทำความเคารพเข้าสอบ กราบสามทีแล้วก็ ลงมือทำมันซะ

6.ก่อนเข้าห้องสอบให้รีบตามหาอาจาร์ยวิชานั้นๆ แล้วรีบถามว่าออกอะไร เพราะ ก่อนสอบอาจาร์ยจะบอกทุกอย่าง
อันนี้คือเรื่องจริง อาจาร์ยอาจจะบอกข้อสอบเราเลยก็ได้ เพราะเค้าคิดว่ายังไงเราก็อ่านไม่ทัน
แน่นอนเราอ่านไม่ทัน แต่รเผ่านตาทันใช่ไหม?? อย่างน้อยรู้ข้อสอบซัก 5-6 ข้อ มันก็ช่วยให้คะแนนเราดูดีขึ้น

7.บอกไว้ก่อนเลย เวลาสอบ ห้ามหันซ้ายหันขวา ยิ่งเวลาที่เราจดโพยเข้าไปอะ ต้องเอาออกมาตอนที่อาจาร์ยเผลอเท่านั้น
เวลาเดินตรวจแม้ว่าเราจะนั่งหน้าแล้วอาจาร์ยเดินหันหลัง ก็ห้ามเด็ดขาด เพราะนั่นคือเทคนิคของอาจาร์ย ที่จะตรวจนักเรียนจดโพยให้ห้อง!

8.สอดคล้องกับข้อบน ห้ามตีสนิทกับอาจาร์ยคุมสอบ เพราะอะไรน่ะหรอ เค้าก็จะดูเราเป็นพิเศษไง
ของแบบนี้มันอยู่ที่เซนต์ใช่ไหม? ถ้าเราสนิทกะอาจาร์ย อาจาร์ยก็จะดูเราเป็นพิเศษ เหมือนเราชอบมองหน้าเพื่อนที่รุ้จักนั่นแหล่ะ

9.อันนี้สอนคล้องกับข้อ6 พอถามอาจาร์ยเสร็จให้เรารีบหาเรื่องที่อาจาร์ยบอกมา ท่องไว้ เอาแบบจำให้ได้
แล้วหยิบกระดาษเปล่าเข้าไปในห้องสอบ วิ่งเข้าห้องสอบอย่างรวดเร็วแล้วรีบจดที่เราท่องมาลงในกระดาษ
หรือถ้าเค้าไม่ให้เอากระดาษเข้า ก็เอาดินสอจดบนโต๊ะแม่งเลย ๕๕๕+

10.วิธีแปลง สูตรยากๆ เป็น โค้ดง่ายๆ อย่างสมมุติว่าเราชอบศิลปินนักร้องคนไหน ดารา ตัวละครในเกมส์ หรือการ์ตูน
แนะนำให้แปลงสูตรจาก สมมุติ (อันนี้สูตรเลนส์) m = กำลังขยายใช่มะ เราก็อาจจะท่องย่อๆก็ได้ว่า ' เอ็มขยาย '
หรือเปลี่ยนเป็นชื่อดาราก็ได้ หรือไม่ก็ชื่อเพื่อน ประมาณเนี่ยวิธีนี้ค่อนข้างจำยากอะนะ - -*
อยู่ที่ว่าเราจะไปประยุกใช้ได้มากแค่นไหน



ยังไงก็อย่างที่เกริ่นไว้แรกๆอะนะ ถ้าไม่อ่านหนังสือยังไงวิธีพวกนี้ก็มีค่าเท่ากับ 0 อะแหล่ะ
อ่านหนังสือไม่จำเป็นต้องแบบอ่านเอาเป็นเอาตายก็ได้ อาจจะอ่านแล้วสรุปเป็นโน๊ตย่อๆแบบเป็นภาษาของคุณเองก็ดีนะจ๊ะ
หรือไล่ตาผ่านๆหนังสือหรือสูตรก่อนนอนมันจะจำได้เองโดยอัตโนมัติ

ขอขอบคุณ ::: วิธีสอบยังไงให้ได้ที่1 !


quote : fahsai26
เมื่อ ลองย้อนเวลากลับไปในสมัยที่เรียนอยู่ ช่วงเวลาที่น่าเบื่อที่สุดคือ ช่วงเวลาแห่งการท่องตำราสอบ ไม่ว่าจะเรียนอยู่ในระดับไหนก็หลีกเลี่ยงการท่องตำราสอบกันไม่ได้ทั้งนั้น เคยเป็นไหมที่รู้สึกว่า อยากให้มีเวลาเยอะกว่านี้ เพื่อจะได้อ่านหนังสือสอบให้ทัน วันนี้เราจึงรวบรวมเทคนิคการอ่านให้ได้ประสิทธิภาพ ที่คิดว่าพอจะแก้ปัญหาเกี่ยวกับการอ่านมานำเสนอ ดังนี้

