
เข้าเรื่องกันเลยค่ะ



ทุกคนคงทราบดีเรื่อง2012นะคะบางข้อมูลก็ว่าจริงบางข้อมูลก็ว่าไม่ อ๊ะ!แล้วมันยังไงกันเนื่ยเห็นข่าวลือหลายๆข่าวลือจนทำบางคนกลัวกันไปหมดเรามาไขข้อข้องใจกันดีกว่า
1.เรื่องดาวนิบิรุที่ว่าเป็นดาวฤกษ์แล้วจะมาชนโลกเนียไม่จริงเลยซักกะนิดเดี่ยวแล้วอีกอย่าง
ดาวนิบิรุไม่ใช้ดาวฤกษ์มันเป็นดาวแคระ ซึงวงโครจรกว้างมากมาย ซึ่งอันที่จริงแล้วดาวฤกษ์
ที่อยู่ไกล้ระบบสุริยะของเรามากที่สุดคือดาวโพสิตรอนเป็นดาวฤกษ์ขนาดเล็กอยู่***งจากโลก
ประมาณ5000ล้านปีแสง หมายถึงแสงใช้เวลาจากโลกถึงดาวโพสิตรอน 5000ล้านปี
2.เรื่องน้ำท่วมโลกนั้นอาจเป็นไปได้เพราะน้ำแข็งขั้วโลกกำลังละลายทำให้ระดับน้ำทะเลหนุนสูง
แต่ก้อไม่ท่วมอะไรมากมายอาจแค่กินบิรเวรชายฝั่งเพิ่มมา100-120กิโลเมตร จากชายฝั่งทะเลเดิม
คุณรู้คุณสมบัติของน้ำแข็งหรือไม่ว่า มันจะสถ้อนแสงจากดวงอาทิตย์ทำให้แสงจากดวงอาทิตย์นั้น
เขามายังโลกได้ไม่100เปอเซ๊น แม่อน้ำแข็งละลายลงแล้ว แสงก้อจะเข้ามาได้มากขึ้นเพราะแผ่นน้ำแข็ง
ที่เคยสถ้อนกลับละลายไป วิธีทดลงขั้นตก นำกระดาษสีขาวซึ่งแทนสีของน้ำแข็งขั้วโลก และนำกระดาษ
สีน้ำตาลหรือดำ แทนสีของพื้นดิน แล้วนำ กระดาษ สีขาว และดำ ไปตากแดด 5 นาทีแล้วจับขึ้นมาตรวจสอบจะรู้สึกได้ว่ากระดาษแผ่นสีขาวร้อนน้อยกว่าแผ่นสีดำซึ้งแผ่นสีขาวสะท้อนแสงเลยทำให้ตัวกระดาษเองไม่ร้อนมาก แต่กระดาษสีดำสะถ้อนแสงได้น้อยมาก จึงทำให้กระดาษร้อนมากกว่าหลายเท่า
3.เรื่องมนุษย์ต่างดาวยิ่งไร้สาระเข้าไปใหญ่ มีการบอกใช้จิตคุยกันบ้าไปแล้ว บอกได้คำเดี่ยวมั้วมากมาย
แต่อาจจะมีอยู่จริงแต่ไม่สามารถคุยกันได้หรอกหรืออาจจะมีแต่ไม่ฉลาดอาจยังจะเป็นพวกสัตว์อยู่ก้อด้าย
ยังไม่ฉลาดหรืออาจจะเป็นพวกสัตว์เซลเดี่ยวเช่น แบคทีเรีย ฟังก์ใจหรือพวกอาโทโพด้า
4.เรื่องนาซ่าสร้างยานอันนี้ เค้าสร้างเผื่อ ไว้ใช้สำรวจดาวเนปจูนในปีหน้าเพราะองค์การนาซ่ากำลังจะตรวจหา
สิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนี้อยู่
สบายใจได้ทุกคนโลกของเราจะไม่อวสารในเร็วๆนี้แน่นอนแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีจุดจบ ทุกอย่างมีเกิดย้อมมีดับ จะเกิ่ลไห้ฟังเล็กน้อยคือ โลกเราจะแตกเมื่อดวงอาทิตย์ของเราไกล์เวลาอวสาร ดวงอาทิตย์ของเราจะมีขนาดใหญ่ขึ้น 100เท่าจากปัจุบันและแผ่ความร้อนมายังโลกทำให้น้ำทะเลแห่งไปอย่างรวดเร็วๆทุกอย่างอวสาร
วัยชรา และจุดจบของดาวฤกษ์
เมื่อไฮโดรเจนในแกนกลางหมด ดาวจะเย็นลง และยุบตัวลง ไฮโดรเจนรอบๆแกนกลางจะถูกอัดรวมตัวกันเป็นชั้นบางๆ เคลือบแกนกลางฮีเลียม และเมื่อดาวยุบตัวลงเรื่อยๆ ดาวจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อบริเวณรอบนอกแกนกลาง มีอุณหภูมิครบ 10 ล้าน องศาเซลเซียส ไฮโดรเจนที่ถูกอัดเป็นชั้นบางๆ นี้ จะเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน ซึ่งการที่ฟิวชันมาเกิดที่รอบนอกแกนกลาง ซึ่งลึกน้อยกว่า ทำให้พลังงานส่งมายังพื้นดาวมากขึ้น เร็วขึ้น ซึ่งปฏิกิริยาแบบนี้ เรยกว่า "ฟิวชันเปลือกไฮโดรเจน" ดาวจึงร้อนขึ้น และพองตัวออกถึง 100-1,000 เท่า มีสีแดงเรื่อขึ้น เรียกว่า "ดาวยักษ์แดง"
