เข้าได้ทุกคน 
ตั้งกระทู้ใหม่ 
หน้าสมาชิก
ความลำบากของการเป็นแม่ ไม่ได้มีแค่การเลี้ยงลูกให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี แต่มันเริ่มมาตั้งแต่ตอนที่น้องๆ ยังไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้จักแม่ ไม่เคยเห็นโลก หรือเอาง่ายๆ เลยก็คือ ยังม้วนตัวอยู่ในท้องแม่ (โลกมืดๆ ที่อบอุ่นที่สุด^^) เพราะฉะนั้นตลอดระยะเวลา 9 เดือนที่แม่ต้องดูแลตัวเอง ทะนุถนอมสุดชีวิตเนี่ย ท้ายที่สุดก็เพื่อคนที่เรียกว่า "ลูก" และลูกที่ว่า ก็คือ "น้องๆ" นั่นเอง 9 เดือนที่แม่ต้องลำบากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ชื่อว่า "แม่" บ้าง ไปดูพร้อมๆ กันค่ะ
การตั้งครรภ์เดือนที่ 1
เดือนแรกคุณแม่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ตัว เพราะอาการไม่ค่อยชัดเจน มีเพียงบางอย่างที่เป็นสัญญาณเตือน เช่น ประจำเดือนหายไป หิวบ่อยขึ้น ปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น เหนื่อย เพลีย อยากอาเจียร เป็นต้น เห็นมั้ยว่าแค่เดือนแรก แม่ก็ทรมานเพราะเราแล้ว
ส่วนลูก หรือทารกในท้องเดือนแรกจะมีขนาดเล็กมาก ประมาณเมล็ดข้าว เป็นก้อนอะไรก็ไม่รู้ที่แม่ยังไม่รู้ตัวเลยว่าเรามาฝากชีวิตไว้ โดยอาศัยอยู่ในถุงน้ำคร่ำเล็กๆ ที่มีรกเกาะอยู่ผนังมดลูก แม้จะเป็นแค่เดือนแรกแต่ตัวอ่อนก็มีส่วนที่เป็นหน้าและอกแล้ว หัวใจเต้นประมาณ 180 ครั้งต่อนาที นั่นหมายความว่าระบบเลือดของแม่และลูกได้เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์และลูกเองก็ได้รับออกซิเจนด้วย ไม่รู้ว่านี่หรือเปล่าที่เป็นที่มาของถ้อยคำในเพลงซึ้งๆ ว่า "เลือดในอกผสม กลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดิ่มกิน"
ภาพทารกในท้องแม่เดือนที่ 2 เริ่มเห็นหน้าแล้ว
การตั้งครรภ์เดือนที่ 2
แม่ของเราเริ่มคลื่นไส้ แพ้ท้องมากขึ้นก็ในเดือนนี้ค่ะ นอกจากนี้ยังมีอาการเหนื่อย หอบ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ทำให้หงุดหงิดง่าย การย่อยอาหารช้าลง คุณแม่ก็จะมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ นอกจากนี้ยังมีอาการวิงเวียน หน้ามืด เป็นลมได้ง่ายๆ เพราะร่างกายของแม่ต้องการอากาศมากขึ้นนั่นเอง(นี่พวกเราไปแย่งอากาศแม่นะรู้มั้ย!!)