1. หัดให้ตัวเองมีวินัยให้ได้ คือ ถ้าเราวางแผนว่าจะอ่านหนังสือให้ได้เท่านี้สำหรับวันนี้ เราก็ต้องทำให้ได้ วิธีฝึกเริ่มแรกให้กำหนดง่ายๆ ก่อนว่า วันนี้เราจะอ่านตำราแค่ 1 บท หรือ 10 หน้า เป็นต้น เอาแค่นี้ให้ได้ ถ้าอ่านจบเร็วก็ไปทำอย่างอื่น พอวันต่อๆ ไปก็ค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นตามสมควร แล้วก็ต้องอ่านให้ได้ตามเป้าหมาย เมื่อเราอ่านได้ตามเป้าแล้วในแต่ละครั้งก็อย่าลืมให้รางวัลตัวเองด้วยทุก ครั้ง โดยรางวัลก็อาจจะเป็นอะไรง่ายๆ เช่น ได้ดูละครหนึ่งเรื่องตอนกลางคืน เป็นต้น

2. วางแผนการอ่านหนังสือ เมื่อเรามีวินัยและเคารพการวางแผนของตัวเองแล้ว ต่อไปก็ต้อง วางแผนการอ่านหนังสือ การวางแผนที่ดีนั้นสำคัญมาก เพราะทำให้เราเดินไปถูกทิศทาง การวางแผนไม่ถือเป็นการเสียเวลา แต่เป็นการประหยัดเวลาในระยะยาว เพราะไม่ต้องไปเสียเวลาเดินผิดทาง

3. อย่าตะบี้ตะบันอ่านเกินควร อย่าคิดว่าตัวเองเป็น superman คือ สามารถอ่านหนังสือได้เยอะเกินกำลังภายในเวลาอันสั้น อย่าวางตารางการอ่านให้แน่นเกินไป เพราะนอกจากจะทำไม่ได้ตามแผนอยู่แล้ว ยังทำให้ตัวเองเครียดเพราะแผนนั้นโดยไม่จำเป็นด้วย แรกๆ อาจจะกะความสามารถตัวเองยากหน่อย หรือการอ่านตำราภาษาอังกฤษกับภาษาไทยก็ใช้ระยะเวลาการอ่านไม่เท่ากัน ก็ใช้เก็บสถิติจากการอ่านในรอบแรกๆ เช่น การอ่านภาษาอังกฤษ 1 หน้า เราใช้เวลา 10 นาที เราก็จะประมาณถูกว่าต้องใช้เวลาเท่าไรจึงจะอ่านจบบทหรือจบวิชา เป็นต้น

4. หาที่อ่านที่สงบเงียบและนั่งสบาย ส่วนบรรยากาศก็แล้วแต่คนชอบ บางคนชอบอ่านที่บ้าน ในห้องสมุด ในสวนมีต้นไม้เขียวๆ หรือในร้านกาแฟ หรือบางทีเราก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ควรไม่อยู่ใกล้ทีวี หรือสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เราเสียสมาธิ เพราะทำให้เราเสียเวลาในการอ่าน และทำให้จำได้ไม่ดีด้วย แต่ก็ทราบมาว่าบางคนจะชอบให้มีเสียงเพลงหรือเสียงอื่นๆ เวลาอ่านหนังสือด้วย อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบ

5. อย่าให้สิ่งใดมารบกวนการอ่าน เวลาอ่านหนังสือ เราควรกำหนดว่า เวลานี้เราจะตั้งใจ และไม่ปล่อยให้อะไรมาขัดโดยไม่จำเป็น เช่น อาจจะปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น คนอื่นก็จะไม่มารบกวนโดยไม่จำเป็น การได้ทำงานหรืออ่านหนังสือเป็นช่วงเวลาติดต่อกันอย่างนี้มีประสิทธิภาพกว่า การอ่านที่ถูกหยุดด้วยสิ่งต่างๆ

6. พักผ่อนสมองบ้าง เมื่ออ่านหนังสือไปนานๆ เราก็จะเริ่มล้า ทั้งสมองที่ต้องคิด ทั้งร่างกายที่ไม่ได้ขยับ ทั้งสายตาที่ต้องจ้องอยู่นาน เราก็ควรกำหนดเวลาพัก อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบ อาจจะพักอ่านหนังสือทุกๆ ชั่วโมงหรือ 2 ชั่วโมง โดยออกไปเดินยืดเส้นยืดสาย ดื่มน้ำ ทานขนม หรือไปมองต้นไม้เขียวๆ เวลาพักก็ต้องกำหนดด้วยว่า 5 นาที หรือ 15 นาที เป็นต้น