ฟิวชันเปลือกไฮโดรเจน จะเปลี่ยนไฮโดรเจนเป็นฮีเลียมซึ่งหนักกว่า ทำให้ฮีเลียมที่ได้ จมลงจากชั้นเปลือกแกนกลาง ไปที่แกนกลาง ทำให้แกนกลางหนักขึ้น แต่ไม่ขยายตัวมากนัก (เพราะมีเปลือกไฮโดรเจนดันไว้) ทำให้แกนกลางมีความดันสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้แกนกลางร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อแกนกลางที่เต็มไปด้วยฮีเลียมมีอุณหูมิสูงครบ 170 ล้านองศาเซลเซียส ฮีเลียมในแกนกลางจะเกิดนิวเคลียร์ฟิวชันขึ้น (เปลี่ยนฮีเลียมเป็นคาร์บอน และมวลส่วนหนึ่งสลายเป็นพลังงานระหว่างการเกิดปฏิกิริยา)
ดาวจะเกิดปฏิกิริยาฟิวชันในฮีเลียมและไฮโดรเจนต่อไปได้อีกหลายสิบล้านปี จนกระทั่งฮีเลียมในแกนกลางหมด แกนกลางมีแต่คาร์บอน และชั้นเปลือกไฮโดรเจนที่เกิดฟิวชันอยู่จะบางลง ทำให้ฟิวชันเปลือกไฮโดรเจนเกิดน้อยลง ดาวจึงเย็นลงอีกครั้ง เหตุการณ์ซ้ำรอยจึงเกิดอีกครั้ง นั่นคือ ดาวยุบตัว อัดฮีเลียมที่อยู่รอบๆนอกแกนกลาง ให้มาเป็นเปลือกนอกแกนกลาง แต่ด้วยความที่ฮีเลียมหนักกว่าไฮโดรเจน ฮีเลียมที่ถูกอัดลงมาจึงจมผ่านชั้นเปลือกไฮโดรเจนลงไปเป็นเปลือกชั้นใน ส่วนชั้นเปลือกไฮโดรเจนเดิมก็เป็นเปลือกชั้นนอก
แล้วฟิวชันเปลือกไฮโดรเจนที่ยังเหลืออยู่ ก็จะเปลี่ยนไฮโดรเจนเป็นฮีเลียม แล้วฮีเลียมที่ได้ก็จมลงมาในชั้นเปลือกฮีเลียม แล้วชั้นฟิวชันเปลือกฮีเลียม ก็เปลี่ยนฮีเลียมเป็นคาร์บอน แล้วคาร์บอนก็จมลงไปที่แกนกลาง แกนกลางร้อนขึ้น
ดาวฤกษ์มวลน้อย ดาวจะเบา ไม่สามารถยุบตัวจนแกนกลางร้อนครบ 600 ล้านองศาเซลเซียส เพื่อจะจุดฟิวชันของคาร์บอนได้ ดาวจึงยุบตัวลงอย่างต่อเนื่องจนอุณหภูมิสูงขึ้นถึงจุดที่เกินพอดีเมื่อเทียบกับมวล ดาวขยายตัวพองออกมากเป็นดาวยักษ์แดง แล้วสสารนอกแกนกลางก็ลอยกระจายออกไปเป็นเนบิวลา ทิ้งแกนกลางไว้ ซึ่งเป็นแกนคาร์บอนที่จะร้อนอยู่สักพัก และจะเย็นตัวลง กลายเป็น "ดาวแคระขาว"
ซึ่งดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะในวัยชราก็จะเข้าสู่ขั้นตอนนี้เช่นกัน มีการคาดการกันว่าในอีกประมาณ 5000 ล้านปี ดวงอาทิตย์จะหมดพลังงานและพองตัวออกกลืนกิน ดาวพุธ และ ดาวศุกร์ อย่างแน่นอน สำหรับโลกยังคงเป็นประเด็นถกเถียงว่าจะถูกกลืนไปด้วยหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์เห็นพ้องต้องกันว่า ก่อนหน้านั้น โลกจะถูกดวงอาทิตย์ระเหยน้ำในมหาสมุทรจนหมด ชั้นบรรยากาศจะถูกดูดกลืน และถ้าหากดาวเคราะห์โลกไม่ถูกดูดกลืน ก็จะกลายเป็นดาวที่แห้งแล้งไม่สามารถมีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้อีกต่อไป
อ้างอิงเพิ่มเติมhttp://www.nokiagang.com/forums/2012-t11112.html
สรุปๆง่ายๆก็ได้ว่า2012มี%ที่เกิดได้ยากมากและไม่สามารถหาคำตอบได้อย่างชัดเจนค่ะเราควรทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอค่ะ
