โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
ช่วยหน่อยครับ งานศิลปะ +1ทุกความคิดเห็น
jeanrock1123
#1
01-09-2012 - 09:47:15

#1 jeanrock1123  [ 01-09-2012 - 09:47:15 ]




ช่วยหางานศิลปะของศิลปินชื่อดังพร้อมเว็บมาให้ผมหน่อยสิครับ คือว่าจะไปทำการบ้านอะครับแต่ไม่รู้จักศิลปินชื่อดังเลย


Vatanuki
#2
01-09-2012 - 10:58:36

#2 Vatanuki  [ 01-09-2012 - 10:58:36 ]





ศิลปินที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือตายแล้ว
ศิลปินไทยหรือเทศค่ะ
หรือถ้าเจาะจงยุคมาจะช่วยหาได้ง่ายน่ะค่ะ

jeanrock1123


งานยุ่งไม่ได้เข้ามาเสียนานเลย
puod_pond
#3
01-09-2012 - 11:40:47

#3 puod_pond  [ 01-09-2012 - 11:40:47 ]






jeanrock1123

jeanrock1123
#4
01-09-2012 - 12:01:59

#4 jeanrock1123  [ 01-09-2012 - 12:01:59 ]




quote : Vatanuki


ศิลปินที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือตายแล้ว
ศิลปินไทยหรือเทศค่ะ
หรือถ้าเจาะจงยุคมาจะช่วยหาได้ง่ายน่ะค่ะ


แบบไหนก็ได้ครับขอแค่มีรายละเอียดเยอะๆอ่ะครับ


simswonder
#5
01-09-2012 - 12:29:24

#5 simswonder  [ 01-09-2012 - 12:29:24 ]





ลองหาจาก google ดูสิ

La Monalisa น่าสนใจดีนะ



ออนเพื่อมาโหลดของแบบเงียบๆ
Vatanuki
#6
01-09-2012 - 15:18:42

#6 Vatanuki  [ 01-09-2012 - 15:18:42 ]