7. ชอบขีดเส้นหรือเน้นข้อความที่สำคัญในหนังสือโดยไม่หวงหนังสือ ว่าจะดูเลอะเทอะเลย เพราะชอบเวลากลับมาอ่านทวน เราก็จะรู้ว่าจุดไหนเป็นข้อมูลสำคัญ เรายังสามารถใช้ทบทวนก่อนสอบได้ด้วย สำหรับคนที่ชอบหนังสือใหม่ๆ เกลี้ยงๆ ก็อาจจะต้องหาสมุดกับปากกามาจดสิ่งที่สำคัญจากหนังสือนั้นๆ เพื่อการอ่านทบทวนได้

8. พยายามจัดเวลาอ่านหนังสือในช่วงเวลาที่เราตื่นตัวที่สุด อันนี้แตกต่างกันไป บางคนจะจำได้ดีถ้าอ่านตอนเช้า บางคนเป็นตอนเย็น ก็ต้องสังเกตตัวเองดู ถ้าทราบแล้วอาจจะกำหนดเป็นเวลาประจำทุกวัน เช่น ทุกวันเวลา 2 ทุ่ม - 5 ทุ่ม เราต้องอ่านตำราทบทวนที่เรียนมา เป็นต้น

อย่าลืมทบทวนตำราเรียนทุกวันนะคะ แล้วเอาเทคนิคทั้ง 8 ไปใช้ดู เผื่อประสิทธิภาพในการอ่านจะทำให้เกรดภาคเรียนต่อไปดีขึ้นทันตาก็ได้

ขอขอบคุณ ::: 8 วิธีอ่านหนังสือสอบได้อย่างเซียน


quote : ???
10 วิธีเรียนให้ได้ผลดีที่สุด

ก่อนอื่นคุณลองมองย้อนกลับไปเมื่อตอนเริ่มเรียน สมัยที่ยังเป็นเด็กสิคะ คุณอาจรู้สึกว่า ตัวเองต้องทำตามที่ คนอื่นบอกอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวมีคนสั่งให้ทำนั่น ให้ทำนี่ แต่เมื่อเรียนสูงขึ้น ก็จะเห็นว่าเราสามารถที่จะจัดระบบ การเรียนเหล่านี้ ด้วยตัวของเราเอง และนี่ก็เป็นโอกาสดีค่ะ ที่จะได้ฝึกตัวเองให้เป็นคนที่มีความกระตือรือร้น ที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง



1. หาเหตุผลของตัวเองในการเรียน บางคนอาจเรียนเพราะว่าคุณพ่อ คุณแม่ คาดหวังเอาไว้สูง และต้องการให้เรียน หรือไม่ก็เป็นเพราะคนอื่นทั้งนั้น ทำไมไม่ลองหาเหตุผลให้ตัวเองดูล่ะคะ ว่าทำไมเราถึงควรจะเรียน เพราะถ้าคุณมีเหตุผลให้ตัวคุณเองแล้ว ก็จะทำให้คุณอยากเรียน

2. อย่าให้คนอื่นจัดระบบการเรียนให้คุณ เพราะรับรองได้ค่ะว่าคุณน่ะไม่มีทางจะรู้สึกพอใจ เมื่อมีคนมาเจ้ากี้ เจ้าการ บอกคุณว่า เวลานี้คุณต้องทำงานชิ้นนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ และถ้าหากว่า มีงานต้องส่ง และ มีกำหนดส่ง คุณก็ควรกำหนดวันส่งของคุณเองก่อนหน้าวันส่งจริง และทำให้ได้เหมือนที่เรากำหนดเอาไว้

3. ทำตารางเรียนของคุณเอง เช่น ดูว่าในการเรียนคอร์สนี้มีหัวข้อที่ต้องเรียนอะไรบ้าง จากนั้น คุณก็ จัดตาราง ว่าวันไหนคุณจะทำความเข้าใจกับหัวข้อใดบ้าง เมื่อไหร่ควรทำแบบฝึกหัด เมื่อไหร่ ควรทบทวน และ ควร จะอ่านวิชาไหนก่อน หลัง

4. ทดสอบตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่า เมื่อคุณเรียนไปได้ซักพัก ก็ต้องมีการสอบ หรือ คนอื่นมาทดสอบคุณ แต่คุณก็ควรที่จะทำการทดสอบตัวเองอยู่เนืองๆ เพราะถ้าหากคุณฝึกหัดไว้เป็นประจำ การทดสอบอื่นๆ ก็เป็นเรื่องไม่ยากที่จะทำ