ส่วนทารก อวัยวะเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง แขน ขา หน้า เริ่มปรากฏให้เห็น ทำให้ระยะนี้ เราจะเสี่ยงต่อความพิการมากๆ เลยจะเห็นได้ว่าช่วงนี้คนเป็นแม่ก็ทะนุถนอมฟูมฟักกันสุดๆ นอกจากนี้หัวใจเริ่มทำงาน ทำให้มีการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงร่างกายแล้ว
การตั้งครรภ์เดือนที่ 3
เดือนนี้คุณแม่ยังคงมีอาการแพ้ท้องอยู่ อารมณ์อาจจะยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง และอาจจะมีน้ำหนักตัวมากขึ้นประมาณ 10% เพราะทารกเริ่มมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นนั่นเอง
ทารกโตมากขึ้น นิ้วมือนิ้วเท้าที่อยู่ติดกันก็แยกออกมาเป็น 5 นิ้ว พร้อมทั้งมีการสร้างเล็บด้วย อวัยวะสำคัญอย่าง อวัยวะเพศ ก็ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว แต่ยังแยกไม่ได้ว่าเพศไหน และในเดือนนี้เอง น้องๆ จะเริ่มบู๊ สามารถเตะ ว่ายน้ำ หรือแม้กระทั่งตีลังกาก็เริ่มทำได้แล้ว ยังงี้ก็คงเรียกว่า ซ่าตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่
ภาพทารกในท้องแม่ เดือนที่ 4 เห็นนิ้วชัดแล้ว แถมยังดูดนิ้วได้อีก
การตั้งครรภ์เดือนที่ 4
อาการแพ้ท้องเริ่มหายไป คุณแม่เริ่มรู้สึกกินอาหารอร่อยมากขึ้น ช่วงนี้รูปร่างของแม่ก็จะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เพราะขนาดของหน้าท้องจะขยายใหญ่ น้ำหนักตัวก็มากขึ้น แถมยังมีโอกาสเป็นเส้นเลือดขอดและริดสีดวงทวารได้มากกว่าคนทั่วไปอีกด้วย
เข้าสู่เดือนสี่แล้ว ทารกจะโตเร็ว แล้วมีลักษณะรูปร่างเข้าเค้ามนุษย์มากขึ้น แขนขานิ้วมือพัฒนาไปอย่างได้สัดส่วน เริ่มมีคิ้ว หรือขนขึ้นตามตัว สามารถแสดงสีหน้าได้ ยิ้มได้ มีการเคลื่อนไหวต่างๆ เช่น ดูดนิ้ว กำมือ เตะ ยืดหรืองอแขนขา จังหวะนี้ แม่อาจจะรู้สึกถึงการดิ้นของเราแล้ว เย้!! นอกจากนี้ช่วงนี้เองที่เราสามารถบอกได้ว่าทารกเป็นเพศใด เพราะอวัยวะเพศได้พัฒนาไปมากขึ้น แต่ทั้งหมดนี้ผิวหนังร่างกายของเรายังบางๆ ใสๆ อยู่เลยนะ
ภาพทารกในครรภ์เมื่ออายุได้ 5 เดือน
การตั้งครรภ์เดือนที่ 5
ผ่านมา 4 เดือนอาการของคุณแม่เริ่มแพ้ท้องลดลง แต่จะมีอาการอื่นๆ ที่ทรมานยิ่งกว่าเพิ่มมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ ปวดหัว ร่างกายอ่อนเพลีย ท้องผูก ทารกในท้องที่โตขึ้น ส่งผลให้ท้องมีขนาดใหญ่ขึ้น ช่วงนี้เรียกได้ว่าคุณแม่ทั้งหลายต้องยอมหมดสวยเพื่อเราเลย เพราะไม่ใช่แค่ท้องที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้น ต้นขาและน่องก็ใหญ่ขึ้นด้วย นอกจากนี้เม็ดสีของร่างกายก็จะเปลี่ยนแปลงเป็นสีเข้ม ทำให้บริเวณท้อง หน้าอก หรือใบหน้าบางจุดเข้มขึ้น ตามที่เคยได้ยินกันมาว่า เวลาท้องจะมีฝ้าหรือกระนั่นเอง
