แม้ว่านาซาจะประสบความสำเร็จในการส่งมนุษย์ไปเยือนดวงจันทร์เมื่อกว่า 40 ปีก่อน แต่มีหลายคนไม่เชื่อว่าโครงการ "อะพอลโล” ของสหรัฐฯ จะปฏิบัติภารกิจดังกล่าวได้จริง และยังมีทฤษฎีมากมายที่เสนอขึ้นมาจับผิดองค์การอวกาศ ซึ่งทางสเปซด็อทคอมได้หยิบ 12 ทฤษฎีจับผิด และข้อมูลแย้งมานำเสนอ

1. ดวงจันทร์ไม่มีบรรยากาศ ไม่มีเมฆ ทำไมในฉากหลังของทุกภาพมีแต่ฟ้ามืดๆ ไม่เห็นดาวสักดวง ถ้าเป็นบ้านเรา ฟ้าใสอย่างนี้ต้องเห็นดาวเต็มฟ้าไปแล้ว
2. ทำไมธงถึงโบกสะบัดอยู่ได้ ทั้งๆ ที่บนดวงจันทร์ไม่มีลม ธงควรจะลู่ลงกองกับเสามากกว่า และถ้าดูให้ดีจะเห็นว่า ขอบบนของธงชาติไม่สะบัดพลิ้ว ดูเหมือนแขวนอยู่บนราว ซึ่งถ้าเป็นราว ธงก็น่าจะห้อยลงมาเป็นแผ่น ไม่น่าจะสะบัด

3. แหล่งกำเนิดแสงสำหรับภาพจากดวงจันทร์ทุกภาพคือดวงอาทิตย์ นาซาบอกว่าไม่มีใครเอาไฟถ่ายรูปไปใช้ แต่ทำไมภาพที่ออกมาบางทีเงาคนที่สูงเท่ากัน กลับมีเงายาวไม่เท่ากัน หรือเห็นเงาทอดไปในหลายทิศทาง ราวกับมีไฟสปอตไลต์ส่องหลายดวง
4. วัตถุในเงามืดควรจะดำมืด เพราะไม่มีแสงสว่างอื่นนอกจากดวงอาทิตย์ แต่วัตถุนั้นกลับสว่างจนเห็นรายละเอียด จะว่ามีแสงกระเจิงจากชั้นบรรยากาศมาช่วยก็ไม่ใช่ ต้องมีคนไปถือแผ่นสะท้อนแสงลบเงาแน่ๆ
5. รอยเท้าของมนุษย์อวกาศดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้เขาจะสวมชุดอวกาศที่หนักถึง 82 กก. แต่ดวงจันทร์มีแรงโน้มถ่วงเพียง 1 ใน 6 ของโลก จึงน่าจะเบามากจนไม่น่าจะเหยียบพื้นให้เป็นรอยได้ขนาดนั้น หรือถ้าเป็นรอยก็ไม่ควรจะคงรูปอยู่เหมือนกับเหยียบทรายเปียก ควรจะเลือนไปทันที เหมือนเหยียบทรายแห้ง

6. บริเวณที่ยานลงจอดน่าจะมีหลุมใหญ่เนื่องจากแรงไอพ่นที่ต้องพยุงยานน้ำหนัก กว่า 10 ตัน แต่ที่เห็นกลับดูเหมือนเอายานบรรจงวางลง รอบยานยังเป็นพื้นราบปกติ แถมมีฝุ่นหนาที่ควรจะถูกไอพ่นเป่ากระเจิงไปหมด
7. ภาพถ่ายอัลดริน ถ่ายโดยอาร์มสตรอง เห็นได้ชัดว่าถ่ายจากระดับสายตา แต่ในภาพจะเห็นว่าทุกคนถือกล้องที่ระดับหน้าอก ดังนั้นความจริงต้องมีตากล้องอีกอย่างน้อย 1 คน ซึ่งคงเป็นคนถ่ายวิดีโอตอนที่อาร์มสตรองลงจากยานเป็นครั้งแรกด้วย
8. ภาพถ่ายที่บอกว่าถ่ายจากสถานที่ 2 แห่ง ทำไมดูเหมือนกับถ่ายอยู่ในจุดเดียวกัน เพราะฉากหลังเหมือนกัน เปลี่ยนแต่ข้าวของข้างหน้าเท่านั้น
9. รถที่ใช้บนดวงจันทร์ใหญ่เกินกว่าจะเอาขึ้นไปในยานลงดวงจันทร์ได้ หรือถ้าเอาขึ้นไปได้ ก็สูบลมยางไม่ได้ เพราะยางจะระเบิดทันทีเมื่อแรงดันในยางเจอสุญญากาศ
10. กากบาท (crosshair) อย่างที่เห็นในภาพถ่ายทุกภาพ เป็นของเติมเข้าไปทีหลัง เพราะบางทีเราจะเห็นคนเติมเส้นทำพลาด ทำเส้นแหว่งหายไปอยู่หลังวัตถุ ดังในภาพ
11. การเดินทางไปดวงจันทร์ต้องผ่านแถบรังสีแวน อัลเลน ซึ่งเป็นแถบรังสีความเข้มข้นสูงที่ล้อมอยู่รอบโลก ไม่มีทางที่มนุษย์อวกาศจะรอดชีวิตจากแถบรังสีนี้ไปได้ ดังนั้นไม่เคยมีใครไปดวงจันทร์