5. ให้คะแนนในแต่ละหัวข้อด้วยตัวคุณเอง คุณน่าจะมีข้อสอบเก่าอยู่บ้าง หรือ ในการทำงานส่งอาจารย์ ดูว่า เวลาอาจารย์ตรวจนั้นมีการให้คะแนนอย่างไร เมื่อเราเขียนสูตรผิด แต่วิธีทำถูก หรือ เมื่อทำผิดในแต่ละจุด จะถูกหักคะแนนอย่างไร และถ้าทำถูกคะแนนที่ได้ควรเป็นเท่าไหร่ เมื่อทำได้แบบนี้ อีกหน่อยคุณก็สามารถ ที่จะ ประเมินได้ว่า ที่คุณทำไปควรได้คะแนนซักเท่าไหร่

6. หาเป้าหมายของตัวเอง ปกติแล้วเรามักจะทำงานตามเป้าหมายของคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะเรียนอะไร เมื่อไหร่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะหาเป้าหมายให้ตัวคุณเองไม่ได้นี่คะ ก็คิดให้ตัวเองว่าเป้าหมาย ในการเรียนหัวข้อนี้ควรเป็นอย่างไร ควรทำความเข้าใจเมื่อไหร่ อย่างไร

7. ดูว่าแหล่งข้อมูลของเรามีจากไหนบ้าง เช่น จากหนังสือเรียน จากโน้ตในห้องเรียน อาจารย์ เพื่อนร่วมห้อง ถ้าคุณคิดว่าอาจารย์คือแหล่งข้อมูลมากกว่า เป็นแหล่งกดดันคุณล่ะก็ นั่นดีเลยค่ะ ใช้ประโยชน์ให้เต็มที่ เพราะอาจารย์นั้นให้แง่คิดให้คำตอบเราได้มากทีเดียว และถ้าคิดว่าเพื่อนเป็นแหล่งข้อมูล มากกว่า เป็นคู่แข่ง นั่นก็ยิ่งดีเข้าไปอีกเพราะการมีเพื่อนร่วมเรียนด้วยจะทำให้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

8. ใช้ประโยชน์จากผลตอบรับ ที่ได้ ไม่ว่าจากคะแนนที่ได้จากงานแต่ละชิ้น คำวิพากษ์เกี่ยวกับงานที่คุณทำ ถ้าหากสิ่งที่คุณได้ยินได้ฟังนั้นเป็นในแง่ลบ อย่าท้อแท้ ท้อถอยไปซะก่อน แต่เปลี่ยนวิกฤต ให้เป็นโอกาส พยายามที่จะแก้ไข ทำให้เรารู้สึกว่าอย่างน้อยเราก็ได้พบข้อบกพร่องของเรา

9. ปรับเปลี่ยนแผนการเรียนอยู่เสมอ บางครั้งคุณอาจมีงานเร่งด่วนเข้ามา ทำให้ต้องรีบทำงานเหล่านี้ก่อน เพราะฉะนั้นก็เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังให้ดี จากนั้นก็ลงมือทำให้ได้ตามแผนที่วางไว้

10. คิดเสมอว่าในการเรียนแต่ละหัวข้อนั้น ไม่เพียงแต่ต้องคิดว่าจะทำอะไร เมื่อไหร่ แต่ต้องให้เหตุผล ด้วยว่า ทำไมคุณถึงต้องทำหัวข้อนี้ คิดเหตุผลด้วยตัวคุณเอง และ คุณคาดหวังอะไรเมื่อทำความเข้าใจกับมันแล้ว คิดว่าคุณน่าจะเข้าใจมากขึ้น หรือ สามารถทำอะไรได้บ้างหลังจากเรียนแล้ว

ขอขอบคุณ ::: 10 วิธีเรียนให้ได้ผลดีที่สุด


quote : +ปลายทาง+
เทคนิคการอ่านหนังสือเตรียมสอบให้ได้ผล ใน 1 เดือน

1.ต้องเลิกเที่ยว เลิกดื่ม เลิกสร้างบรรยากาศที่ไม่ใช่การเตรียมสอบ ตัดทุกอย่างออกไป

2.ตัดสินใจให้เด็ดขาด ว่าต่อไปนี้จะทำเพื่ออนาคตตัวเอง บอกเพื่อน บอกพ่อแม่ บอกทุกคนว่า อย่ารบกวน ขอเวลาส่วนตัว จะเปลี่ยนชีวิต จะกำหนดชีวิตตัวเอง จะกำหนดอนาคตตัวเอง เพราะเราต้องการมีอนาคตที่กำหนดได้ด้วยตัวเอง

