โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
♦ 12 ทฤษฎีจับผิด นีล อาร์มสตรอง “อะพอลโล” ลงจอดดวงจันทร์ ♦
paw19971
#1
03-11-2012 - 17:21:25

#1 paw19971  [ 03-11-2012 - 17:21:25 ]






แม้ว่านาซาจะประสบความสำเร็จในการส่งมนุษย์ไปเยือนดวงจันทร์เมื่อกว่า 40 ปีก่อน แต่มีหลายคนไม่เชื่อว่าโครงการ "อะพอลโล” ของสหรัฐฯ จะปฏิบัติภารกิจดังกล่าวได้จริง และยังมีทฤษฎีมากมายที่เสนอขึ้นมาจับผิดองค์การอวกาศ ซึ่งทางสเปซด็อทคอมได้หยิบ 12 ทฤษฎีจับผิด และข้อมูลแย้งมานำเสนอ



1. ดวงจันทร์ไม่มีบรรยากาศ ไม่มีเมฆ ทำไมในฉากหลังของทุกภาพมีแต่ฟ้ามืดๆ ไม่เห็นดาวสักดวง ถ้าเป็นบ้านเรา ฟ้าใสอย่างนี้ต้องเห็นดาวเต็มฟ้าไปแล้ว
2. ทำไมธงถึงโบกสะบัดอยู่ได้ ทั้งๆ ที่บนดวงจันทร์ไม่มีลม ธงควรจะลู่ลงกองกับเสามากกว่า และถ้าดูให้ดีจะเห็นว่า ขอบบนของธงชาติไม่สะบัดพลิ้ว ดูเหมือนแขวนอยู่บนราว ซึ่งถ้าเป็นราว ธงก็น่าจะห้อยลงมาเป็นแผ่น ไม่น่าจะสะบัด



3. แหล่งกำเนิดแสงสำหรับภาพจากดวงจันทร์ทุกภาพคือดวงอาทิตย์ นาซาบอกว่าไม่มีใครเอาไฟถ่ายรูปไปใช้ แต่ทำไมภาพที่ออกมาบางทีเงาคนที่สูงเท่ากัน กลับมีเงายาวไม่เท่ากัน หรือเห็นเงาทอดไปในหลายทิศทาง ราวกับมีไฟสปอตไลต์ส่องหลายดวง
4. วัตถุในเงามืดควรจะดำมืด เพราะไม่มีแสงสว่างอื่นนอกจากดวงอาทิตย์ แต่วัตถุนั้นกลับสว่างจนเห็นรายละเอียด จะว่ามีแสงกระเจิงจากชั้นบรรยากาศมาช่วยก็ไม่ใช่ ต้องมีคนไปถือแผ่นสะท้อนแสงลบเงาแน่ๆ
5. รอยเท้าของมนุษย์อวกาศดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้เขาจะสวมชุดอวกาศที่หนักถึง 82 กก. แต่ดวงจันทร์มีแรงโน้มถ่วงเพียง 1 ใน 6 ของโลก จึงน่าจะเบามากจนไม่น่าจะเหยียบพื้นให้เป็นรอยได้ขนาดนั้น หรือถ้าเป็นรอยก็ไม่ควรจะคงรูปอยู่เหมือนกับเหยียบทรายเปียก ควรจะเลือนไปทันที เหมือนเหยียบทรายแห้ง



6. บริเวณที่ยานลงจอดน่าจะมีหลุมใหญ่เนื่องจากแรงไอพ่นที่ต้องพยุงยานน้ำหนัก กว่า 10 ตัน แต่ที่เห็นกลับดูเหมือนเอายานบรรจงวางลง รอบยานยังเป็นพื้นราบปกติ แถมมีฝุ่นหนาที่ควรจะถูกไอพ่นเป่ากระเจิงไปหมด
7. ภาพถ่ายอัลดริน ถ่ายโดยอาร์มสตรอง เห็นได้ชัดว่าถ่ายจากระดับสายตา แต่ในภาพจะเห็นว่าทุกคนถือกล้องที่ระดับหน้าอก ดังนั้นความจริงต้องมีตากล้องอีกอย่างน้อย 1 คน ซึ่งคงเป็นคนถ่ายวิดีโอตอนที่อาร์มสตรองลงจากยานเป็นครั้งแรกด้วย
8. ภาพถ่ายที่บอกว่าถ่ายจากสถานที่ 2 แห่ง ทำไมดูเหมือนกับถ่ายอยู่ในจุดเดียวกัน เพราะฉากหลังเหมือนกัน เปลี่ยนแต่ข้าวของข้างหน้าเท่านั้น
9. รถที่ใช้บนดวงจันทร์ใหญ่เกินกว่าจะเอาขึ้นไปในยานลงดวงจันทร์ได้ หรือถ้าเอาขึ้นไปได้ ก็สูบลมยางไม่ได้ เพราะยางจะระเบิดทันทีเมื่อแรงดันในยางเจอสุญญากาศ
10. กากบาท (crosshair) อย่างที่เห็นในภาพถ่ายทุกภาพ เป็นของเติมเข้าไปทีหลัง เพราะบางทีเราจะเห็นคนเติมเส้นทำพลาด ทำเส้นแหว่งหายไปอยู่หลังวัตถุ ดังในภาพ
11. การเดินทางไปดวงจันทร์ต้องผ่านแถบรังสีแวน อัลเลน ซึ่งเป็นแถบรังสีความเข้มข้นสูงที่ล้อมอยู่รอบโลก ไม่มีทางที่มนุษย์อวกาศจะรอดชีวิตจากแถบรังสีนี้ไปได้ ดังนั้นไม่เคยมีใครไปดวงจันทร์
12. ถ้ามนุษย์เคยไปเหยียบดวงจันทร์ และทิ้งอุปกรณ์ไว้มากมาย ทำไมกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลจึงไม่เคยส่องเห็นของพวกนั้นเลย