ไมเคิลแองเจลโล

www.chanpradit.ac.th/~veena/angero.doc



ไมเคิลแองเจลโล



ไมเคิล แอง เจลโล หรือ มิเคลันเจโล บูโอนารอตติ (MICHELANGELO di Lodovico Buonarroti Simoni ) ศิลปินชาวฟลอเรนซ์เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1475 ที่หมู่บ้านคาเปรเซ ( Caprese) ในคาเซนติโน ( Casentino) ห่างจากนครฟลอเรนซ์ประมาณ 40 ไมล์ บิดาข้าราชการชื่อ Lodovico di Leo nardo Buonarrot มีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1446-1531 มารดาชื่อ Francesa di Neri มีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1455-1481 หลังจากเขาเกิดได้ 2-3 สัปดาห์ ครอบครัวก็อพยพเข้าไปอยู่ในนครฟลอเรนซ์ในปี ค.ศ. 1488 มิเคลันเจโลก็ได้เข้าฝึกงานกับโดมิเนโก จิร์ลันไดโอ ( Domemico Ghirlandaio จิตรกรชาวฟลอเรนซ์ผู้เชี่ยวชาญในการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบปูนเปียกหรือเฟรสโก ( Fresco ) ต่อมาเขาได้ใช้ความรู้นี้เมื่อเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วิหารซิสติน ( The Sistine Chapel ) ในวาติกันในอีก 20 ปีถัดมา ระหว่างสามปีที่ฝึกงานอยู่ที่มิเคลันเจโลได้ศึกษางานจิตรกรรมและวาดเส้นด้วยการลาออกงานจิตรกรรมของสิลปินรุ่นก่อน ๆ ได้แก่ คัดลอกผลงานจิตรกรรมของจอตโต ( Giotto di Bondone จิตรกรมชั้นครูชาวฟลอเรนซ์ยุคแรก ๆ มีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1266-1337) และมาที่แวคซิดอ ( Tommaso di Ser Giovan ni di Mone เรียกกันโดยทั่วไปว่า Masaccio เป็นจิตรกรรมเรเนสซองค์ยุคแรก เกิดเมื่อค.ศ. 1401- ไม่ทราบปีที่ถึงแก่กรรม ) เป็นการฝึกฝนและการศึกษางานจิตรกรรมขั้นพื้นฐาน ต่อมาในปี ค.ศ. 1489 มิเคลันเจโลได้เข้าเรียนและฝึกงานในสายตระกูลเมตดิชิ ซึ่งมีลักษณะโรงเรียนคล้ายศิลปะ ต่อมาได้พัฒนามาเป็นสถาบันศิลปะหรือ อะคาเดมี ( Academy ) ภายใต้การอุปถัมภ์ของ ลอเรนโซ ( Lorenzo de Medici หรือ Lorenzo the Magnificent ) อันเป็นโอกาสสำคัญทำให้มริเคลันเจโลได้ศึกษางานประติมากรรมของกรีกและโรมันที่ตระกูลเมดิชิสะสมไว้ นอกจากนี้เขายังได้สมาคมกับศิลปิน นักปรัชญาและกวีคนสำคัญ ๆ ในยุคนั้น การได้คบหาสมาคมกับบุคคลเหล่านั้นทำให้เขาได้รับอิทธิพลทางความคิดปรัชญามาผสมผสานกับแนวคิดในการสร้างสรรค์งานศิลปะของตน แทนที่ให้ความสำคัญกับทักษะฝีมือเท่านั้น
หลังจากตระกูลเมดิชิหมดอำนาจลง ในปี ค.ศ. 1492 มิเคลันเจโลได้เดินทางไปเมืองโบโลญา เพื่อรับจ้างทำงานประติมากรรมประดับสุสาน ต่อมาระหว่างปี ค.ศ. 1496-1501 เขาได้เดินทางไปพำนักอยุ่นกรุงโรม เพื่อรับจ้างเขียนรูปและรับงานประติมากรรมต่าง ๆ ในช่วงเวลานี้เองเขามีโอกาสสร้างผลงานสำคัญที่ทำให้ชื่อเสียงของเขาได้รับการกล่าวขวัญในฐานะประติมากรยิ่งใหญ่แห่งยุค คือ ประติมากรรมหินอ่อน “ ปิเอตา ” ( Pieta )
ซึ่งเป็นพระเยซูนอนอยุ่บนตักพระแม่มาเรียสลักหินอ่อนเนื้อขาวบริสุทธิ์สุง 5 ฟุต 9 นิ้ว แสดงให้เห็นความสามารถในการแกะสลักที่มีฝีมือสูงยิ่งและแฝงไว้ด้วยปรัชญาของคริสต์ศาสนา งานประติมากรรมชิ้นนี้ปัจจุบันชิ้นอยู่ที่โบสถ์เวนตืปีเตอร์กรุงโรมเมื่อแกะสลักรูปปีเอตาเสร็จแล้วเขาได้เดินทางกลับฟลอเรนซ์ในปีค.ศ.1501เพื่อรับงานแกะสลักหินอ่อนที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งคือ ประติมากรรมหินอ่อนรูป “ เดวิด ” ( David ) ซึ่งแกะสลักจากแท่งหินอ่อนขนาดใหญ่ยาวประมาณ 18 ฟุต เป็นแท่งหินอ่อนเก่าแก่ที่วางทิ้งไว้โดยไม่มีประติมากรคนใดกล้าแกะสลัก มิเคลันเจโลใช้เวลาถึง 4 ปี เพื่อนฤมิตรแท่งหินอ่อนก้อนใหญ่นี้ให้เป็นชายหนุ่มรูปงามและเมื่อเขาแกะสลักรูปเดวิดเสร็จ มิเคลันเจดลกลายเป็นวีรบุรุษของชาวฟลอเรนซ์มีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วอิตาลี ( รูปเดวิดได้ทำจำลองขึ้นหลายรูป รูปต้นแบบปัจจุบันอยู่ที่ Gallerlia dell Academia นครฟลอเรนซ์ เป็นศิลปกรรมเด่นที่ได้รับความสนใจมากที่สุดชิ้นหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้ )
มิเคลันเจโล หรือ ไมเคิลแอนเจโลเกิดมาเพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอย่างแท้จริง เขาทำงานศิลปะอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ตั้งแต่เด็กจนถึงสองสามวันก่อนที่จะถึงแก่แรรมในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1564 เวลาประมาณ 16.30 น. ที่บ้านพักกรุงโรม อายุ 89 ปี ขณะที่แกะสลักงานประติมากรรมหินอ่อนชื่อ “ ปิเอตา รอนดานินี ” (Pieta Rondanini) ค้างอยู่ หลังจากถึงแก่กรรมแล้วศพถูกนำไปฝังไว้ที่โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ซึ่งเขาเป็นผู้ออกแบบ แต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะ Leonardo Buonarroti หลานชายของเขาได้นำศพมิเคลันเจโล กลับไปฝังที่โบสถ์ Santi Apostoli ในนครฟลอเรนซ์ถิ่นกำเนิดของเขาในวันที่ 10 มีนาคมปีเดียวกัน