ส่วนคุณลูกอย่างเราๆ ก็โตขึ้นตามลำดับ สามารถแยกเพศได้แล้ว แขนขา กระดูกมีความแข็งแรง ทำให้มีการเคลื่อนไหวมากขึ้น ในตอนนี้มือไม้เราเริ่มจะไม่อยู่สุข (แค่อย่าไปบีบสายสะดือของตัวเองก็พอ ฮ่าๆ) ช่วงนี้แม่อาจจะเจ็บท้องเพราะการเคลื่อนไหวของเราอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ในเดือนที่ 5 เราสามารถจำเสียงของคุณแม่ได้แล้วด้วยนะ และอาจจะมีการสนองตอบเสียงภายนอกด้วย เช่น มีการเคลื่อนไหวเมื่อได้ยินเสียงเพลง (น่ารักอ่ะ^^)
ภาพอัลตราซาวด์ครรภ์อายุ 6 เดือน
ภาพอัลตราซาวด์ครรภ์อายุ 6 เดือน
การตั้งครรภ์เดือนที่ 6
เดือนที่ 6 คุณแม่มีสิทธิ์ท้องลายแล้วถ้าดูแลร่างกายไม่ดี เพราะมดลูกขยายใหญ่ขึ้น ผิวหนังหน้าท้องก็เลยขยายใหญ่ตาม ผิวหนังก็เลยแตกค่ะ นอกจากนี้แม่อาจจะรู้สึกเจ็บชายโครงกับกระเพาะปัสสาวะ เพราะลูกดิ้นไปกระแทกนั่นเอง
ด้านคุณลูกผู้น่ารักก็กำลังซน ร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้นก็เลยดิ้นอย่างเพลิดเพลิน ทำให้คุณแม่เจ็บอยู่บ่อยๆ แต่เวลานี้กลับเป็นช่วงที่แม่มีความสุขที่สุดนะ หลายๆ ครั้งที่ลูกจะเคลื่อนไหวสนองตอบการกระตุ้นของแม่ เช่น ถ้าแม่ขยับตัวเร็วก็จะดิ้นตอบ เป็นต้น ส่วนอื่นๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน เช่น เริ่มมีลายนิ้วมือและนิ้วเท้าแล้ว และสามารถลืมตาได้แล้วด้วย ถ้าเราจำความรู้สึกนั้นได้ก็คงดีสิเนอะ จะได้เห็นท้องแม่ว่าเป็นยังไง
ภาพครรภ์อายุ 7 เดือน ขดตัวได้ที่
การตั้งครรภ์เดือนที่ 7
ช่วงนี้ท้องแม่จะใหญ่ขึ้นอีกตามตัวของเราค่ะ เรียกได้ว่า แทบจะเดินอุ้ยอ้ายเหมือนเป็ดเพราะเดินไม่สะดวกนั่นเอง มีอาการเจ็บท้องเป็นระยะๆ บางครั้งก็ขับถ่ายไม่สะดวก ยังคงทำให้เป็นริดสีดวงเหมือนเดือนก่อนๆ อยู่ นอนก็นอนได้ไม่เต็มที่ เพราะถ้าทารกตื่นแม่ก็รู้สึกตามไปด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ ทำอะไรก็ไม่สะดวกแล้วล่ะตอนนี้ นอกจากนี้ในด้านของจิตใจ แม่ของเราอาจจะเกิดอาการกังวลกลัวการคลอด รวมถึงอาจจะกลัวเราออกมาไม่ครบ 32 ด้วย เห็นมั้ยว่าแม่เจ็บขนาดนี้ยังเป็นห่วงเราอยู่เลย
