

สวัสดีคะ เพื่อนๆ พี่ๆ ชาว TTS3 ใกล้วันแม่แล้วนะคะ (วันพรุ่งนี้
) เชิญรับความรู้ดีๆ จากคำว่าแม่ได้เลยคะ ถูกใจ ดาว หรือ หัวใจ หรือ คอมเม้นก็ได้นะคะ อย่าทำตัวเป็นนักอ่านเงาเลย
เชิญรับชมค่ะ
แม่โกหกเรา 8 ครั้งในชีวิต

แปลและเรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เรื่องเริ่มขึ้นตอนเมื่อผมเป็นเด็ก ๆ ผมเกิดในครอบครัวยากจน ครอบครัวของเราจนมากจนต้องอดข้าวบ่อย ๆ เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อถึงเวลากินข้าว...แม่จะแบ่งข้าวม าให้ผมเพิ่มขึ้นอีก พร้อมทั้งพูดว่า "ลูกต้องกินข้าวเพิ่มขึ้นนะ...ส่วนแม่ไม่ค่อยหิว" นี้เป็นครั้งแรกที่แม่โกหกเรา
เมื่อผมเติบโตขึ้น คุณแม่เพียรพยายามหาเวลาว่างไปตกปลาในแม่น้ำ เพื่อว่าผมจะได้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของผม แม่ต้มปลาที่ตกมาได้ทำเป็นซุปให้ผมกิน ในขณะที่ผมกินแกงต้มปลา..แม่จะนั่งข้าง ๆผม แทะกิน เศษเนื้อปลาที่ติดอยู่ตามก้างปลาหลังจากที่ผมไ ด้กินเนื้อปลาไปแล้ว ผมรู้สึกตื้นตันใจมาก..ผมพยายามแบ่งเนื้อปลาให้แม่ แต่แม่ปฎิเสธทันควันพร้อมกับกล่าวว่า "ลูกกินเถอะ...แม่ไม่ค่อยชอบกินเนื้อปลา" นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่แม่โกหกเรา
เมื่อผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม เราต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น แม่ต้องหารายได้พิเศษด้วยการรับงานเล็ก ๆน้อยจากโรงงานมาทำที่บ้าน บางครั้งผมตื่นขึ้นมาตอนตี 1 หรือตี 2...ผมยังเห็นแม่กำลังทำงาน "แม่ครับ...นอนเถอะครับมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานอีก" แม่ยิ้มกับผมพูดว่า "ลูกนอนต่อก่อนนะ...แม่ยังไม่เหนื่อย...นอนไม่หลับ" ครั้งที่ 3 แล้วที่แม่โกหกเรา
ตอนเมื่อใกล้จบชั้นมัธยมผมต้องไปสอบเป็นวันสุดท้าย แม่อุตส่าห์หยุดงานไปเป็นเพื่อนและเพื่อเป็นกำลังใจใ ห้ผม มันเป็นวันที่แดดร้อนมาก ๆ...แม่ต้องรอผมอยู่หลายชั่วโมงเมื่อผมทำข้อสอบเสร็จ...รีบออกมาหาแม่ เห็นแม่ผมมีเหงื่อออกท่วมตัว.. แต่ท่านกลับรินน้ำเย็นที่เตรียมมาให้ผมดื่ม ผมเห็นแม่รู้สึกเหนื่อยและร้อนจึงขอให้แม่ดื่มน้ำก่อน แม่พูดขึ้นว่า "ลูกดื่มเถอะ....แม่ยังไม่กระหายน้ำ" นั่นเป็นครั้งที่ 4 ที่แม่โกหกเรา
หลังจากที่พ่อผมล้มป่วยและเสียชีวิต คุณแม่ที่น่าสงสารต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว แต่ก็ยังไม่ค่อยเพียงพอไม่ว่าคุณแม่จะพยายามมากขึ้นเพียงไร คุณลุงที่อยู่ข้าง ๆ บ้านท่านเป็นคนดี พยายามมาช่วยเหลือครอบครัวเราเสมอ....เช่นซ่อมแซมบ้า นที่ผุพัง..ฯลฯ เพื่อนบ้านเห็นครอบครัวลำบากมากก็แนะนำให้แม่แต่งงาน ใหม่ แต่แม่ยืนกรานไม่เห็นด้วย แม่พูดกับผมว่า "แม่มีลูกอยู่ทั้งคน...แม่ไม่ต้องการความรักอีก" แม่โกหกเราเป็นครั้งที่ 5 แล้ว
ในทื่สุดผมก็เรียนจบและมีงานทำ ผมอยากให้แม่ซึ่งตรากตรำทำงานหนักมาตลอดได้พักผ่อนบ้าง แต่แม่ไม่ยอม.....กลับไปตลาดทุกเช้า ขายผักที่หามาได้เพื่อเลี้ยงชีพทั้ง ๆ ที่ผมพยายามส่งเงินมาให้แม่ (ผมต้องไปทำงานในเมืองที่ห่างไกล) แม่ผมไม่ค่อยยอมรับเงินผม..บางครั้งยังส่งเงินกลับคืนให้ผมอีก แม่พูดกับผมว่า "แม่มีเงินพอใช้แล้ว...ลูกควรเก็บเงินไว้สร้างฐานะ" แม่โกหกเราเป็นครั้งที่ 6