ไมเคิล แองเจลโล ถือเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุคที่รุ่งเรืองที่สุด คือ ยุคเรเนซองส์ ซึ่งเป็นยุคสมัยที่รู้จักกันดีถึงความเจริญทางด้านศิลปกรรม ความก้าวหน้าทั้งทาง ด้านวิทยาศาสตร์ การประดิษฐ์คิดค้น วรรณกรรมตลอดจนไปถึงเรื่องของการต่อสู้ ทางการเมือง สำหรับทางด้านศิลปะนั้น ถือเป็นความเจริญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ และไมเคิล แองเจิลโล ก็เป็นศิลปินที่นำหน้าศิลปินอื่นๆ ในยุคนี้ทั้งหมด เขามี ความสามารถเป็นเลิศในการเอาใจจดจ่ออยู่กับการใช้ความคิด การถ่ายทอดพลัง จากมือของเขาไปสู่ผลงานต่างๆ ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้น ในการทำงานของ ไมเคิล แองเจิลโล นั้น เขาจะทานขนมปังเป็นอาหารเพียงเล็กน้อย เท่านั้น เวลานอนก็นอนบนพื้น หรือผ้าใบข้างๆ ภาพเขียน และรูปแกะสลักที่ยังไม่เสร็จ เขาจะสวมเสื้อผ้าชุดเดิมไปจนกว่างานที่เขาทำจะเสร็จสมบูรณ์ลง ชีวิตของศิลปินผู้นี้นั้น มีเพียงเพื่อนสนิทอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงรักและบูชาเขา แต่โดยทั่วไปแล้ว คนส่วนมากจะคิดว่าเขาเป็นคนเย็นชา และไม่เป็นมิตรกับใคร ไมเคิล แองเจิลโล ใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นโสดโดยไม่ได้แต่งงานกับใครเลยไปจนตลอดชีวิตของเขา
ช่างแกะสลักผู้ชาญฉลาด
ในปี ค.ศ. 1496 ไมเคิล แองเจลโลได้มาที่กรุงโรมเป็นครั้งแรก และที่นี่เขาถูกว่าจ้าง ให้แกะสลัก "เปียตต้า" เปียตต้า เป็นรูปแกะสลักหินอ่อนทั้งหลัง โดยแกะเป็นรูปของ พระแม่มารี ซึ่งกำลังอุ้มพระศพของพระเยซูคริสต์อยู่บนหัวเข่ารูปแกะสลักนี้เป็นที่ รู้จักกันดีในนามของ "มาดอนน่า เดอะ เปียตต้า" ซึ่งได้สร้างชื่อเสียงให้กับ ไมเคิล แองเจิลโลเป็นอย่างมาก รูปแกะสลักนี้ถูกนำไปตั้งไว้ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์
ที่บาซิริกา ในโรม
เมื่อไมเคิล แองเจลโลอายุได้ 26 ปี เขาได้กลับมาที่ฟลอเรนซ์อีกครั้งหนึ่ง เขาได้รับ หินอ่อนที่มีขนาดใหญ่ คือ มีขนาด 18 ฟุต หรือ 5.5 เมตร เป็นหินอ่อนที่ช่างแกะ คนก่อนแกะทิ้งเอาไว้แต่ยังไม่เสร็จและหินอ่อนก็อยู่ในสภาพ ที่ชำรุดทรุดโทรมมาก ไมเคิล แองเจลโล เอาใจใส่และทุ่มเทให้กับการแกะสลักหินก้อนนี้ เป็นเวลาถึง 2 ปี โดยปราศจากความหวั่นเกรงของอุปสรรคต่างๆ ทั้งในเรื่องความใหญ่โตของขนาด และความยากในการแกะเนื่องด้วยเป็นหินที่ผ่านการแกะสลักมาแล้วและด้วยความ เป็นช่างแกะผู้ปราชญ์เปรื่อง เขาก็ได้สร้างรูปแกะสลักที่งดงามที่สุดในโลกขึ้นเป็นรูป ของชายหนุ่มผู้กล้าหาญ ซึ่งมีนามว่า "เดวิด"