ส่วนลูกๆ อย่างเรา ตอนนี้เลิกนอนแอ้งแม่งแล้วค่ะ เพราะว่าแขนขา ลำตัวที่ยาวขึ้น ทำให้ต้องขดตัวอยู่ในท้องแม่ น้ำหนักตัวของเราก็หนักถึง 1 กิโลกรัมแล้ว แม้ว่าตัวจะใหญ่ขึ้น แต่ก็ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ และแม่ก็จะรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวได้ดีกว่าเดิม นอกจากนี้สมองและต่อมรับรู้รสก็พัฒนา จนสามารถแยกแยะ เสียง แสง รสชาติหวาน เปรี้ยว ไปจนถึงรู้สึกเจ็บ และร้องไห้ได้แล้วด้วย
การตั้งครรภ์เดือนที่ 8
ในขณะที่ลูกกำลังสนุกกับการเคลื่อนไหว แต่คุณแม่ของเรานี่สิเริ่มทรมานกับการเคลื่อนไหว เพราะท้องขนาดใหญ่ยังทำให้คุณแม่เดินอุ้ยอ้าย หรือแม้แต่จะลุก นั่ง นอนก็แสนจะลำบาก หายใจก็ไม่ค่อยสะดวก มดลูกขยายทำให้ยอดของมดลูกอยู่สูงถึงซี่โครงชิ้นล่างสุดและดันกระบังลมของแม่ขึ้นไป ทำให้อึดอัดหรือรู้สึกว่าหายใจไม่พอ นอกจากนี้แม่จะเริ่มอ้วนขึ้น แต่อ้วนอันนี้ไม่ได้มาจากท้อง
ที่ใหญ่ขึ้นนะ แต่อ้วนเพราะเกิดจากการบวมของอวัยวะต่างๆ ที่มีของเหลวมาสะสมอยู่ เช่น ใบหน้า มือ ขา ริมฝีปาก เป็นต้น (จะคลอดเราออกมาแล้ว แม่ก็ยังไม่ได้สวยอีก!!)
ตอนนี้ทั้งสมองและร่างกายของลูกเรียกได้ว่าพัฒนาจนสมบูรณ์ ทั้งภายใน เช่น ปอด หรือ อวัยวะภายนอก เช่น แขนขา นิ้วมือที่มีเล็บขึ้นเต็มพอดี อวัยวะเพศก็มีครบสมบูรณ์ ตอนนี้ลูกๆ อย่างเราก็เหมือนรู้งาน จะหมุนตัวกลับเอาหัวลงไปที่เชิงกรานของแม่ เพื่อเตรียมสำหรับคลอดในเดือนหน้า แต่บางคนก็ดื้อนะไม่ยอมกลับหัวมา ก็เดือดร้อนแม่ของเราต้องผ่าตัดอีก ><!!
การตั้งครรภ์เดือนที่ 9
ใกล้คลอดเข้ามาเต็มที่แล้วสำหรับแม่ของเรา แม่จะรู้สึกปวดมากขึ้นบริเวณปากมดลูก เพราะหัวของทารกที่เคลื่อนต่ำลงมาเป็นน้ำหนักถ่วงนั่นเอง และก็จะรูสึกปวดปัสสาวะอยู่บ่อยๆ ด้วย นอกจากนี้ทารกก็จะดิ้นน้อยลงแต่แรงกว่าปกติ จึงเกิดอาการเจ็บอยู่บ่อยๆ ในเดือนนี้มีหลายๆ ของคุณแม่ที่เปลี่ยนไปเพื่อรอการคลอด เช่น ปากของมดลูกจะอ่อนนุ่มขึ้นเพื่อเตรียมที่จะขยายออก (น่ากลัว T^T) หรือช่องคลอดก็จะขยายความยาวขึ้น เรียกได้ว่าสัญชาตญาณของความเป็นแม่มีขึ้นตั้งแต่ลูกยังไม่ออกมาเลยนะเนี่ย
ส่วนทารกก็สมบูรณ์เกือบ 100% มีน้ำหนักเฉลี่ยถึง 3 กิโลกรัม ช่วงนี้เราจะเริ่มเป็นเด็กที่น่ารักขึ้น หน้าอ้วนกลม แก้มยุ้ย เพราะมีชั้นไขมันสะสมไว้ ตัวจะแดงหลังคลอด มีการเปลี่ยนแปลงในระบบไหลเวียนเลือด ปอดขยายตัวออก ทำให้เลือดมีการไหลผ่านไปที่ปอด เริ่มมีกระบวนการหายใจที่สมบูรณ์ หลังจากนี้ก็เตรียมตัวออกมาโลกภายนอก เป็นเด็กตัวน้อยๆ ที่มีคนรักมากมาย^^
จบแล้วค่า เหนื่อยมากมาย(หมายถึงแม่นะคะ ไม่ใช่ จขกท.)