มีคนว่าเทปของการถ่ายทอดสดนั้น เมื่อนำมาเล่นให้เร็วกว่าปกติ ก็จะเป็นเหมือนการเดินและวิ่งบนโลกนี่เอง ฝ่ายกล่าวหาชี้ว่านี่เป็นการถ่ายทำบนโลกและนำไปเล่นแบบช้าๆ เราจะวิเคราะห์คำกล่าวหานี้ด้วยเรื่องการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์

สมการที่เราคุ้นเคยสำหรับการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์คือ

dx = vx t
และ
dy = y0 + vy t – t2
เมื่อ dx และ dy คือการขจัดในแนวนอนและตั้ง t คือเวลาที่ผ่านไป y0 คือระดับความสูงเริ่มต้น vx และ vy คือความเร็วในแนวนอนและตั้ง และตัวสำคัญคือ g ซึ่งเป็นค่าคงที่จากแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งมีค่าประมาณ 9.8 ม/ว2

สำหรับบนดวงจันทร์นั้นค่าคงที่จากแรงโน้มถ่วงมีค่าประมาณหนึ่งในหกของค่าบนโลก ทำให้การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์ในแนวตั้งเป็น
dy = y0 + vy t – t2
ถึงตรงนี้ก็ชักเริ่มน่าคิดนะครับว่ามันจะใช้ความเร็วในการเล่นเทปกี่เท่าถึงจะได้ภาพหลอกตาได้ ซึ่งมองผ่านๆ ก็อาจคิดว่ามันไม่น่าทำได้เพราะดูการขจัดในแนวตั้งมันมันไม่ขึ้นกับเวลาในแบบเชิงส้น ดังนั้นคนกล่าวหาก็อาจถูกนะครับว่าเทปถ่ายทอดสดที่เล่นเร็วขึ้นมันเหมือนการเคลื่อนที่บนโลกน่าจะเป็นหลักฐานว่าการลงดวงจันทร์เป็นเรื่องแหกตา

ทีนี้เราลองมาวิเคราะห์การเร่งภาพจากเทปถ่ายทอดสดนะครับ เริ่มจากการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์ด้วยความเร็วต้น vx และ vy ก็จะได้
dx = vx t และ dy = y0 + vy t – t2
ทีนี้ก็ลองมาเร่งเร่งอัตราเร็วเทปเป็น เท่า หรือแทน t ด้วย t นั่นเอง
สมการก็จะกลายเป็น
dx = vx t และ dy = y0 + vy t – ( t)2
เมื่อจัดรูปใหม่ก็จะได้
dx = vx t และ dy = y0 + vy t – t2
ซึ่งก็ตีความได้ว่าภาพมันจะเป็นเหมือนการเคลื่อนที่บนโลกด้วยความเร็วต้น vx และ vy นั่นเอง ทำให้สรุปได้ว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเราเร่งภาพการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์ให้เร็วเป็น เท่า ก็จะได้ภาพการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนโลกนั่นเอง ในทางกลับกัน ผู้อ่านอาจลองไปทำด้วยตนเองได้นะครับ ว่าการนำเทปการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนโลกไปเล่นให้ช้าเป็น เท่า ก็จะได้การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์เช่นกัน

ก็สรุปได้ว่าคำกล่าวหาเรื่องการเร่งอัตราเร็วในการเล่นเทปก็ตกไปอีกอัน แต่ก็ยังเป็นที่น่าคิดน่าพิสูจน์ต่อไปว่าเรื่องแรงดลจากการกระโดดมันสามารถเร่งให้เหมือนกันได้หรือไม่ ซึ่งผมคิดว่าไม่ได้ และก็มีเพื่อนนักฟิสิกส์บางคนก็ให้ความเห็นว่าไม่น่าได้ เป็นการบ้านให้ไปคิดเล่นๆ กันนะครับ

ทั้งหมดนี้ ซ้ำหรือรู้แล้วขออภัยนะครับ

ที่มา http://www.vcharkarn.com/varticle/42636


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2014-01-05 12:46:24
jobsu1
zazagogo


I'm still alive
We love sims 3
#2
03-11-2012 - 17:52:25

#2 We love sims 3  [ 03-11-2012 - 17:52:25 ]








ดากม้า 5555
jobsu1
#3
03-11-2012 - 18:12:06

#3 jobsu1  [ 03-11-2012 - 18:12:06 ]






zazagogo
#4
03-11-2012 - 18:30:46

#4 zazagogo  [ 03-11-2012 - 18:30:46 ]






ไม่รู้แฮะ ... เขาจะไปหรือไปไม่จริง แต่ตอนนี้คนที่ไปก็เสียชีวิตไปแล้ว -.-

แต่เราว่าเขาไปไม่จริงอ่ะ .. เพราะเราเคยสงสัยเรื่องรอยเท้า

ในเมื่อมันต้องลอยตัวแล้วทำไม? รอยเท้ามันเข้มขนาดนั้น?