3.ถ้าทำ 2 ข้อไม่ได้ อย่าทำข้อนี้ เพราะข้อนี้คือ ให้เขียนอนาคตตัวเองไว้เลยว่า จะเรียนต่อคณะอะไร จบแล้วจะเป็นอะไร เช่น จะเรียนพยาบาล ก็เขียนป้ายตัวใหญ่ๆ ติดไว้ข้างห้อง มองเห็นตลอดเลยว่า “เราจะเป็นพยาบาล”

4.เตรียมตัว สรรหาหนังสือ หาอาจารย์ติว หาเพื่อนคนเก่งๆ บอกกับเค้าว่าช่วยเป็นกำลังใจให้เราหน่อย ช่วยเหลือเราหน่อย หาหนังสือมาให้ครบทุกเนื้อหาที่จะต้องสอบ เตรียมห้องอ่านหนังสือ โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ ให้พร้อม

5.เริ่มลงมืออ่านหนังสือ เริ่มจากวิชาที่ชอบ เรื่องที่ถนัด ก่อน ทำข้อสอบไปด้วย ทำแบบฝึกหัดจากง่ายไปยาก ค่อยๆ ทำ ถ้าท้อก็ให้ลืมตาดูป้าย ดูรูปอนาคตของตัวเอง ต้องลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่างน้อยวันละ 10 ชั่วโมง อ่านทุกเมื่อที่มีโอกาส อ่านทุกครั้งที่มีโอกาส อย่าปล่อยให้ว่าง อ่านแล้วต้องมีโน้ตเสมอ ห้ามนอนอ่าน ห้ามกินขนม ห้ามฟังเพลง ห้ามดูทีวี ห้ามดูละคร ดูหนัง อ่านอย่างเดียว ทำอย่างจริงจัง

6.ข้อนี้สำคัญมาก หากท้อให้มองภาพอนาคตของตัวเองไว้เสมอ ย้ำกับตัวเองว่า “เราต้องกำหนดอนาคตของตัวเอง ไม่มีใครกำหนดให้เรา เราต้องทำได้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” ให้กำลังใจกับตัวเองอยู่เสมอ หากท้อ ขอให้นึกว่า อย่างน้อยก็มีผู้เขียนบทความนี้เป็นกำลังใจให้น้องๆ เสมอ นึกถึงภาพวันที่เรารับปริญญา วันที่เราและครอบครัวจะมีความสุข

7.ลงมือทำเดี๋ยวนี้


เวลาที่ดีสำหรับการอ่านหนังสือ

เคยมีคนบอกว่าเวลาที่ดีที่สุด คือ ตอนเช้า เพราะร่างกายเราได้พักผ่อน รวมทั้งสมองก็ได้พัก มีการจัดระเบียบเรียบร้อย เพื่อให้พร้อมกับการใส่ข้อมูลใหม่ ๆ เข้าไป อันนี้เป็นเรื่องจริง แต่สำหรับคนที่ตื่นเช้าไม่ไหว เวลาดึก ๆ ที่เงียบ ๆ ก็เหมาะ คือว่ามันเงียบไง…สมองเราก็สามารถคิดสิ่งต่างๆ ได้ดี แต่อาจจะไม่เท่าตอนเช้า เพราะสมองเราต้องเหนื่อยจากการเรียนมาแล้วทั้งวัน บางคนยังมีการเรียนพิเศษตอนเย็นอีก สำหรับตัวเราเอง อ่านตอนกลางคืนสักนิด ได้เท่าไหนก็แค่นั้น 5 ทุ่มต้องเข้านอน แล้วก็ตั้งนาฬิกาปลุกตอนตี 3 ตี 4 ตี 5 แนะนำให้ตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาที่ต้องตื่นไปสักครึ่งชั่วโมง เพื่อที่เราจะได้มีเวลาเกลือกกลิ้งอยู่บนที่นอนก่อนสักพัก ถึงค่อยลุกไปล้างหน้าล้างตา มานั่งอ่าน ขอย้ำว่าควรทำให้ตัวเองตื่นเต็มที่ก่อนจะอ่าน เพราะไม่งั้นเดี๋ยวก็หลับคาหนังสืออีกจนได้