ความรู้นะคะ
ใครชอบขอหัวใจ ~ด้วยนะคะ 55 5 
การตั้งครรภ์เดือนที่ 1
เดือนแรกคุณแม่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ตัว เพราะอาการไม่ค่อยชัดเจน มีเพียงบางอย่างที่เป็นสัญญาณเตือน เช่น ประจำเดือนหายไป หิวบ่อยขึ้น ปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น เหนื่อย เพลีย อยากอาเจียร เป็นต้น เห็นมั้ยว่าแค่เดือนแรก แม่ก็ทรมานเพราะเราแล้ว
ส่วนลูก หรือทารกในท้องเดือนแรกจะมีขนาดเล็กมาก ประมาณเมล็ดข้าว เป็นก้อนอะไรก็ไม่รู้ที่แม่ยังไม่รู้ตัวเลยว่าเรามาฝากชีวิตไว้ โดยอาศัยอยู่ในถุงน้ำคร่ำเล็กๆ ที่มีรกเกาะอยู่ผนังมดลูก แม้จะเป็นแค่เดือนแรกแต่ตัวอ่อนก็มีส่วนที่เป็นหน้าและอกแล้ว หัวใจเต้นประมาณ 180 ครั้งต่อนาที นั่นหมายความว่าระบบเลือดของแม่และลูกได้เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์และลูกเองก็ได้รับออกซิเจนด้วย ไม่รู้ว่านี่หรือเปล่าที่เป็นที่มาของถ้อยคำในเพลงซึ้งๆ ว่า "เลือดในอกผสม กลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดิ่มกิน"
ภาพทารกในท้องแม่เดือนที่ 2 เริ่มเห็นหน้าแล้ว
การตั้งครรภ์เดือนที่ 2
แม่ของเราเริ่มคลื่นไส้ แพ้ท้องมากขึ้นก็ในเดือนนี้ค่ะ นอกจากนี้ยังมีอาการเหนื่อย หอบ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ทำให้หงุดหงิดง่าย การย่อยอาหารช้าลง คุณแม่ก็จะมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ นอกจากนี้ยังมีอาการวิงเวียน หน้ามืด เป็นลมได้ง่ายๆ เพราะร่างกายของแม่ต้องการอากาศมากขึ้นนั่นเอง(นี่พวกเราไปแย่งอากาศแม่นะรู้มั้ย!!)