12. ถ้ามนุษย์เคยไปเหยียบดวงจันทร์ และทิ้งอุปกรณ์ไว้มากมาย ทำไมกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลจึงไม่เคยส่องเห็นของพวกนั้นเลย
มีคนว่าเทปของการถ่ายทอดสดนั้น เมื่อนำมาเล่นให้เร็วกว่าปกติ ก็จะเป็นเหมือนการเดินและวิ่งบนโลกนี่เอง ฝ่ายกล่าวหาชี้ว่านี่เป็นการถ่ายทำบนโลกและนำไปเล่นแบบช้าๆ เราจะวิเคราะห์คำกล่าวหานี้ด้วยเรื่องการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์
สมการที่เราคุ้นเคยสำหรับการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์คือ
dx = vx t
และ
dy = y0 + vy t – t2
เมื่อ dx และ dy คือการขจัดในแนวนอนและตั้ง t คือเวลาที่ผ่านไป y0 คือระดับความสูงเริ่มต้น vx และ vy คือความเร็วในแนวนอนและตั้ง และตัวสำคัญคือ g ซึ่งเป็นค่าคงที่จากแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งมีค่าประมาณ 9.8 ม/ว2
สำหรับบนดวงจันทร์นั้นค่าคงที่จากแรงโน้มถ่วงมีค่าประมาณหนึ่งในหกของค่าบนโลก ทำให้การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์ในแนวตั้งเป็น
dy = y0 + vy t – t2
ถึงตรงนี้ก็ชักเริ่มน่าคิดนะครับว่ามันจะใช้ความเร็วในการเล่นเทปกี่เท่าถึงจะได้ภาพหลอกตาได้ ซึ่งมองผ่านๆ ก็อาจคิดว่ามันไม่น่าทำได้เพราะดูการขจัดในแนวตั้งมันมันไม่ขึ้นกับเวลาในแบบเชิงส้น ดังนั้นคนกล่าวหาก็อาจถูกนะครับว่าเทปถ่ายทอดสดที่เล่นเร็วขึ้นมันเหมือนการเคลื่อนที่บนโลกน่าจะเป็นหลักฐานว่าการลงดวงจันทร์เป็นเรื่องแหกตา
ทีนี้เราลองมาวิเคราะห์การเร่งภาพจากเทปถ่ายทอดสดนะครับ เริ่มจากการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์ด้วยความเร็วต้น vx และ vy ก็จะได้
dx = vx t และ dy = y0 + vy t – t2
ทีนี้ก็ลองมาเร่งเร่งอัตราเร็วเทปเป็น เท่า หรือแทน t ด้วย t นั่นเอง
สมการก็จะกลายเป็น
dx = vx t และ dy = y0 + vy t – ( t)2
เมื่อจัดรูปใหม่ก็จะได้
dx = vx t และ dy = y0 + vy t – t2
ซึ่งก็ตีความได้ว่าภาพมันจะเป็นเหมือนการเคลื่อนที่บนโลกด้วยความเร็วต้น vx และ vy นั่นเอง ทำให้สรุปได้ว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเราเร่งภาพการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์ให้เร็วเป็น เท่า ก็จะได้ภาพการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนโลกนั่นเอง ในทางกลับกัน ผู้อ่านอาจลองไปทำด้วยตนเองได้นะครับ ว่าการนำเทปการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนโลกไปเล่นให้ช้าเป็น เท่า ก็จะได้การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์เช่นกัน
ก็สรุปได้ว่าคำกล่าวหาเรื่องการเร่งอัตราเร็วในการเล่นเทปก็ตกไปอีกอัน แต่ก็ยังเป็นที่น่าคิดน่าพิสูจน์ต่อไปว่าเรื่องแรงดลจากการกระโดดมันสามารถเร่งให้เหมือนกันได้หรือไม่ ซึ่งผมคิดว่าไม่ได้ และก็มีเพื่อนนักฟิสิกส์บางคนก็ให้ความเห็นว่าไม่น่าได้ เป็นการบ้านให้ไปคิดเล่นๆ กันนะครับ