เวลาที่ไม่เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือเรียนเลย คือ ช่วงบ่ายหลังจากกินข้าวเสร็จอิ่ม ๆ เคยได้ยินสุภาษิตไทยที่ว่า “พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน” ไหม ช่วงบ่ายจะเป็นช่วงที่คนเรามีความง่วงนอน อ่านไปก็หลับ ยิ่งหนังสือเรียนด้วย และไม่ควรนอนอ่านหนังสือ โดยเฉพาะบนเตียง ขอบอกว่าหลับแน่ๆ ไม่ใช่อ่านนิยายนี่ มันจะน่าติดตาม จนอยากอ่านให้จบ เรามีเพื่อนคนหนึ่ง เขาบอกว่าหนังสือเรียนคือยานอนหลับขนานเอก เห็นจะจริง อ่านไม่กี่หน้าก็หลับแล้ว

การอ่านควรจะเป็นในสถานที่ที่สงบ เงียบ และสมองเราพร้อมที่จะรับเรื่องใหม่ ๆ นั่นแหละการอ่านถึงจะได้ผลสูงสุด



วิธีแก้ง่วง

ความง่วงนอนนั้นมีหลายขั้น ตามที่เราแบ่งเอง ได้แก่

1. ความง่วงนอนขั้นต้น
อาการ - เป็นความง่วงที่ค่อย ๆ เกิดขึ้น จะทำให้สติของเราล่องลอยไปเที่ยวสักพัก ไม่กี่นาทีหรอก แล้วก็จะกลับมาที่เดิม อาจมีอาการอ้าปากหาวบ้างเล็กน้อย แต่จะไม่บ่อยนัก

วิธีแก้ - ควรจะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น หรือออกแรง เช่น การบิดขี้เกียจให้ร่างกายมีความตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า พูดง่าย ๆ คือ ทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้ร่างกายเราสดชื่นขึ้น

2. ความง่วงขั้นกลาง
อาการ - เป็นความง่วงที่สะสมมาจากความง่วงขั้นต้น สติเริ่มหายไปเที่ยวนานขึ้น อาการหาวก็มีถี่ขึ้น อาจมีอาการสัปหงกเล็กน้อย

วิธีแก้ - ควรจะหลับตาลงพักผ่อนสักครู่ อาจะ 10-15 นาที แล้วตื่นขึ้นมาไปล้างหน้าล้างตา เพื่อให้สดชื่น หรือไปทำอะไรสักอย่าง ไปเดินเล่น หรือฟังเพลง ดื่มนม กาแฟนี่ไม่แนะนำเท่าไรนัก เพราะ อาจเกิดอาการหลับในได้ ก็ง่วงมาก แต่ตายังค้าง เสียสุขภาพกายเปล่า ๆ น่า

3. ความง่วงขั้นรุนแรง
อาการ - เป็นความง่วงที่ไม่อาจทัดทานได้ไหว สติแทบจะไม่มีแล้ว หัวอาจสัปหงกลงไปจูบกับโต๊ะได้ทุกเมื่อ หรืออาจเกิดอาการฟุบหลับคาหนังสือ

วิธีแก้ - ไปนอนซะ ถึงอ่านไปก็ไม่เข้าหัวอยู่ดี เลิกทรมานตัวเองได้แล้ว ถ้ายังอ่านไม่จบก็ปลงซะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าจะทำไง สมองก็ไม่พร้อมจะรับอะไรอีกแล้วทั้งนั้นแหละน่า



คาถาก่อนเข้าห้องสอบ

จริง ๆ ก็เป็นแค่ความเชื่อที่ทำแล้วสบายใจเท่านั้นเอง เล่นกับดวงไง หากอ่านหนังสือมาเต็มที่แล้ว อย่ากลัวข้อสอบเลย นี่เป็นแค่สิ่งที่ช่วยเสริมกำลังใจสำหรับบางคนที่อ่านมาแล้ว แต่ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าหัว ก็ต้องอาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมกับบุญที่เคยมีมาแต่ชาติปางก่อนนะ

- ขั้นแรก ออกจากบ้าน ไหว้พ่อ ไหว้แม่ให้งามๆ ขอพรมาสักหน่อยก็ดี
- ขั้นสอง เดินเข้าโรงเรียน ซึ่งในแต่ละแห่งจะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งที่เป็นที่เคารพนับถือของคนในโรงเรียน ก็ทำความเคารพ อาจจะมีการบนบานเล็กน้อย
- ขั้นสาม เข้าห้องสอบ ให้ก้าวเท้าซ้ายเข้าไปก่อน เข้าตำราที่ว่า “ขวาร้าย ซ้ายดี” ไง
- ขั้นที่สี่ ทำข้อสอบ ก่อนลงมือเขียน ท่องนะโม หรือบทอะไรสักอย่าง อย่าให้ยาวนัก เดี๋ยวจะเสียเวลามากไป ขั้นนี้เล่นกับศาสนาแล้ว ( ความจริงก็เป็นวิธีที่ช่วยลดอาการตื่นเต้น เป็นการรวบรวมสมาธิน่ะ )
- ขั้นสุดท้าย ก็ตัวใครตัวมันนะจ๊ะ ถ้าทำข้อสอบไม่ได้ ก็ปลงซะเถอะ ว่าทำบุญมาแค่นี้ อย่าหวังโพยจากเพื่อนเลย เพราะเพื่อนก็อาจจะหวังโพยจากเราอยู่ก็ได้