เพื่ออนาคตที่ก้าวหน้า.. ผมตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทด้วยทุนของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในอเมริกา เมื่อผมเรียนจบก็ได้งานทำที่นั่นและมีเงินเดือนค่อนข้างสูง เมื่อทำงานไปได้สักพัก...ผมอยากให้แม่ผมมาอยู่กับผมที่อเมริกา เพื่อว่าแม่จะได้หยุดทำงาน...พักผ่อนให้สบายในบั้นปลายของชีวิต แต่แม่ผมไม่อยากรบกวนผม...บอกผมว่า "แม่ไม่คุ้นเคยกับชีวิตต่างแดน" ครั้งที่ 7 แล้วซินะที่แม่โกหกเรา
เมื่อแม่แก่ตัวลงไปเรื่อย ๆ.. ในที่สุดแม่ก็เป็นมะเร็งและต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล ผมลางานแล้วรีบบินกลับมาหาแม่สุดที่รักทันที แม่ผมนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงเมื่อผมไปถึง น้ำตาผมไหลอาบแก้มเมื่อเห็นแม่ซึ่งผ่ายผอมและดูทรุดโทรมลงอย่างมาก แม่รู้สึกดีใจมากที่เห็นเรา....พยายามยิ้มอย่างสดชื่น ด้วยความลำบาก
ผมรู้ดีว่าแม่ได้ฝืนความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างสุดฝืน จากโรคมะเร็งร้ายที่ลามไปทั่วทั้งตัว ผมโอบกอดแม่พร้อมกับร้องไห้ด้วยความสงสาร หัวใจผมในขณะนั้นเศร้าหมองและเจ็บปวดอย่างที่สุด แม่พยายามปลอบผมด้วยเสียงที่แหบพร่าและสั่นเครือ "ลูกรักของแม่...เห็นหน้าลูกแม่ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว" นี่เป็นครั้งที่ 8 ที่แม่โกหก และเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของแม่ที่โกหกเรา แม่ที่ผมรักและบูชามาตลอดชีวิตได้ปิดตาลงและจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังจากที่เธอกล่าวคำโกหกครั้งที่ 8 จบลง …
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เฟสบุ๊ค นำแม่ลูกมาพบกัน หลังพลัดพลากไป "29" ปี
การกลับมาพบเจอกันของพ่อ แม่ ลูก หรือเพื่อนพ้องที่หายกันไปนานแสนนาน อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในเว็บไซต์ Facebook เพราะกว่า 3-4 ปีที่ผ่านมาที่ Facebook กลายมาเป็นสังคมออนไลน์ที่ฮิตฮอตที่สุด ก็กลายเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของหลาย ๆ คนให้กลับมาพบเจอกันได้อีก
ล่าสุด Facebook ได้สร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อสองแม่ลูก จัตตา แฟร์ลีย์ และ แดเนียล ชไนเดอร์ ได้ออกมาเปิดเผยด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต ว่าได้กลับมาพบเจอกันหลังจากที่พลัดพรากกันนานกว่า 29 ปี ผ่านสังคมออนไลน์ Facebook โดยเรื่องราวของเธอได้ทำเอาใคร ๆ ต่างทึ่ง และเห็นใจไปตาม ๆ กัน
ย้อนไปเมื่อ 29 ปีก่อน ขณะที่ จัตตา แฟร์ลีย์ มีอายุได้เพียง 19 ปี เธอได้ตั้งครรภ์ขณะที่ยังอาศัยอยู่กับครอบครัวในประเทศเยอรมัน โดยที่ยังไม่แต่งงาน เมื่อครอบครัวของเธอทราบเรื่องจึงได้ยื่นตัวเลือกให้เธอ 2 ข้อ คือ ถ้าไม่ออกจากบ้านไป ก็เอาลูกไปให้คนอื่นเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมเสีย ซึ่งในตอนนั้น จัตตา แฟร์ลีย์ ได้เลือกที่จะอยู่กับครอบครัวต่อไป โดยยอมให้ลูกตัวเองเป็นลูกบุญธรรมของคนอื่น เธอและลูกจึงพรากจากกันตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งเธอย้ายไปอยู่ที่นิวออร์ลีนส์ สหรัฐฯ หลังจากแต่งงานกับสามีที่เป็นทหาร แต่เธอกับครอบครัวต้องเผชิญกับพายุแคทรีน่า จึงต้องย้ายไปที่เฮ้าสตัน และอาศัยอยู่ที่นั่นนับแต่นั้นเป็นต้นมา
จนเมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน เป็นเวลา 29 ปีให้หลัง นับตั้งแต่วันที่เธอและลูกพรากจากกัน จู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งชื่อว่า แดเนียล ชไนเดอร์ ส่งคำขอเป็นเพื่อนมาหาเธอ และด้วยความที่เธอและเขาไม่มีเพื่อนร่วมกันเลย เธอจึงยังไม่รับคำขอ แต่ก็ส่งข้อความไปถามไถ่ผู้ชายคนดังกล่าวว่า "ฉันรู้จักคุณไหม" และชายคนนั้นก็ตอบกลับมาหาเธอทันทีว่า "มันไม่สำคัญหรอก แต่ผมเกิดวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1981 และแม่ของผมชื่อ จัตตา"
หลังจากได้พูดคุยกันผ่านตัวอักษรในเฟซบุ๊ก จัตตา แฟร์ลีย์ จึงได้รู้ว่าเธอได้พบกับลูกชายที่พลัดพรากกันมานานแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน แดเนียล ชไนเดอร์ เลยบินจากเยอรมนีมาหาแม่แท้ ๆ ของตัวเองที่สหรัฐฯ พร้อม ๆ กับได้พบปะพี่น้องต่างพ่อด้วย โดยในวินาทีแรกที่เขาเจอหน้าแม่นั้น ทั้งคู่ก็ได้โผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ และบอกรักกันกลางสนามบินเฮ้าสตัน พร้อมกับถามไถ่ถึงเรื่องราวชีวิตในช่วง 29 ปีที่ผ่านมา และจัตตา แฟร์ลีย์ก็ได้รู้ว่า เธอมีลูกสะใภ้และหลานอีก 2 คนอยู่ที่เยอรมนี หลานซึ่งเกิดจากลูกแท้ ๆ ที่เธอตัดใจเอาไปฝากเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่ 29 ปีที่แล้วนั่นเอง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้คุณคิดถึงผู้หญิงคนนี้หรือยัง?
แปลกไหม...ที่คนที่คุณบอกว่ารัก
แต่...เค้ากลับทิ้งคุณไป
แปลกไหม...ที่เราต้องส่งอีเมล์ให้คนที่ทำงานอยู่โต๊ะติดกัน
แต่...เราบอกว่าไม่มีเวลาโทรไปหาพ่อแม่
แปลกไหม...ที่วันเกิดเรา พ่อแม่เราดีใจที่สุด
แต่...เราไปทานข้าวกับคนอื่น
แปลกไหม...ที่คุณเลี้ยงข้าวเพื่อนตอนรับปริญญา
แต่...คุณไม่ได้เลี้ยงข้าวคนที่ส่งคุณเรียนจนจบปริญญา
แปลกไหม...ที่เรารักเพื่อนที่เคยเลี้ยงข้าวเราเพียง 1 มื้อ
แต่...เรากลับไม่เคยส่งเงินให้กับคนที่เลี้ยงข้าวเรามา 25 ปี
แปลกไหม...ที่เรารักใครบางคน ที่ไม่กล้าแม้แต่จะจับกางในของเรา
แต่...เรากลับเบื่อเสียงเตือนของคน ที่ล้างก้นให้เราได้มากกว่า 3 ปี
แปลกไหม...ที่เพื่อนโทรมาชวนเราเวลาไหนเราก็ออกไป
แต่...พ่อแม่จะมาหา เรากลับบอกว่าไม่ว่าง
แปลกไหม...ที่คุณทำอะไรได้ทุกๆ อย่าง เพื่อใครบางคน
แต่...คุณไม่เคยทำสิ่งที่พ่อแม่คุณแอบดีใจ
แปลกไหม...ที่คุณต้องพูดจาเพราะๆ เพื่อให้เขายอมรับ
แต่...คุณไม่เคยพูดเพราะกับพ่อแม่คุณเอง
แปลกไหม....ที่คุณยังรอที่จะทำบุญกับท่าน ในวันที่ท่านไม่อยู่
วันนี้คุณคิดถึงผู้หญิงคนนี้หรือยัง?











อย่าบอกรักแม่เฉพาะวันแม่ บอกรักแม่ได้ทุกวันนะคะ


เข้าได้ทุกคน 
best10210






















คะ






