ทั้งหมดนี้ ซ้ำหรือรู้แล้วขออภัยนะครับ
ที่มา http://www.vcharkarn.com/varticle/42636

1. ดวงจันทร์ไม่มีบรรยากาศ ไม่มีเมฆ ทำไมในฉากหลังของทุกภาพมีแต่ฟ้ามืดๆ ไม่เห็นดาวสักดวง ถ้าเป็นบ้านเรา ฟ้าใสอย่างนี้ต้องเห็นดาวเต็มฟ้าไปแล้ว
2. ทำไมธงถึงโบกสะบัดอยู่ได้ ทั้งๆ ที่บนดวงจันทร์ไม่มีลม ธงควรจะลู่ลงกองกับเสามากกว่า และถ้าดูให้ดีจะเห็นว่า ขอบบนของธงชาติไม่สะบัดพลิ้ว ดูเหมือนแขวนอยู่บนราว ซึ่งถ้าเป็นราว ธงก็น่าจะห้อยลงมาเป็นแผ่น ไม่น่าจะสะบัด

3. แหล่งกำเนิดแสงสำหรับภาพจากดวงจันทร์ทุกภาพคือดวงอาทิตย์ นาซาบอกว่าไม่มีใครเอาไฟถ่ายรูปไปใช้ แต่ทำไมภาพที่ออกมาบางทีเงาคนที่สูงเท่ากัน กลับมีเงายาวไม่เท่ากัน หรือเห็นเงาทอดไปในหลายทิศทาง ราวกับมีไฟสปอตไลต์ส่องหลายดวง
4. วัตถุในเงามืดควรจะดำมืด เพราะไม่มีแสงสว่างอื่นนอกจากดวงอาทิตย์ แต่วัตถุนั้นกลับสว่างจนเห็นรายละเอียด จะว่ามีแสงกระเจิงจากชั้นบรรยากาศมาช่วยก็ไม่ใช่ ต้องมีคนไปถือแผ่นสะท้อนแสงลบเงาแน่ๆ
5. รอยเท้าของมนุษย์อวกาศดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้เขาจะสวมชุดอวกาศที่หนักถึง 82 กก. แต่ดวงจันทร์มีแรงโน้มถ่วงเพียง 1 ใน 6 ของโลก จึงน่าจะเบามากจนไม่น่าจะเหยียบพื้นให้เป็นรอยได้ขนาดนั้น หรือถ้าเป็นรอยก็ไม่ควรจะคงรูปอยู่เหมือนกับเหยียบทรายเปียก ควรจะเลือนไปทันที เหมือนเหยียบทรายแห้ง

6. บริเวณที่ยานลงจอดน่าจะมีหลุมใหญ่เนื่องจากแรงไอพ่นที่ต้องพยุงยานน้ำหนัก กว่า 10 ตัน แต่ที่เห็นกลับดูเหมือนเอายานบรรจงวางลง รอบยานยังเป็นพื้นราบปกติ แถมมีฝุ่นหนาที่ควรจะถูกไอพ่นเป่ากระเจิงไปหมด
7. ภาพถ่ายอัลดริน ถ่ายโดยอาร์มสตรอง เห็นได้ชัดว่าถ่ายจากระดับสายตา แต่ในภาพจะเห็นว่าทุกคนถือกล้องที่ระดับหน้าอก ดังนั้นความจริงต้องมีตากล้องอีกอย่างน้อย 1 คน ซึ่งคงเป็นคนถ่ายวิดีโอตอนที่อาร์มสตรองลงจากยานเป็นครั้งแรกด้วย
8. ภาพถ่ายที่บอกว่าถ่ายจากสถานที่ 2 แห่ง ทำไมดูเหมือนกับถ่ายอยู่ในจุดเดียวกัน เพราะฉากหลังเหมือนกัน เปลี่ยนแต่ข้าวของข้างหน้าเท่านั้น
9. รถที่ใช้บนดวงจันทร์ใหญ่เกินกว่าจะเอาขึ้นไปในยานลงดวงจันทร์ได้ หรือถ้าเอาขึ้นไปได้ ก็สูบลมยางไม่ได้ เพราะยางจะระเบิดทันทีเมื่อแรงดันในยางเจอสุญญากาศ
10. กากบาท (crosshair) อย่างที่เห็นในภาพถ่ายทุกภาพ เป็นของเติมเข้าไปทีหลัง เพราะบางทีเราจะเห็นคนเติมเส้นทำพลาด ทำเส้นแหว่งหายไปอยู่หลังวัตถุ ดังในภาพ
11. การเดินทางไปดวงจันทร์ต้องผ่านแถบรังสีแวน อัลเลน ซึ่งเป็นแถบรังสีความเข้มข้นสูงที่ล้อมอยู่รอบโลก ไม่มีทางที่มนุษย์อวกาศจะรอดชีวิตจากแถบรังสีนี้ไปได้ ดังนั้นไม่เคยมีใครไปดวงจันทร์
12. ถ้ามนุษย์เคยไปเหยียบดวงจันทร์ และทิ้งอุปกรณ์ไว้มากมาย ทำไมกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลจึงไม่เคยส่องเห็นของพวกนั้นเลย