ในปี ค.ศ. 1505 ไมเคิล แองเจลโล ตัดสินใจไปยังโรม เพื่อไปทำงานสร้างสุสานของ พระสันตปาปา จูเลียสที่ 2 ที่เสียชีวิตลงสุสานนี้มีขนาดของ โครงสร้างที่ใหญ่โตมาก และประกอบด้วยรูปแกะถึง 40 ชิ้น โดยจัดวางเรียงเป็น 3 ชั้น ไล่ระดับกันลงมา เขาต้องใช้เวลาทั้งหมดหลายเดือนเพื่อทำการคัดเลือกหินอ่อนที่จะมาใช้ในงานนี้ แต่อุปสรรคต่างๆก็เกิดขึ้น อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนอำนาจจากพระสันตปาปาคนก่อน ไปสู่มือพระสันตปาปาคนใหม่ เมื่อการเมืองเปลี่ยน ก็ก่อให้เกิดความอิจฉาริษยาขึ้น โดยมีการวางแผนงานใหม่ เพื่อขัดขวางการทำงานในการสร้างสุสานของไมเคิล แองเจลโล จนกระทั่งหลายปีผ่านไป เขาสามารถแกะสลักหินอ่อนได้เพียงไม่กี่รูป แต่ท่ามกลางงานแล้วนั้น เขาได้สร้างรูปแกะของ "โมเสส" ที่เป็นงานที่ทรงพลัง มากที่สุดของเขา ปัจจุบันรูปแกะสลักนี้ตั้งอยู่ในวิหารที่ซานเปียตโต ในวินซ์ลี่
วิหาร "ซิสทายส์" (Sistine Chapel)
ในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1508 ถึง 1512 ไมเคิล แองเจิลโล ได้รับมอบหมายให้ทำการ เขียนภาพบนหลังคาโค้งของวิหารซิสทายในโรมซึ่งประกอบด้วยภาพเขียนขนาดใหญ่ นับร้อยๆ ภาพ และแต่ละภาพที่ถูกเขียนขึ้นนั้นได้สร้างความตกตะลึงให้กับสายตา ของชาวโลกมาแล้ว ไมเคิล แองเจิลโล ต้องทำงานอยู่บนนั่งร้านที่สูงถึง 60 ฟุต หรือ
18 เมตรจากพื้น และครอบคลุมพื้นที่อีก 10,000 ตารางฟุต หรือ 930 ตารางเมตร ตลอดเวลาเขาต้องเขียนรูปในท่านอนให้หลังแนบติดกับนั่งร้านจนเป็นตะคริวทุกๆวัน ปูนเปียกจะถูกทาบนหลังคา และไมเคิลก็จำเป็นที่จะต้องเขียนภาพในแต่ละส่วนให้ เสร็จก่อนที่ปูนจะแห้ง และไม่สามารถที่จะแก้ไขถ้ารูปเกิดผิดพลาดได้เลย ในที่สุด
ไมเคิล แองเจิลโล ก็สามารถเขียนภาพเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดด้วยตัวของเขาเอง ภาพเขียน ทั้งหมดสามารถแบ่งได้เป็น 9 ตอนด้วยกัน โดยเริ่มด้วยภาพการสร้างสิ่งต่างๆ ใน พระคัมภีร์บทปฐมกาล จนไปถึงตอนที่น้ำท่วมโลก ภาพเขียนอีกส่วนหนึ่งแสดงถึง บรรพบุรุษของพระคริสต์ โดยเขียนตามประวัติจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลภาพเขียนทั้งหมด นั้นต่างมีขนาดใหญ่และแสดงรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างงดงาม จนน่าอรรศจรรย์ เป็นเวลากว่า 20 ปีหลังจากเขียนภาพ บนหลังคาวิหารซิสทายเสร็จแล้ว ไมเคิลแองเจิลโล ได้เขียนภาพ "การพิพากษาครั้งสุดท้าย " เป็นภาพที่มีขนาดใหญ่มากและครอบคลุม พื้นที่กำแพงทั้งหมดที่อยู่หลังแท่นบูชาในโบสถ์ ด้วยขนาดและฝีมือในการเขียนที่เป็นเลิศ รวมทั้งความหมายของภาพทำให้ภาพเขียนนี้เป็นงานเขียนบนฝาผนังอันทรงคุณค่าอย่างสูง
งานด้านอื่นๆ
ความเป็นอัจฉริยะของไมเคิลแองเจิลโลนั้น ไม่ได้ปรากฎอยู่แค่ในการเขียนภาพและ งานแกะสลักเท่านั้น เขายังมีพรสวรรค์ในอีกหลายสาขาด้วยกัน เช่นในงานเขียนบทกวี ในช่วงบั้นปลายของชีวิตเขานั้น ไมเคิล แองเจิลโลได้ออกแบบสถาปัตยกรรมให้กับ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม ซึ่งถือเป็นแบบของสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุดในสมัย เรเนซองส์ ไมเคิล แองเจิลโล เสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ในปีค.ศ. 1564 รวมอายุได้ 89 ปี ศพของเขาถูกฝังที่โบสถ์ซานตาครู๊ส ในเมืองฟลอเรนซ์