ขอขอบคุณ ::: เทคนิคการอ่านหนังสือเตรียมสอบให้ได้ผล ใน 1 เดือน


quote : ผูกจันทร์
มาดูวิธีสอบได่คะแนนดี กับผม ผูกจันทร์สิครับ
1.ง่าย ๆ แค่อ่านหนังสือ แต่ต้องทำความเข้าใจด้วย เพราะถ้าไม่เข้าใจ เราก็จะใช้ความรู้ไปวิเคราะห์ในการตอบข้อสอบยาก
2.เวลาอ่าน ควรอ่านเฉพาะแค่ครูที่สอนดีกว่า หากเวลาอ่านไม่พอ ไม่ก็อ่านเนื้อหาสำคัญ ถ้ามีเวลาว่างพอ ก็ค่อยอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมอื่น ๆ ดู
3.ทำแบบฝึกหัดบ่อย ๆ จนคะแนนเต็มทุกครั้ง ทุกข้อสอบ ถ้าข้อไหนทำผิด ก็จดใส่สมุดอ่านตอนก่อนเข้าสอบ
4.ลองพูดความรู้ที่ได้อานมาเท่าที่จำได้ให้เพื่อนฟังดู ว่าเราจำได้มากน้อยแค่ไหน เป็นการทบทวนความจำความรู้ก่อนสอบ
5.ลองสรุปเนื้อหาเป็นข้อ ๆ ไว้อ่านตอนใกล้สอบสิ แล้วลองท่องจำดู ถ้าจำได้ก็ไม่ต้องห่วงอะไรมาก ๆ
และอีกอย่างที่สำคัญคือ คะแนนรวมไม่ใช่คะแนนสอบอย่างเดียว มันมีคะแนนเก็บด้วยนะ ถ้าทำคะแนนเก็บดี นิสัยดี ครูอาจจะช่วยได้บ้าง คะแนนก็จะออกมาดี และสวยงาม เตือนก่อนจะสายไป เคลียร์งานที่ค้างซะ

ขอให้ทุกคนสอบได้ที่หนึ่งกันเลยนะ สาธุ
แต่อะไรไม่สำคัญเท่ากับนำความรู้ไปใช้เป็นประโยชน์ในทางที่ดี จริงไหมล่ะครับ

ขอขอบคุณ ::: 5 วิธีง่าย ๆ ทำอย่างไรจะสอบได้คะแนนดี By Pookchan


มีมาแค่นี้แหละที่เกริ่นๆเอาไว้ มีอีกเยอะแยะหลายวิธี!! หรือบางทีเราอาจจะไม่ต้องพึ่งเรื่องพวกนี้กันก็ได้ ตอนนี้ผมก็ลาไปแล้วนะครับ

มีอะำไรดีๆจะเอามาฝากแน่ๆ บ๊าย บาย~!!!


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-06-10 08:34:37
Luke Gulden
สุภัสสรา_
pimmy14
พงศ์เพชร
patzy123
kannikaza
คนรักthe sims
BunnieZ
lovemiku
khing sritabtim
sittpol1


คิดถึงทุกอย่างเล้ยยยย
Luke Gulden
#2
09-06-2012 - 12:31:11

#2 Luke Gulden  [ 09-06-2012 - 12:31:11 ]






พี่เคยนะ เคยอธิษฐานในใจว่า "ถ้าเกิดสอบเลขผ่าน จะไปทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร เทพทุกองค์ สัตว์เดรัจฉานและสิ่งที่ไม่ใช่มนุษญ์ทั้งหลาย" แล้วปรากฏสอบผ่านด้วยทั้งๆที่กากเลขมาก

zazagogo


◎‿‿◎
zazagogo
#3
09-06-2012 - 12:32:40

#3 zazagogo  [ 09-06-2012 - 12:32:40 ]






quote : Luke Gulden

พี่เคยนะ เคยอธิษฐานในใจว่า "ถ้าเกิดสอบเลขผ่าน จะไปทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร เทพทุกองค์ สัตว์เดรัจฉานและสิ่งที่ไม่ใช่มนุษญ์ทั้งหลาย" แล้วปรากฏสอบผ่านด้วยทั้งๆที่กากเลขมาก


อุ๊บ๊ะ?!!