อะไรประมาณนี้อ่ะ -.-



คิดถึงทุกอย่างเล้ยยยย
paw19971
#5
03-11-2012 - 18:58:55

#5 paw19971  [ 03-11-2012 - 18:58:55 ]






quote : zazagogo

ไม่รู้แฮะ ... เขาจะไปหรือไปไม่จริง แต่ตอนนี้คนที่ไปก็เสียชีวิตไปแล้ว -.-

แต่เราว่าเขาไปไม่จริงอ่ะ .. เพราะเราเคยสงสัยเรื่องรอยเท้า

ในเมื่อมันต้องลอยตัวแล้วทำไม? รอยเท้ามันเข้มขนาดนั้น?

อะไรประมาณนี้อ่ะ -.-


นี้ละที่น่าสงสัย เพราะถ้าออกไปนอกโลกน้ำหนักเราจะเบาเว่อร์



I'm still alive
bank42n
#6
03-11-2012 - 19:26:54

#6 bank42n  [ 03-11-2012 - 19:26:54 ]








น่าจะจริงแหละครับพี่ปาวเห็นด้วยหมดทุกข้อ
โดยเฉพาะเรื่องดาวกับรถแล้วการจอดของยาน



#กอดกับบุญ
wot100
#7
03-11-2012 - 20:00:56

#7 wot100  [ 03-11-2012 - 20:00:56 ]




ไอคนที่ดูก็คีดดีนะ


leohot2541
#8
11-11-2012 - 17:25:06

#8 leohot2541  [ 11-11-2012 - 17:25:06 ]





อ้อๆ แมเพิ่งเอาหนังสือเฉลยเรื่องนี้มาอ่านพอดีเลยค่ะ
สนุกมากเลย
เดี๋ยวแมจะตอบอย่างคร่าวๆ ให้นะค่ะ เพราะจำไม่ค่อยได้เท่าไหร่

1. ดวงจันทร์ไม่มีบรรยากาศ ไม่มีเมฆ ทำไมในฉากหลังของทุกภาพมีแต่ฟ้ามืดๆ ไม่เห็นดาวสักดวง ถ้าเป็นบ้านเรา ฟ้าใสอย่างนี้ต้องเห็นดาวเต็มฟ้าไปแล้ว
ตอบ เพราะกล้องที่ถ่ายมาไม่ได้โฟกัสไปที่ดาวค่ะ แต่โฟกัสไปที่ตัวคนกับผิวดวงจันทร์แทนค่ะ
จึงเห็นดวงดาวไม่ชัด หรือไม่เห้นเลย


2. ทำไมธงถึงโบกสะบัดอยู่ได้ ทั้งๆ ที่บนดวงจันทร์ไม่มีลม ธงควรจะลู่ลงกองกับเสามากกว่า และถ้าดูให้ดีจะเห็นว่า ขอบบนของธงชาติไม่สะบัดพลิ้ว ดูเหมือนแขวนอยู่บนราว ซึ่งถ้าเป็นราว ธงก็น่าจะห้อยลงมาเป็นแผ่น ไม่น่าจะสะบัด
ตอบ เพราะเวลาปักธงบลงบนพื้นดวงจันทร์อ่ะค่ะ คนปักเค้าต้องใช้แรงมากและต้องหมุนด้ามธงไปมาด้วย
เพราะว่าพื้นผิวของดวงจันทร์ มันแข็งมากทำให้ปักลำบากค่ะ และขณะที่หมุนนั้น ธงก้อจะสะบัดตามแรง ที่หมุนด้วยค่ะ และเนื่องด้วยดวงจันทร์ไม่มีอากาศ ทำให้ธงยังสบัดนานกว่าบนโลกอยู่และตอนถ่ายเค้าคงถ่ายตอนที่ปักไปซักพักแล้วหละค่ะ


3. แหล่งกำเนิดแสงสำหรับภาพจากดวงจันทร์ทุกภาพคือดวงอาทิตย์ นาซาบอกว่าไม่มีใครเอาไฟถ่ายรูปไปใช้ แต่ทำไมภาพที่ออกมาบางทีเงาคนที่สูงเท่ากัน กลับมีเงายาวไม่เท่ากัน หรือเห็นเงาทอดไปในหลายทิศทาง ราวกับมีไฟสปอตไลต์ส่องหลายดวง
ตอบ เพราะดวงจันทร์มีสภาพไม่เหมือนโลกไงหละค่ะ และการที่แสงสะท้อนลงมาการกระจายแสงไม่เท่าที่อยู่บนโลกอ่ะค่ะ ร่วมด้วยดวงจันทร์ไม่มีบรรยากาศด้วย แต่ถ้าใช้ไฟสปอตไลต์ส่องหลายดวง เงาก้อจะมีมากกว่า 1 เงาแน่นอนค่ะ (อันนี้จำไม่ค่อยได้นะค่ะ)

4. วัตถุในเงามืดควรจะดำมืด เพราะไม่มีแสงสว่างอื่นนอกจากดวงอาทิตย์ แต่วัตถุนั้นกลับสว่างจนเห็นรายละเอียด จะว่ามีแสงกระเจิงจากชั้นบรรยากาศมาช่วยก็ไม่ใช่ ต้องมีคนไปถือแผ่นสะท้อนแสงลบเงาแน่ๆ
ตอบ เพราะสีของยานกับชุดยังไงหละค่ะ มันเป็นสีขาวแถมยังสะท้อนแสงได้ดีอีกด้วยทำให้เห้นแม้จะอยู่ในเงามืด ก้อยังเห้นค่ะ (อันนี้จำไม่ค่อยได้นะค่ะ)