ไมเคิล แองเจิลโล มีชีวิตอยู่ร่วมสมัยกับศิลปินชื่อดังหลายคนด้วยกัน รวมทั้งได้ ทำงานให้กับผู้นำของอิตาลี และพระสันตปาปา ศิลปินร่วมสมัยกับไมเคิล แองเจิลโล ได้แก่ ลีโอนาโด ดาวินซี และราฟาแอล โดยที่ไมเคิล แองเจิลโล ถือเป็นศิลปินที่ ยิ่งใหญ่ที่สุด และเป็นศิลปินเอกคนสุดท้ายในยุคทองของศิลปะในอิตาลี
ไมเคิล แองเจิลโล เป็นผู้ที่อุทิศทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณ ให้กับการสร้างสรรค์ผลงาน เขาได้เชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางโลก และทางศาสนาเข้าไว้ด้วยกันและถ่ายทอดเป็น ผลงานให้ชาวโลกได้ชม จนก่อให้เกิดเป็นยุคสมัยที่รุ่งเรือง และยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
ศิลปินหลายคนก่อนที่จะมาถึงยุคของไมเคิล แองเจิลโล ได้วาดภาพของ อดัม (หนึ่งในมนุษย์คู่แรกที่พระเจ้าทรง
สร้างขึ้นมา-ผู้แปล) นอนอยู่บนพื้นดิน ซึ่งกำลังยื่นมือออกไป
เพื่อสัมผัสกับมือของพระเป็นเจ้า แต่ไม่มีศิลปินคนไหนแสดง
ออกมาได้ อย่างน่าทึ่ง ดูเรียบง่าย และมีพลังแห่งการสร้างสรรค์
เท่ากับไมเคิล แองเจิลโลจากภาพ อดัมนอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นที่แห้งแล้ง ทางด้านขวาเป็นภาพ ของพระผู้สร้างและเหล่าเทวดา ด้านหลังเป็นภาพของท้องฟ้าที่ว่างเปล่าจุดเดียวที่เป็นจุดสัมผัส ระหว่างอดัมผู้เป็นมนุษย์กับ พระเป็นเจ้านั้น คือ ปลายนิ้วชี้ของทั้งสองฝ่ายที่ยื่นมาเพื่อสัมผัสซึ่งกัน และกันนิ้วมืออันเปี่ยม ด้วยพลังแห่งชีวิตของพระผู้สร้างและนิ้วมืออันไร้ซึ่งชีวิตของอดัมพระผู้เป็นเจ้า ได้ถ่ายทอด การมีชีวิตให้กับอดัม ไมเคิล แองเจิลโล สามารถเขียนภาพนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบและ สามารถถ่ายทอดให้เราได้เห็นถึง พลังอำนาจที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใดของพระผู้สร้างได้อย่างชัดเจน