มีคนว่าเทปของการถ่ายทอดสดนั้น เมื่อนำมาเล่นให้เร็วกว่าปกติ ก็จะเป็นเหมือนการเดินและวิ่งบนโลกนี่เอง ฝ่ายกล่าวหาชี้ว่านี่เป็นการถ่ายทำบนโลกและนำไปเล่นแบบช้าๆ เราจะวิเคราะห์คำกล่าวหานี้ด้วยเรื่องการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์
สมการที่เราคุ้นเคยสำหรับการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์คือ
dx = vx t
และ
dy = y0 + vy t – t2
เมื่อ dx และ dy คือการขจัดในแนวนอนและตั้ง t คือเวลาที่ผ่านไป y0 คือระดับความสูงเริ่มต้น vx และ vy คือความเร็วในแนวนอนและตั้ง และตัวสำคัญคือ g ซึ่งเป็นค่าคงที่จากแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งมีค่าประมาณ 9.8 ม/ว2
สำหรับบนดวงจันทร์นั้นค่าคงที่จากแรงโน้มถ่วงมีค่าประมาณหนึ่งในหกของค่าบนโลก ทำให้การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์ในแนวตั้งเป็น
dy = y0 + vy t – t2
ถึงตรงนี้ก็ชักเริ่มน่าคิดนะครับว่ามันจะใช้ความเร็วในการเล่นเทปกี่เท่าถึงจะได้ภาพหลอกตาได้ ซึ่งมองผ่านๆ ก็อาจคิดว่ามันไม่น่าทำได้เพราะดูการขจัดในแนวตั้งมันมันไม่ขึ้นกับเวลาในแบบเชิงส้น ดังนั้นคนกล่าวหาก็อาจถูกนะครับว่าเทปถ่ายทอดสดที่เล่นเร็วขึ้นมันเหมือนการเคลื่อนที่บนโลกน่าจะเป็นหลักฐานว่าการลงดวงจันทร์เป็นเรื่องแหกตา
ทีนี้เราลองมาวิเคราะห์การเร่งภาพจากเทปถ่ายทอดสดนะครับ เริ่มจากการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์ด้วยความเร็วต้น vx และ vy ก็จะได้
dx = vx t และ dy = y0 + vy t – t2
ทีนี้ก็ลองมาเร่งเร่งอัตราเร็วเทปเป็น เท่า หรือแทน t ด้วย t นั่นเอง
สมการก็จะกลายเป็น
dx = vx t และ dy = y0 + vy t – ( t)2
เมื่อจัดรูปใหม่ก็จะได้
dx = vx t และ dy = y0 + vy t – t2
ซึ่งก็ตีความได้ว่าภาพมันจะเป็นเหมือนการเคลื่อนที่บนโลกด้วยความเร็วต้น vx และ vy นั่นเอง ทำให้สรุปได้ว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเราเร่งภาพการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์ให้เร็วเป็น เท่า ก็จะได้ภาพการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนโลกนั่นเอง ในทางกลับกัน ผู้อ่านอาจลองไปทำด้วยตนเองได้นะครับ ว่าการนำเทปการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนโลกไปเล่นให้ช้าเป็น เท่า ก็จะได้การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์เช่นกัน
ก็สรุปได้ว่าคำกล่าวหาเรื่องการเร่งอัตราเร็วในการเล่นเทปก็ตกไปอีกอัน แต่ก็ยังเป็นที่น่าคิดน่าพิสูจน์ต่อไปว่าเรื่องแรงดลจากการกระโดดมันสามารถเร่งให้เหมือนกันได้หรือไม่ ซึ่งผมคิดว่าไม่ได้ และก็มีเพื่อนนักฟิสิกส์บางคนก็ให้ความเห็นว่าไม่น่าได้ เป็นการบ้านให้ไปคิดเล่นๆ กันนะครับ
ทั้งหมดนี้ ซ้ำหรือรู้แล้วขออภัยนะครับ
ที่มา http://www.vcharkarn.com/varticle/42636