คิดถึงทุกอย่างเล้ยยยย
pimmy14
#4
09-06-2012 - 13:52:19

#4 pimmy14  [ 09-06-2012 - 13:52:19 ]





zazagogo


เดี๋ยวนะๆๆๆ งงสเตตัส 555
patzy123
#5
09-06-2012 - 14:45:50

#5 patzy123  [ 09-06-2012 - 14:45:50 ]





เจ๋งดี =w=b



รีบอร์นzaใบเฟิร์นza
#6
รีบอร์นzaใบเฟิร์นza
09-06-2012 - 16:25:00

#6 รีบอร์นzaใบเฟิร์นza  [ 09-06-2012 - 16:25:00 ]





1. วิธีนี้สำหรับคนที่อยากฝันถึงหนังสือ วิธีอ่านหนังสือในยามราตรี
เพราะหนังสือมันจะไปเข้าฝันคุณได้เอง โดยไม่น่าเชื่อ
นั่นก็คือ 'การเอาหนังสือวิชาที่จะสอบไว้ใต้หมอน' พูดไปงั้นๆไม่เห็นภาพเรามีภาพสาธิตให้คุณดู
(ขอบคุณหมอนตัวอย่างจาปู่เกิ้ล)

เรียกวิธีนี้ว่า การออสโมซิส!

นี่เป็นการแพร่พันธุ์ในสัตว์ตามหลักวิทยาศาสตร์รึเปล่า?



ไปคอนมาจ้าาาาา
monajung1827
#7
09-06-2012 - 17:27:21

#7 monajung1827  [ 09-06-2012 - 17:27:21 ]






ประจบครูเข้าไว้


zazagogo
#8
09-06-2012 - 18:21:36

#8 zazagogo  [ 09-06-2012 - 18:21:36 ]






quote : รีบอร์นzaใบเฟิร์นza

1. วิธีนี้สำหรับคนที่อยากฝันถึงหนังสือ วิธีอ่านหนังสือในยามราตรี
เพราะหนังสือมันจะไปเข้าฝันคุณได้เอง โดยไม่น่าเชื่อ
นั่นก็คือ 'การเอาหนังสือวิชาที่จะสอบไว้ใต้หมอน' พูดไปงั้นๆไม่เห็นภาพเรามีภาพสาธิตให้คุณดู
(ขอบคุณหมอนตัวอย่างจาปู่เกิ้ล)

เรียกวิธีนี้ว่า การออสโมซิส!

นี่เป็นการแพร่พันธุ์ในสัตว์ตามหลักวิทยาศาสตร์รึเปล่า?


คิดว่าน่าจะใช่น่ะ 555+


quote : monajung1827

ประจบครูเข้าไว้


555+



คิดถึงทุกอย่างเล้ยยยย
mew4455
#9
09-06-2012 - 18:40:48

#9 mew4455  [ 09-06-2012 - 18:40:48 ]





ขอบคุณค่ะ ต้องลองๆ



EXO รักมากก >3
หัวใจอยากมีเจ้าของ
#10
หัวใจอยากมีเจ้าของ
10-06-2012 - 14:35:59

#10 หัวใจอยากมีเจ้าของ  [ 10-06-2012 - 14:35:59 ]




เราเคยเอาหนังสือไว้ใต้หมอนแทนที่จะฝันเรื่องเรียนกลายเป็นฝันว่าได้ขนมเค้กชิ้นโตงั้น


Jessie C
#11
10-06-2012 - 14:53:56

#11 Jessie C  [ 10-06-2012 - 14:53:56 ]







เลิศ


BunnieZ
#12
12-06-2012 - 13:58:45

#12 BunnieZ  [ 12-06-2012 - 13:58:45 ]








อีคำแนะนำแรกออกแนวเกรียนมาก


lovemiku
#13
12-06-2012 - 15:54:48

#13 lovemiku  [ 12-06-2012 - 15:54:48 ]






ชอบอันแรก อันอื่นยาว


arms197677
#14
16-06-2012 - 09:00:07

#14 arms197677  [ 16-06-2012 - 09:00:07 ]





อุ๊บ๊ะ?!!



ก็ไม่รู้สินะ
pimlovepim
#15
23-06-2012 - 08:10:00

#15 pimlovepim  [ 23-06-2012 - 08:10:00 ]








หว่ายไม่ค่อยเข้ามานะ
  • 1

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 14th June 2024 01:18

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