จากเว็บ//wasumit.multiply.com/journal/item/10?&show_interstitial=1&u=%2Fjournal%2Fitem

jeanrock1123


งานยุ่งไม่ได้เข้ามาเสียนานเลย
Vatanuki
#7
01-09-2012 - 15:42:14

#7 Vatanuki  [ 01-09-2012 - 15:42:14 ]




มีในเว็บอื่นๆ อีกค่ะ


David , Michelangelo, sculpture, 1501, Florence.(เดวิด , Michelangelo, ประติมากรรม, 1501, ฟลอเรนซ์ Corbis / Bettmann)

จากเว็บ http://www.pbs.org/wgbh/cultureshock/flashpoints/visualarts/david_a.html
แปลมาจากภาษาอังกฤษโดย google

เกลันเจโลเดวิด
1501
      ใน 1501, 25 ปี Michelangelo Buonarroti เริ่มทำงานชิ้นเอกขนาดมหึมาของเขา 17 ฟุตสูงหินอ่อนเดวิด . จากบล็อกขนาดใหญ่ที่ทำจากหินอ่อนที่ถูกทิ้งร้างมานานหลายทศวรรษก่อนหน้านี้โดยประติมากรอีก Michelangelo ใช้เวลากับความท้าทายของชีวิตขึ้นไป Donatello และสารตั้งต้นอื่น ๆ ที่ได้แกะสลักวีรบุรุษเดียวกัน เดวิดภาพในพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นคนเลี้ยงแกะหนุ่มฆ่ายักษ์ที่ใหญ่โตและก็จะกลายเป็นเพียงแค่กล้าหาญและภาษาฮิบรูกษัตริย์เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญพอดีและหน้าที่ของพลเมืองเพื่อป้องกันเมืองฟลอเรนซ์

Michelangelo เป็นจิตรกรประติมากรและสถาปนิก ในยุคนี้ทั้งสามรูปแบบของศิลปะมีความคิดที่จะอยู่บนพื้นฐานdisegno , วินัยศิลปะสร้างความรู้ของมนุษย์เพศชาย ประติมากรรมถือเป็นรูปแบบศิลปะที่ดีที่สุดเพราะมันเลียนแบบการสร้างของพระเจ้า: ภาพประติมากรรมที่พบในบล็อกของหินมากเป็นวิญญาณของมนุษย์ที่พบภายในร่างกาย

เดวิดถือว่าชิ้นเอกที่รูปแบบชายในอุดมคติรวมความแข็งแกร่งกล้าหาญและความไม่แน่นอนของมนุษย์ มันเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นใน 1504 ในจัตุรัสสาธารณะของฟลอเรนซ์ Piazza della Signoria ในปี 1873 เดิมจะถูกย้ายไป Accademia delle Belle Arti ที่มันได้รับการคุ้มครองที่ดีกว่าสำหรับลูกหลานและสำเนาของงานที่สร้างขึ้นในพลาซ่าในปี ค.ศ. 1882

กว่าศตวรรษที่อวัยวะเพศและขนหัวหน่าวเกี่ยวกับ Michelangelo ของเดวิด ตกตะลึงสาเหตุโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทำงานที่ทำซ้ำและแสดงในสถานที่อื่น ๆ ตัวอย่างเช่นในปี 1939, สำเนาของผลงานชิ้นเอกของ Michelangelo มีการติดตั้งที่สุสานป่าหญ้าในเกลนเดลแคลิฟอร์เนียและมีหนึ่งนอกจาก: ตะปิ้งถูกเพิ่มเพื่อให้ครอบคลุมอวัยวะเพศและขนหัวหน่าวของรูปปั้น ใบจะถูกลบออกในปี 1969 และรูปปั้นยังคงอยู่ในสภาพเดิมจนกว่าหล่นจากแผ่นดินไหวในปี 1987