ส่วนทารก อวัยวะเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง แขน ขา หน้า เริ่มปรากฏให้เห็น ทำให้ระยะนี้ เราจะเสี่ยงต่อความพิการมากๆ เลยจะเห็นได้ว่าช่วงนี้คนเป็นแม่ก็ทะนุถนอมฟูมฟักกันสุดๆ นอกจากนี้หัวใจเริ่มทำงาน ทำให้มีการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงร่างกายแล้ว
การตั้งครรภ์เดือนที่ 3
เดือนนี้คุณแม่ยังคงมีอาการแพ้ท้องอยู่ อารมณ์อาจจะยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง และอาจจะมีน้ำหนักตัวมากขึ้นประมาณ 10% เพราะทารกเริ่มมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นนั่นเอง
ทารกโตมากขึ้น นิ้วมือนิ้วเท้าที่อยู่ติดกันก็แยกออกมาเป็น 5 นิ้ว พร้อมทั้งมีการสร้างเล็บด้วย อวัยวะสำคัญอย่าง อวัยวะเพศ ก็ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว แต่ยังแยกไม่ได้ว่าเพศไหน และในเดือนนี้เอง น้องๆ จะเริ่มบู๊ สามารถเตะ ว่ายน้ำ หรือแม้กระทั่งตีลังกาก็เริ่มทำได้แล้ว ยังงี้ก็คงเรียกว่า ซ่าตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่
ภาพทารกในท้องแม่ เดือนที่ 4 เห็นนิ้วชัดแล้ว แถมยังดูดนิ้วได้อีก
การตั้งครรภ์เดือนที่ 4
อาการแพ้ท้องเริ่มหายไป คุณแม่เริ่มรู้สึกกินอาหารอร่อยมากขึ้น ช่วงนี้รูปร่างของแม่ก็จะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เพราะขนาดของหน้าท้องจะขยายใหญ่ น้ำหนักตัวก็มากขึ้น แถมยังมีโอกาสเป็นเส้นเลือดขอดและริดสีดวงทวารได้มากกว่าคนทั่วไปอีกด้วย
เข้าสู่เดือนสี่แล้ว ทารกจะโตเร็ว แล้วมีลักษณะรูปร่างเข้าเค้ามนุษย์มากขึ้น แขนขานิ้วมือพัฒนาไปอย่างได้สัดส่วน เริ่มมีคิ้ว หรือขนขึ้นตามตัว สามารถแสดงสีหน้าได้ ยิ้มได้ มีการเคลื่อนไหวต่างๆ เช่น ดูดนิ้ว กำมือ เตะ ยืดหรืองอแขนขา จังหวะนี้ แม่อาจจะรู้สึกถึงการดิ้นของเราแล้ว เย้!! นอกจากนี้ช่วงนี้เองที่เราสามารถบอกได้ว่าทารกเป็นเพศใด เพราะอวัยวะเพศได้พัฒนาไปมากขึ้น แต่ทั้งหมดนี้ผิวหนังร่างกายของเรายังบางๆ ใสๆ อยู่เลยนะ
ภาพทารกในครรภ์เมื่ออายุได้ 5 เดือน
การตั้งครรภ์เดือนที่ 5
ผ่านมา 4 เดือนอาการของคุณแม่เริ่มแพ้ท้องลดลง แต่จะมีอาการอื่นๆ ที่ทรมานยิ่งกว่าเพิ่มมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ ปวดหัว ร่างกายอ่อนเพลีย ท้องผูก ทารกในท้องที่โตขึ้น ส่งผลให้ท้องมีขนาดใหญ่ขึ้น ช่วงนี้เรียกได้ว่าคุณแม่ทั้งหลายต้องยอมหมดสวยเพื่อเราเลย เพราะไม่ใช่แค่ท้องที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้น ต้นขาและน่องก็ใหญ่ขึ้นด้วย นอกจากนี้เม็ดสีของร่างกายก็จะเปลี่ยนแปลงเป็นสีเข้ม ทำให้บริเวณท้อง หน้าอก หรือใบหน้าบางจุดเข้มขึ้น ตามที่เคยได้ยินกันมาว่า เวลาท้องจะมีฝ้าหรือกระนั่นเอง
ส่วนคุณลูกอย่างเราๆ ก็โตขึ้นตามลำดับ สามารถแยกเพศได้แล้ว แขนขา กระดูกมีความแข็งแรง ทำให้มีการเคลื่อนไหวมากขึ้น ในตอนนี้มือไม้เราเริ่มจะไม่อยู่สุข (แค่อย่าไปบีบสายสะดือของตัวเองก็พอ ฮ่าๆ) ช่วงนี้แม่อาจจะเจ็บท้องเพราะการเคลื่อนไหวของเราอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ในเดือนที่ 5 เราสามารถจำเสียงของคุณแม่ได้แล้วด้วยนะ และอาจจะมีการสนองตอบเสียงภายนอกด้วย เช่น มีการเคลื่อนไหวเมื่อได้ยินเสียงเพลง (น่ารักอ่ะ^^)
