
(The New York Times 30/10/11) น้องสาวร่วมสายเลือดของ สตีฟ จ็อบส์ ที่มีชื่อว่า โมนา ซิมป์สัน จะออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่เกี่ยวกับพี่ชายของเธอ
ซิมป์สันเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจนกับ เธอเพิ่งจะได้พบกับจ็อบส์เมื่อตอนอายุ 25 ปี ในตอนที่เธอพบกับสตีฟ จ็อบส์นั้น สตีฟมาในชุดแต่งกายด้วยกางเกงยีนส์ ลักษณะภายนอกที่ปรากฏดูเหมือนคนชารวอาหรับหรือไม่ก็ชาวยิว
ในตอนนั้น สตีฟบอกกับซิมป์สันว่าเขากำลังทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งซิมป์สันเองก็ไม่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์มากเท่าไร เธอทำงานเกี่ยวกับงานเขียนให้กับบริษัทแมกกาซีนเล็กๆ แห่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เธอบอกกับสตีฟว่ากำลังจะซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่มีชื่อว่า Cromemco ซึ่งสตีฟบอกกับเธอว่าให้รอก่อน เขากำลังทำบางสิ่งบางอย่างอยู่ซึ่งเชื่อว่ามันจะยอดเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อ
ซิมป์สันจะบอกพวกเราถึงเรื่องราวชีวิตของจ็อบส์ ความเจ็บป่วยของเขา และการจากไปของพี่ชายของเธอ
ซิมป์สันกล่าวว่าสตีฟได้ทำงานในสิ่งที่เขารัก และทำมันอย่างหนัก ทุกวัน อาจดูเหมือนเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ แต่มันเป็นเรื่องจริง
ในช่วงเวลาที่สตีฟถูกไล่ออกจากแอปเปิ้ลนั้นเป็นช่วงเวลาที่เขาเจ็บปวดมากในทุกๆ วันที่ผ่านไป
ปรัชญาของสตีฟ คือ แฟชั่นเป็นสิ่งที่สวยงามในตอนแรก แต่แล้วมันจะกลายเป็นสิ่งที่น่าเกลียดในตอนหลัง ส่วนศิลปะอาจเป็นสิ่งที่น่าเกลียดในตอนแรก แต่ในที่สุดแล้วมันจะกลายเป็นสิ่งที่สวยงาม
ในมุมมองความรักของสตีฟ เขามองว่า ความรักคือความเป็นจริงสูงสุด เป็นพระเจ้าของพระเจ้าของเขา เขาจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก สตีฟไม่เคยเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้ายซึ่งนี่คือสิ่งที่ซิมป์สันเรียนรู้จากเขา
สตีฟ เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเยาว์วัย และเขาก็สนุกสนานและยินดีกับความสำเร็จนั้นเสียด้วย
จนกระทั่งสตีฟป่วย สตีฟได้มีการเปลี่ยนถ่ายไต แต่ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นมาเดินได้อีกครั้ง ภรรยาของสตีฟ เป็นกำลังใจให้เขาอยู่ใกล้ๆ
แม้ในตอนที่สตีฟนอนอยู่ในโรงพยาบาล เขาไม่สามารถพูดได้ แต่เขายังเขียนแบบดีไซน์อุปกรณ์เอ็กซเรย์ด้วยไอแพด
ในวันสุดท้ายของสตีฟ จ็อบส์ เขาอยู่กับภรรยาของเขาและลูกๆ ของเขา สตีฟ กล่าวลากับซิมป์สัน สตีฟกล่าวว่าเขารู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถอยู่จนแก่ไปด้วยกันกับซิมป์สันได้อย่างที่เขาเคยตั้งใจไว้
คำสุดท้ายที่สตีฟกล่าว เขากล่าวคำนี้ถึงสามครั้งด้วยกัน นั่นคือคำว่า Oh Wow. Oh Wow. Oh Wow.
RIP
credit : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2306704