5. รอยเท้าของมนุษย์อวกาศดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้เขาจะสวมชุดอวกาศที่หนักถึง 82 กก. แต่ดวงจันทร์มีแรงโน้มถ่วงเพียง 1 ใน 6 ของโลก จึงน่าจะเบามากจนไม่น่าจะเหยียบพื้นให้เป็นรอยได้ขนาดนั้น หรือถ้าเป็นรอยก็ไม่ควรจะคงรูปอยู่เหมือนกับเหยียบทรายเปียก ควรจะเลือนไปทันที เหมือนเหยียบทรายแห้ง
ตอบ ถึงดวงจันทร์จะมีแรงโน้มถ่วงน้อยกว่าโลก แต่ดินทรายบนดวงจันทร์เมื่อเหยียบแล้วฝุ่นและดินจะไม่ฟุ้งค่ะ ทำให้มันยังอยู่อย่างนั้น
และมันจะยังคงสภาพอย่างนั้นไปอีกนานแสนนานทีเดียว (อันนี้จำไม่ค่อยได้นะค่ะ)

6. บริเวณที่ยานลงจอดน่าจะมีหลุมใหญ่เนื่องจากแรงไอพ่นที่ต้องพยุงยานน้ำหนัก กว่า 10 ตัน แต่ที่เห็นกลับดูเหมือนเอายานบรรจงวางลง รอบยานยังเป็นพื้นราบปกติ แถมมีฝุ่นหนาที่ควรจะถูกไอพ่นเป่ากระเจิงไปหมด
ตอบ เพราะเวลานำยานลงจอด เค้าจะใช้แรงพยุงน้อยเพราะสิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก ทำให้ต้องลงบนดวงจันทร์อย่างนิ่มนวลที่สุด เพื่อความปลอดภับของคนในยานค่ะ

7. ภาพถ่ายอัลดริน ถ่ายโดยอาร์มสตรอง เห็นได้ชัดว่าถ่ายจากระดับสายตา แต่ในภาพจะเห็นว่าทุกคนถือกล้องที่ระดับหน้าอก ดังนั้นความจริงต้องมีตากล้องอีกอย่างน้อย 1 คน ซึ่งคงเป็นคนถ่ายวิดีโอตอนที่อาร์มสตรองลงจากยานเป็นครั้งแรกด้วย
ตอบ ขอโทษจริงๆ นะค่ะ อันนี้จำไม่ได้จริงๆ เพราะอ่านแล้วงงหน่อยๆ T^T

8. ภาพถ่ายที่บอกว่าถ่ายจากสถานที่ 2 แห่ง ทำไมดูเหมือนกับถ่ายอยู่ในจุดเดียวกัน เพราะฉากหลังเหมือนกัน เปลี่ยนแต่ข้าวของข้างหน้าเท่านั้น
ตอบ เพราะดวงจันทร์ไม่มีอากาศทำให้ไม่มีการหักเหของแสง ทำให้มีรูปเหมือนอย่างงั้นตลอดถึงแม้มองแล้วจะดูใกล็ แต่ที่จริงไกลกันเป็น 10 กิโล ไม่เหมือนกับมองบนโลกที่เห้นว่าใกล้หรือไกลอย่างชัดเจน

9. รถที่ใช้บนดวงจันทร์ใหญ่เกินกว่าจะเอาขึ้นไปในยานลงดวงจันทร์ได้ หรือถ้าเอาขึ้นไปได้ ก็สูบลมยางไม่ได้ เพราะยางจะระเบิดทันทีเมื่อแรงดันในยางเจอสุญญากาศ
ตอบ ก้อยางรถไม่ได้ใส่ลมเข้าไปไงหละค่ะ แต่เค้าทำมาจากเหล็กและลวดตาข่ายอย่างดีค่ะ

10. กากบาท (crosshair) อย่างที่เห็นในภาพถ่ายทุกภาพ เป็นของเติมเข้าไปทีหลัง เพราะบางทีเราจะเห็นคนเติมเส้นทำพลาด ทำเส้นแหว่งหายไปอยู่หลังวัตถุ ดังในภาพ
ตอบ เพราะเวลาถ่าย แสงเข้ามาบ้างไม่เข้ามาบ้างทำให้กากบาท พุบๆ โพล่ๆ มาตามปริมาณแสงค่ะ

11. การเดินทางไปดวงจันทร์ต้องผ่านแถบรังสีแวน อัลเลน ซึ่งเป็นแถบรังสีความเข้มข้นสูงที่ล้อมอยู่รอบโลก ไม่มีทางที่มนุษย์อวกาศจะรอดชีวิตจากแถบรังสีนี้ไปได้ ดังนั้นไม่เคยมีใครไปดวงจันทร์
ตอบ ถึงแม้บริเวณนอกโลกไปอีกเป็นหมื่นๆ กิโลเมตรนับจากเส้นศูนย์สูตร แต่ขณะที่ทะลุรังสีไปนั้น เค้าเร่งความเร็วเต็มที่เพื่อทะลุรังสีนั้น แต่พวกเค้ายังได้รับรังสีไปเพียง 1 เรม ปริมาณรังสีถ้าโดนถึง 25 เรมคือถึงอันตราย แต่ 125 หรือ 150 ไม่รู้ ถึงจะตายได้
ถือว่าพวกเค้ากล้าหาญมากๆ เลยค่ะ ^^