ภาพอัลตราซาวด์ครรภ์อายุ 6 เดือน
ภาพอัลตราซาวด์ครรภ์อายุ 6 เดือน
การตั้งครรภ์เดือนที่ 6
เดือนที่ 6 คุณแม่มีสิทธิ์ท้องลายแล้วถ้าดูแลร่างกายไม่ดี เพราะมดลูกขยายใหญ่ขึ้น ผิวหนังหน้าท้องก็เลยขยายใหญ่ตาม ผิวหนังก็เลยแตกค่ะ นอกจากนี้แม่อาจจะรู้สึกเจ็บชายโครงกับกระเพาะปัสสาวะ เพราะลูกดิ้นไปกระแทกนั่นเอง
ด้านคุณลูกผู้น่ารักก็กำลังซน ร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้นก็เลยดิ้นอย่างเพลิดเพลิน ทำให้คุณแม่เจ็บอยู่บ่อยๆ แต่เวลานี้กลับเป็นช่วงที่แม่มีความสุขที่สุดนะ หลายๆ ครั้งที่ลูกจะเคลื่อนไหวสนองตอบการกระตุ้นของแม่ เช่น ถ้าแม่ขยับตัวเร็วก็จะดิ้นตอบ เป็นต้น ส่วนอื่นๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน เช่น เริ่มมีลายนิ้วมือและนิ้วเท้าแล้ว และสามารถลืมตาได้แล้วด้วย ถ้าเราจำความรู้สึกนั้นได้ก็คงดีสิเนอะ จะได้เห็นท้องแม่ว่าเป็นยังไง
ภาพครรภ์อายุ 7 เดือน ขดตัวได้ที่
การตั้งครรภ์เดือนที่ 7
ช่วงนี้ท้องแม่จะใหญ่ขึ้นอีกตามตัวของเราค่ะ เรียกได้ว่า แทบจะเดินอุ้ยอ้ายเหมือนเป็ดเพราะเดินไม่สะดวกนั่นเอง มีอาการเจ็บท้องเป็นระยะๆ บางครั้งก็ขับถ่ายไม่สะดวก ยังคงทำให้เป็นริดสีดวงเหมือนเดือนก่อนๆ อยู่ นอนก็นอนได้ไม่เต็มที่ เพราะถ้าทารกตื่นแม่ก็รู้สึกตามไปด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ ทำอะไรก็ไม่สะดวกแล้วล่ะตอนนี้ นอกจากนี้ในด้านของจิตใจ แม่ของเราอาจจะเกิดอาการกังวลกลัวการคลอด รวมถึงอาจจะกลัวเราออกมาไม่ครบ 32 ด้วย เห็นมั้ยว่าแม่เจ็บขนาดนี้ยังเป็นห่วงเราอยู่เลย
ส่วนลูกๆ อย่างเรา ตอนนี้เลิกนอนแอ้งแม่งแล้วค่ะ เพราะว่าแขนขา ลำตัวที่ยาวขึ้น ทำให้ต้องขดตัวอยู่ในท้องแม่ น้ำหนักตัวของเราก็หนักถึง 1 กิโลกรัมแล้ว แม้ว่าตัวจะใหญ่ขึ้น แต่ก็ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ และแม่ก็จะรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวได้ดีกว่าเดิม นอกจากนี้สมองและต่อมรับรู้รสก็พัฒนา จนสามารถแยกแยะ เสียง แสง รสชาติหวาน เปรี้ยว ไปจนถึงรู้สึกเจ็บ และร้องไห้ได้แล้วด้วย
การตั้งครรภ์เดือนที่ 8
ในขณะที่ลูกกำลังสนุกกับการเคลื่อนไหว แต่คุณแม่ของเรานี่สิเริ่มทรมานกับการเคลื่อนไหว เพราะท้องขนาดใหญ่ยังทำให้คุณแม่เดินอุ้ยอ้าย หรือแม้แต่จะลุก นั่ง นอนก็แสนจะลำบาก หายใจก็ไม่ค่อยสะดวก มดลูกขยายทำให้ยอดของมดลูกอยู่สูงถึงซี่โครงชิ้นล่างสุดและดันกระบังลมของแม่ขึ้นไป ทำให้อึดอัดหรือรู้สึกว่าหายใจไม่พอ นอกจากนี้แม่จะเริ่มอ้วนขึ้น แต่อ้วนอันนี้ไม่ได้มาจากท้อง
ที่ใหญ่ขึ้นนะ แต่อ้วนเพราะเกิดจากการบวมของอวัยวะต่างๆ ที่มีของเหลวมาสะสมอยู่ เช่น ใบหน้า มือ ขา ริมฝีปาก เป็นต้น (จะคลอดเราออกมาแล้ว แม่ก็ยังไม่ได้สวยอีก!!)