ในเดือนพฤศจิกายน 1969 ภาพโปสเตอร์ของรูปปั้นยึดตามทีมรองในซิดนีย์, ออสเตรเลียและผู้จัดการของร้านถูกกล่าวหาว่ามีความลามกอนาจาร แดเนียลโทมัสผู้ปกครองของนิวเซาธ์เวลส์พิพิธภัณฑ์ศิลปะเรียกการกระทำ "อย่างไม่น่าเชื่อ, ไร้สาระอย่างสิ้นเชิง." ค่าใช้จ่ายจะลดลงในที่สุด

การอภิปรายเกี่ยวกับความเหมาะสมของการแสดงเลียนแบบหรือรูปถ่ายของเดวิดในสถานที่เช่นโรงเรียน, ห้องหอพักและโบสถ์ยังคง บนอินเทอร์เน็ตหนึ่ง บริษัท ที่เสนอการทำสำเนาของรูปปั้นหินอ่อนช่วยให้การซื้อใบมะเดื่อที่ไม่มีค่าใช้จ่าย วันนี้ภาพที่วาบหรือเซ็นเซอร์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ในการทำสำเนาที่นิยมในเสื้อยืด, แม่เหล็กติดตู้เย็นและในการโฆษณา

Michelangelo's David
1501
In 1501, 25-year-old Michelangelo Buonarroti begins working on his colossal masterpiece, the 17-foot-tall marble David. From a huge block of marble that has been abandoned decades earlier by another sculptor, Michelangelo takes on the challenge of living up to Donatello and other precursors who had sculpted the same heroic figure. The David, portrayed in the Bible as a young shepherd who slew the giant Goliath and went on to become a valiant and just Hebrew king, is a fit symbol of courage and civic duty to guard the city of Florence.

Michelangelo is a painter, sculptor, and architect. In this era, all three forms of art are thought to be based on disegno, an artistic discipline built on knowledge of the male human form. Sculpture is considered the finest art form because it mimics divine creation: The sculptural image is found within the block of stone much as the human soul is found within the physical body.

The David is considered a masterpiece, an ideal male form combining heroic strength and human uncertainty. It is erected in 1504 in the public plaza of Florence, the Piazza della Signoria. In 1873, the original is moved to the Accademia delle Belle Arti, where it is better protected for posterity, and a copy of the work is erected in the plaza in 1882.

Over the centuries, the genitals and pubic hair on Michelangelo's David cause consternation, especially when the work is reproduced and displayed in other locations. For example, in 1939, a copy of Michelangelo's masterpiece is installed at the Forest Lawn Cemetery in Glendale, CA, with one addition: A fig leaf is added to cover the genitals and pubic hair of the statue. The leaf is removed in 1969, and the statue remains in its original state until toppled by an earthquake in 1987.

In November 1969, a poster image of the statue is confiscated by a vice squad in Sydney, Australia, and the manager of the store is charged with obscenity. Daniel Thomas, curator of the New South Wales Art Museum, calls the action "incredible, utterly ridiculous." The charges are ultimately dropped.

Debates about the appropriateness of displaying reproductions or photographs of the David in such places as schools, dormitory rooms, and churches continue. On the Internet, one company offering marble reproductions of the statue allows purchase of a fig leaf at no extra charge. Today, the image, uncensored or censored, has become iconic in popular reproductions on T-shirts, refrigerator magnets, and in advertising.

อีกเว็บหนึ่ง

ศิลปะคลาสสิกกับการสร้างสรรค์งานศิลปะ (บรรยายละเอียดมาก)
www2.graduate.su.ac.th/proceedings/NGSC_IGSC/NGSC/.../111.pdf





แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-09-01 15:43:17
jeanrock1123


งานยุ่งไม่ได้เข้ามาเสียนานเลย
รีบอร์นzaใบเฟิร์นza
#8
รีบอร์นzaใบเฟิร์นza
01-09-2012 - 15:44:03

#8 รีบอร์นzaใบเฟิร์นza  [ 01-09-2012 - 15:44:03 ]





^
^
^
อย่าลืมเอาปิกาโซ่ด้วยนะ TwT



ไปคอนมาจ้าาาาา
  • 1

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 25th April 2025 01:51

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