12. ถ้ามนุษย์เคยไปเหยียบดวงจันทร์ และทิ้งอุปกรณ์ไว้มากมาย ทำไมกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลจึงไม่เคยส่องเห็นของพวกนั้นเลย
ตอบ อันนี้จำไม่ได้จริงค่ะ อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจจริงๆ ค่ะ

ตอบหมดทุกปัญหาแล้วนะค่ะ
บางอันตอบไม่ได้ ไม่ละเอียดบ้าง
ขอโทษจริงๆ นะค่ะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปยืมมาตอบให้เลยนะค่ะ ^^

zazagogo
aumlovethesim3


Dot DOt DOT
paw19971
#9
11-11-2012 - 17:38:13

#9 paw19971  [ 11-11-2012 - 17:38:13 ]






- - แต่ผมถามครูสอนวิทย์แล้วนะ มันก็คงแล้วจะคิดนะครับ 555


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2014-07-09 02:28:46


I'm still alive
bank42n
#10
11-11-2012 - 18:13:47

#10 bank42n  [ 11-11-2012 - 18:13:47 ]








อยากรู้คำตอบข้อสุดท้ายยยยยยยยยยย



#กอดกับบุญ
Ghostpimmy nn
#11
11-11-2012 - 18:21:39

#11 Ghostpimmy nn  [ 11-11-2012 - 18:21:39 ]





ส่วนตัวเชื่อ แม่บอกว่ามันออกอากาศสด =__=



we never go out of style
leohot2541
#12
11-11-2012 - 22:21:25

#12 leohot2541  [ 11-11-2012 - 22:21:25 ]





ส่วนตัวแม แมชอบข้อ 11 มากค่ะ
เค้ากล้าหาญมาก ส่วนข้อที่ไม่ได้ตอบหรือ ตอบไม่ละเอียด จะมาเพิ่มให้นะค่ะ ^^



Dot DOt DOT
zazagogo
#13
11-11-2012 - 22:44:26

#13 zazagogo  [ 11-11-2012 - 22:44:26 ]






อุ๊ย! มีคนเฉลยแบ้วว -.-

อยากรู้จังหนังสือเรื่องอะไร?

เพราะชอบหนังสือเกี่ยวกับวิทย์แบบนี้อ่ะ

แต่เราโง่วิทย์(?) -.-



คิดถึงทุกอย่างเล้ยยยย
แตงโมสีชมพู
#14
แตงโมสีชมพู
11-11-2012 - 22:55:10

#14 แตงโมสีชมพู  [ 11-11-2012 - 22:55:10 ]








142954455
#15
11-11-2012 - 23:32:27

#15 142954455  [ 11-11-2012 - 23:32:27 ]






อันนี้เราลองไปเสิร์ชหามาให้นะ

1. ดวงจันทร์ไม่มีบรรยากาศ ไม่มีเมฆ ทำไมในฉากหลังของทุกภาพมีแต่ฟ้ามืดๆ ไม่เห็นดาวสักดวง ถ้าเป็นบ้านเรา ฟ้าใสอย่างนี้ต้องเห็นดาวเต็มฟ้าไปแล้ว

ข้อเท็จจริง ภาพถ่ายจากดวงจันทร์เป็นภาพถ่ายกลางวัน นั่นคือทุกภาพมีแสงอาทิตย์ส่อง การถ่ายภาพกลางแดดต้องใช้รูรับแสงเล็กหรือความเร็วชัตเตอร์สูง ถ้าตั้งค่าในกล้องแบบนี้ไปถ่ายภาพตอนกลางคืน เราจะไม่ได้ภาพอะไรเลย เพราะแสงไม่พอ แสงดาวที่สว่างเพียงน้อยนิดยิ่งไม่มีทางเห็น บนดวงจันทร์ การถ่ายภาพกลางแดดซึ่งจ้ากว่าทุกแห่งในโลก เพราะไม่มีบรรยากาศคอยกรองแสง ก็บังคับให้ต้องใช้รูรับแสงเล็กมาก และความเร็วชัตเตอร์สูงมาก เราจึงเห็นฟ้ามืดในภาพจากดวงจันทร์ทุกภาพ

2. ทำไมธงถึงโบกสะบัดอยู่ได้ ทั้งๆ ที่ บนดวงจันทร์ไม่มีลม ธงควรจะลู่ลงกองกับเสามากกว่า และถ้าดูให้ดีจะเห็นว่า ขอบบนของธงชาติไม่สะบัดพลิ้ว ดูเหมือนแขวนอยู่บนราว ซึ่งถ้าเป็นราว ธงก็น่าจะห้อยลงมาเป็นแผ่น ไม่น่าจะสะบัด

ข้อเท็จจริง เสาธงที่มนุษย์อวกาศเอาไปปักบนดวงจันทร์เป็นเสาอะลูมิเนียม มีราวสำหรับแขวนธง นาซาเองทราบดีว่าถ้าเอาเสาไปเฉยๆ ธงคงห้อยแฟบติดเสา เลยทำราวแขวน แต่ให้สั้นกว่าผืนธงเล็กน้อย ธงจะได้ย่นนิดหน่อย ดูเหมือนกำลังโบกสะบัด พื้นผิวดวงจันทร์มีลักษณะเหมือนหินกรวดอัดแน่น การปักธงบนดวงจันทร์ ไม่ง่ายเหมือนเอาไม้จิ้มลูกชิ้น มนุษย์อวกาศต้องออกแรงปั่นเสาธงไปมาเหมือนสว่านเจาะลงไป ขณะที่คนกำลังทะลวงพื้น ตัวเสาอะลูมิเนียมก็แกว่ง พาให้ราวและผืนธงแกว่งสะบัดไปด้วย
บนดวงจันทร์ไม่มีอากาศไปต้านแรงสะบัดของธง มันจึงสะบัดพลิ้วอยู่นานหลายนาทีกว่าจะหยุดนิ่งด้วยตัวเอง ภาพที่เห็นธงสะบัดถ่ายมาจากช่วงนี้นี่เอง หลังจากนี้ธงก็ห้อยลงมาเป็นแผ่น

3. แหล่งกำเนิดแสงสำหรับภาพจากดวงจันทร์ทุกภาพคือดวงอาทิตย์ นาซาบอกว่าไม่มีใครเอาไฟถ่ายรูปไปใช้ แต่ทำไมภาพที่ออกมาบางทีเงาคนที่สูงเท่ากัน กลับมีเงายาวไม่เท่ากัน หรือเห็นเงาทอดไปในหลายทิศทาง ราวกับมีไฟสปอตไลต์ส่องหลายดวง


ข้อเท็จจริง คนหนึ่งยืนอยู่บนเนิน เงาทอดลงเขา อีกคนอยู่ในแอ่ง เงาทอดขึ้นเขา เงาจึงยาวไม่เท่ากัน ภูมิประเทศที่เป็นเนินแม้เพียงเล็กน้อย ก็ทำให้ทิศทางของเงาเปลี่ยนไป ยิ่งถ้าเทียบเงาของสิ่งที่อยู่ใกล้กับอยู่ไกล การกำหนดทิศทางของสิ่งที่อยู่ไกลจะทำได้ยาก เส้นขอบฟ้าอาจหลอกตาเรา ทำให้คิดว่าเงาของสองสิ่งไปคนละทิศละทาง ความจริงเป็นทางเดียวกัน ถ้าหากมีแหล่งกำเนิดแสงมากกว่า 1 แหล่งจริง วัตถุที่อยู่ใกล้กันจะต้องมีเงามากกว่า 1 เงา แต่ทุกวัตถุในภาพจากดวงจันทร์ล้วนมีเงาเดียวทั้งสิ้น

4. วัตถุในเงามืดควรจะดำมืด เพราะไม่มีแสงสว่างอื่นนอกจากดวงอาทิตย์ แต่วัตถุนั้นกลับสว่างจนเห็นรายละเอียด จะว่ามีแสงกระเจิงจากชั้นบรรยากาศมาช่วยก็ไม่ใช่ ต้องมีคนไปถือแผ่นสะท้อนแสงลบเงาแน่ๆ


คำถาม: ทำไมนักบินอวกาศในเงามืดจึงดูสว่าง?


ภาพจำลองแสดงให้เห็นว่าพื้นดินสะท้อนแสงจนทำให้ตุ๊กตานักบินสว่างขึ้นในเงามืด
ภาพที่สอง ใช้กระดาษสีดำมาลดทอนแสงสะท้อนลง


ข้อเท็จจริง แหล่งกำเนิดแสงสำหรับภาพถ่ายจากดวงจันทร์มีเพียงดวงอาทิตย์ เหตุที่ทำให้เห็นรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ในเงามืดได้นั้นมีหลายปัจจัย

- พื้นผิวดวงจันทร์เป็นแผ่นสะท้อนแสงอาทิตย์ส่องลบเงามืด เพราะดวงจันทร์ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นละเอียดที่สะท้อนแสงอาทิตย์ให้กระจายไปทุกทิศทาง ซึ่งเป็นเหตุให้เราเห็น
ดวงจันทร์เป็นสีนวลเย็นตาอีกด้วย
- ดวงจันทร์ไม่มีบรรยากาศ แสงแดดที่นั่นจึงสว่างกว่าบนโลกหลายเท่า เมื่อสะท้อนไปจึงสว่างมาก
- สิ่งที่เห็นชัดที่สุดในเงาคือชุดมนุษย์อวกาศสีขาว หรือวัตถุสีอ่อน ซึ่งสะท้อนแสงเข้าตาเรามากที่สุด

5. รอยเท้าของมนุษย์อวกาศดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้เขาจะสวมชุดอวกาศที่หนักถึง 82 กก. แต่ดวงจันทร์มีแรงโน้มถ่วงเพียง 1 ใน 6 ของโลก จึงน่าจะเบามากจนไม่น่าจะเหยียบพื้นให้เป็นรอยได้ขนาดนั้น หรือถ้าเป็นรอยก็ไม่ควรจะคงรูปอยู่เหมือนกับเหยียบทรายเปียก ควรจะเลือนไปทันที เหมือนเหยียบทรายแห้ง


ข้อเท็จจริง คนที่เคยเห็นรอยเท้าสุนัขบนพื้นปูน คงไม่คิดว่าสุนัขตัวที่เดินผ่านปูนเปียกนั้นตัวหนักเท่าควาย บรรยากาศบนดวงจันทร์แห้งสนิทก็จริง แต่ฝุ่นบนดวงจันทร์กับทรายบนโลกไม่เหมือนกัน ฝุ่นดวงจันทร์เกิดจากเปลือกดวงจันทร์ถูกอุกกาบาตใหญ่น้อยพุ่งชนนับครั้งไม่ถ้วน จนป่นเป็นเม็ดฝุ่นละเอียดยิบที่ผิวหยาบและรูปทรงไม่สม่ำเสมอ
ถ้าเป็นโลก กระบวนการกัดกร่อนด้วยลม น้ำและสนิม จะขัดผิวและลบเหลี่ยมเม็ดทราย แต่บนดวงจันทร์ไม่มีกระบวนการเหล่านี้ไปขัดสีเม็ดฝุ่น เมื่อเม็ดฝุ่นถูกอัดรวมกัน เช่นถูกเหยียบ ผิวหน้าของมันจะสานเกี่ยวติดกันทั้งแห้งๆ อย่างนั้น จึงคงรูปอยู่ได้

6. บริเวณที่ยานลงจอดน่าจะมีหลุมใหญ่เนื่องจากแรงไอพ่นที่ต้องพยุงยานน้ำหนักกว่า 10 ตัน แต่ที่เห็นกลับดูเหมือนเอายานบรรจงวางลง รอบยานยังเป็นพื้นราบปกติ แถมมีฝุ่นหนาที่ควรจะถูกไอพ่นเป่ากระเจิงไปหมด

ข้อเท็จจริง จรวดที่ใช้ขับเคลื่อนยานลงดวงจันทร์มีแรงขับเต็มที่ถึง 10,500 ปอนด์ ต่อตารางนิ้ว ก็จริง แต่นั่นคือแรงขับสูงสุดซึ่งไม่ได้ใช้ขณะลงจอด การจอดยานไม่ใช่ลอยลงมาจอดตรงๆ แต่ผู้ขับยานจะต้องร่อนหาที่จอดที่เหมาะสม ซึ่งใช้ความเร็วต่ำมาก เมื่อยานร่อนลงจอด มันจะไถลไปบนพื้นเล็กน้อยตามแนวร่อน ดังนั้นพื้นดวงจันทร์ใต้ยานนอกจากจะค่อนข้างปลอดฝุ่นเพราะถูกแรงจรวดเป่าฝุ่นไปหมด ยังอาจมีรอยครูดจากหัววัดที่ยื่นลงไปก่อน บนดวงจันทร์ไม่มีโมเลกุลอากาศไปผลักดันเม็ดฝุ่นให้ฟุ้งกระจาย ฝุ่นที่ถูกไอพ่นเป่าโดยตรงจะกระเด็นไปด้านข้างแล้วตกลงมาเหมือนก้อนหิน แต่ฝุ่นที่ไม่ถูกไอพ่นโดยตรงจะไม่มีลมที่ไหนมาเป่าออกไปอีก ฉะนั้นใต้ยานซึ่งถูกไอพ่นจึงเตียนโล่ง แต่รอบยานไม่ได้รับผลกระทบจากไอพ่นเลย จึงเต็มไปด้วยฝุ่นเหมือนเดิม หรือฝุ่นหนาขึ้นเพราะฝุ่นกระเจิงจากใต้ยานมาสมทบ

7. ภาพถ่ายอัลดริน ถ่ายโดยอาร์มสตรอง เห็นได้ชัดว่าถ่ายจากระดับสายตา แต่ในภาพจะเห็นว่าทุกคนถือกล้องที่ระดับหน้าอก ดังนั้นความจริงต้องมีตากล้องอีกอย่างน้อย 1 คน ซึ่งคงเป็นคนถ่ายวิดีโอตอนที่อาร์มสตรองลงจากยานเป็นครั้งแรกด้วย


ข้อเท็จจริง อาร์มสตรองถ่ายรูปจากบนเนิน ส่วนอัลดรินอยู่ตีนเนิน


ภาพยนตร์ตอนอาร์มสตรองเหยียบดวงจันทร์เป็นครั้งแรก ถ่ายด้วยกล้องวิดีโอซื่งติดอยู่ภายนอกยาน อาร์มสตรองเป็นคนบังคับให้กล้องยื่นออกมาจากที่เก็บใต้ลำตัวยานในขณะที่เขากำลังจะลงสู่พื้น หลังจากนั้นกล้องจะถูกถอดไปติดขาตั้งเพื่อถ่ายภาพกิจกรรมอื่นต่อไป

8. ภาพถ่ายที่บอกว่าถ่ายจากสถานที่ 2 แห่ง ทำไมดูเหมือนกับถ่ายอยู่ในจุดเดียวกัน เพราะฉากหลังเหมือนกัน เปลี่ยนแต่ข้าวของข้างหน้าเท่านั้น



ข้อเท็จจริง ในภาพที่ยกมาจับผิด ฉากหลังที่ดูเหมือนกันคือภูเขาที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร เรานึกว่ามันเป็นฉากหลังที่อยู่ใกล้ก็เพราะบนดวงจันทร์ไม่มีบรรยากาศ ไม่มีฝุ่นละอองหรือความชื้นในอากาศที่ทำให้ภูเขาบนโลกในระยะทางเท่ากันดูห่างไกลลิบลับ
ของที่อยู่ไกลมากจะดูเหมือนไม่เปลี่ยนตำแหน่งเลยในขณะที่เราเดินทางไป ลองคิดถึงทิวทัศน์ไกลๆ สองข้างทางเวลาเรานั่งรถไปต่างจังหวัด ต้นตาลที่ขอบฟ้าดูเหมือนไม่ย้ายที่ แต่ความจริงมันค่อยๆ เลื่อนไปทีละน้อยจนเราไม่สังเกตเห็นต่างหาก

9. รถที่ใช้บนดวงจันทร์ใหญ่เกินกว่าจะเอาขึ้นไปในยานลงดวงจันทร์ได้ หรือถ้าเอาขึ้นไปได้ ก็สูบลมยางไม่ได้ เพราะยางจะระเบิดทันทีเมื่อแรงดันในยางเจอสุญญากาศ

ข้อเท็จจริง รถสำรวจดวงจันทร์ถูกพับติดไว้นอกลำตัวยานลงดวงจันทร์ พอจะใช้งานก็เอาออกมาประกอบบนพื้นผิวดวงจันทร์ ส่วนล้อรถนั้นไม่ใช้ยางเลย ผู้ออกแบบตระหนักดีว่ายางรถจะเกิดปัญหาในสุญญากาศ จึงออกแบบรถให้ใช้ตะแกรงลวดเสริมโครงแทนยางปกติ

10. กากบาท (crosshair) อย่างที่เห็นในภาพถ่ายทุกภาพ เป็นของเติมเข้าไปทีหลัง เพราะบางทีเราจะเห็นคนเติมเส้นทำพลาด ทำเส้นแหว่งหายไปอยู่หลังวัตถุ ดังในภาพ

ข้อเท็จจริง กากบาทเหล่านี้เป็นเส้นที่ขีดไว้บนแผ่นกระจกระหว่างเลนส์กับฟิล์ม ฉะนั้นจะปรากฏอยู่บนภาพทุกภาพจากดวงจันทร์ ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าทุกภาพที่บอกว่าเส้นหายนั้น เส้นจะหายไปเมื่อขีดผ่านวัตถุสีขาวกลางแดดจ้าเท่านั้น นี่เป็นเรื่องปกติของฟิล์มถ่ายภาพ ในภาพถ่ายปกติ บริเวณสีขาวในภาพคือส่วนที่ฟิล์มได้รับแสงมากที่สุดถึงมากเกินไปจึงกลายเป็นสีขาว ความขาวนี้สามารถลามไปถึงส่วนอื่นของฟิลม์ได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อส่วนนั้นเป็นสีดำ ถ้าเขตสีดำมีไม่มากนัก ก็จะถูกสีขาวลามไปกลบจนหมดอย่างที่เห็น ภาพต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของเส้นดำบนพื้นขาว จะเห็นปรากฏการณ์สีขาวลามไปเหมือนกัน

11. การเดินทางไปดวงจันทร์ต้องผ่านแถบรังสีแวน อัลเลน ซึ่งเป็นแถบรังสีความเข้มข้นสูงที่ล้อมอยู่รอบโลก ไม่มีทางที่มนุษย์อวกาศจะรอดชีวิตจากแถบรังสีนี้ไปได้ ดังนั้นไม่เคยมีใครไปดวงจันทร์


ข้อเท็จจริง แถบรังสีแวน อัลเลน เป็นอันตรายต่อชีวิตแน่นอน ยานอะพอลโลไม่มีเกราะป้องกันรังสี ดังนั้นมนุษย์อวกาศทุกคนย่อมได้รับรังสี แต่พวกเข้าไม่ได้เข้าไปอยู่นิ่งๆ ในแถบรังสี เพียงเดินทางผ่านไปด้วยความเร็วสูง ปริมาณรังสีที่มนุษย์อวกาศแต่ละคนได้รับอยู่ที่ประมาณ 1 rem ส่วนปริมาณที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติคือ 25 rem ปริมาณที่ทำให้เกิดอาการแพ้คือ 100 rem และถ้าได้รับถึง 500 rem จะตายทันที

12. ถ้ามนุษย์เคยไปเหยียบดวงจันทร์ และทิ้งอุปกรณ์ไว้มากมาย ทำไมกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลจึงไม่เคยส่องเห็นของพวกนั้นเลย

ข้อเท็จจริง ความละเอียดของ WFPC2 กล้องถ่ายภาพในกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ซึ่งเป็นกล้องดิจิตอล มีความละเอียดเพียง 800 x 800 พิกเซลเท่านั้น ในระยะห่างขนาดดวงจันทร์นั้น 1 พิกเซลมีค่าเท่ากับ 1 สนามฟุตบอล ฉะนั้นของที่เล็กกว่า 1 สนามฟุตบอล จะไม่มีผลต่อภาพเลยแม้แต่จุดพิกเซลเดียว พูดอีกอย่างก็คือ กล้องฮับเบิลยังละเอียดไม่พอ ถ้าอย่างนั้น ทำไมเราจึงมีภาพความละเอียดสูงของเทห์ฟากฟ้าจากกล้องฮับเบิลตั้งมากมาย ตอบว่า นั่นก็หมายความว่า วัตถุเหล่านั้นไม่ใช่เล็กๆ เลย


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-11-11 23:33:51
zazagogo


Iмagination is more important †han kиowledge :D
zazagogo
#16
12-11-2012 - 00:08:40

#16 zazagogo  [ 12-11-2012 - 00:08:40 ]






มาอีกคนแบ้วว -.-



คิดถึงทุกอย่างเล้ยยยย
paw19971
#17
13-11-2012 - 08:37:44

#17 paw19971  [ 13-11-2012 - 08:37:44 ]






quote : Ghostpimmy nn

ส่วนตัวเชื่อ แม่บอกว่ามันออกอากาศสด =__=



ปี 2512 - -



I'm still alive
  • 1

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