ตอนนี้ทั้งสมองและร่างกายของลูกเรียกได้ว่าพัฒนาจนสมบูรณ์ ทั้งภายใน เช่น ปอด หรือ อวัยวะภายนอก เช่น แขนขา นิ้วมือที่มีเล็บขึ้นเต็มพอดี อวัยวะเพศก็มีครบสมบูรณ์ ตอนนี้ลูกๆ อย่างเราก็เหมือนรู้งาน จะหมุนตัวกลับเอาหัวลงไปที่เชิงกรานของแม่ เพื่อเตรียมสำหรับคลอดในเดือนหน้า แต่บางคนก็ดื้อนะไม่ยอมกลับหัวมา ก็เดือดร้อนแม่ของเราต้องผ่าตัดอีก ><!!
การตั้งครรภ์เดือนที่ 9
ใกล้คลอดเข้ามาเต็มที่แล้วสำหรับแม่ของเรา แม่จะรู้สึกปวดมากขึ้นบริเวณปากมดลูก เพราะหัวของทารกที่เคลื่อนต่ำลงมาเป็นน้ำหนักถ่วงนั่นเอง และก็จะรูสึกปวดปัสสาวะอยู่บ่อยๆ ด้วย นอกจากนี้ทารกก็จะดิ้นน้อยลงแต่แรงกว่าปกติ จึงเกิดอาการเจ็บอยู่บ่อยๆ ในเดือนนี้มีหลายๆ ของคุณแม่ที่เปลี่ยนไปเพื่อรอการคลอด เช่น ปากของมดลูกจะอ่อนนุ่มขึ้นเพื่อเตรียมที่จะขยายออก (น่ากลัว T^T) หรือช่องคลอดก็จะขยายความยาวขึ้น เรียกได้ว่าสัญชาตญาณของความเป็นแม่มีขึ้นตั้งแต่ลูกยังไม่ออกมาเลยนะเนี่ย
ส่วนทารกก็สมบูรณ์เกือบ 100% มีน้ำหนักเฉลี่ยถึง 3 กิโลกรัม ช่วงนี้เราจะเริ่มเป็นเด็กที่น่ารักขึ้น หน้าอ้วนกลม แก้มยุ้ย เพราะมีชั้นไขมันสะสมไว้ ตัวจะแดงหลังคลอด มีการเปลี่ยนแปลงในระบบไหลเวียนเลือด ปอดขยายตัวออก ทำให้เลือดมีการไหลผ่านไปที่ปอด เริ่มมีกระบวนการหายใจที่สมบูรณ์ หลังจากนี้ก็เตรียมตัวออกมาโลกภายนอก เป็นเด็กตัวน้อยๆ ที่มีคนรักมากมาย^^
จบแล้วค่า เหนื่อยมากมาย(หมายถึงแม่นะคะ ไม่ใช่ จขกท.)
ความรู้นะคะ
ใครชอบขอหัวใจ ~ด้วยนะคะ 55 5 
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก