เฮ้อ สวัสดีค่าทุกคน มาแล้ว วันนี้เป็นแค่รอบแนะนำตัวค่ะ ซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดี การเป็นเบอร์1 ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
พรุ่งนี้ล่ะรอบแสดงความสามารถ กระโปรงหนักมาก แต่จะพยายามสุดตัวค่ะ
วันนี้จะมาเล่าตำนานของเทพฝ่ายชายบ้าง คราวนี้ผู้ชายเป็นฝ่ายไล่ค่ะ (แต่ก็ไม่น่ากลัวเท่าเรื่องเมื่อวาน 555)
อพอลโลกับดาฟนี เมื่อกล่าวถึงเรื่องราวของความรัก ตำนานที่รู้จักกันมากที่สุดของอพอลโลก็คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของอพอลโลกับดาฟนี (Daphne)
ตำนานความรักของทั้งสองนั้นเริ่มต้นจากการอวดดีของอพอลโลที่ไปสบประมาทเจ้าเทพแห่งความรักตัวน้อยหรือคิวปิดเข้านั่นเอง
อพอลโลเห็นเจ้าคิวปิดเงื้อง่ายิงธนูก็ไปเยาะเย้ยว่าคิวปิดเป็นเด็กเป็นเล็กริอ่านเล่นกับธนูซึ่งเหมาะกับชายฉกรรจ์อย่างตนมากกว่า ว่าแล้วอพอลโลก็โอ้อวดถึงชัยชนะที่ได้มาจากการใช้ธนูต่อสู้กับมังกรไพธอน
คิวปิดโกรธมากจึงโต้ตอบว่า ถึงแม้อพอลโลจะสามารถใช้ธนูเอาชนะใครต่อใครได้หมด แต่ธนูอันน้อยของเขานี่แหละที่จะล้มอพอลโลลงได้
พูดจบคิวปิดจึงแสดงอิทธิฤทธิ์ให้อพอลโลรู้ซึ้งถึงอานุภาพของธนูที่อพอลโลดูแคลนว่าเป็นของเด็กเล่น
โดยคิวปิดได้ยิงศรทองคำไปปักอพอลโลให้หลงรักดาฟนีซึ่งเป็นธิดาน้อยของพีนีอุส (Peneus) เทพเจ้าแห่งแม่น้ำเข้า
ส่วนในขณะเดียวกันก็ได้ใช้ด้านปลายที่ทื่อของธนูปักที่ดาฟนีซึ่งจะทำให้ดาฟนีไม่มีวันรักใคร
ดังนั้นความรักของทั้งสองจึงไม่มีวันที่จะสมหวัง นี่คือการแก้แค้นของคิวปิดนั้นเอง
ดาฟนีนั้นเติบโตมา ด้วยความที่นางรูปงามจึงมีชายหนุ่มมาสนใจมากมาย แต่นางกลับไม่สนใจผู้ใด แถมยังนับถืออาร์เทมิสผู้เป็นเธพธิดาแห่งพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัด
เมื่อพีนีอุสถามบุตรีว่าเหมื่อไหร่เล่าที่ท่านจะได้อุ้มหลานตาหากนางยังคงคอยปฏิเสธชายหนุ่มรูปงามทั้งหลายอยู่เช่นนี้
นางกลับออดอ้อนขอร้องต่อท่านพ่อให้ท่าประทานพรให้นางเป็นโสดไปชั่วชีวิต จนพีนีอุสใจอ่อนจึงประทานพรนั้นให้แก่นาง
วันหนึ่งอพอลโลได้เห็นนางดาฟนีเข้าเป็นครั้งแรกก็ถูกตาต้องใจเป็นอันมาก ผลจากการถูกศรรักปักอก อพอลโลหลงใหลในตัวนาง ไม่ว่าจะเป็นผมยาวสลวย ดวงตาแวววาม รวมทั้งริมฝีปากอ่อนหวานซึ่งอพอลโลสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมหยุดเพียงการได้แต่ลอบมองริมฝีปากของนางเป็นแน่
ถึงแม้ท่านจะเป็นเทพแห่งการทำนายแต่ท่านกลับลืมสำรวจชะตาของท่านกับนางซึ่งไม่มีวันเป็นไปได้
ด้วยความคลั่งไคล้ อพอลโลจึงตามนางไปทุกหนทุกแห่งมิวายว่านางจะหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิตก็ตาม อพอลโลพยายามร้องตะโกนเกลี้ยกล่อมมิให้นางวิ่งหนี พร่ำพรรณนาความรักอันมีต่อนาง หากดาฟนีนั้นมิได้ชอบพอในตัวอพอลโลทั้งยังรังเกียจ อาจจะเป็นเพราะศรของคิวปิดน้อยก็ได้ นางจึงคอยหนีท่านเรื่อยไป
อพอลโลถึงกลับคร่ำครวญว่า โอ้ ถึงแม้ศรข้าจะมีอานุภาพเกรียงไกร แต่ข้ากลับพ่ายแพ้แก่ลูกศรที่มีอานุภาพร้ายแรงกว่า นั่นคือศรรักที่ปักอกข้าจนทำให้ข้าร้อนรุ่มทรมาณด้วยความรักถึงเพียงนี้ แม้ข้าจะเป็นถึงเทพแห่งการเยียวยาผู้รักษาโรคร้ายให้มลายหายไปได้ แต่ข้ากลับพ่ายแพ้แก่โรครักซึ่งยาขนานใดก็ไม่สามารถเยียวยารักษาได้
ทว่าคำหวานของอพอลโลไม่สามรถโน้มน้าวใจดาฟนีได้ นางยังคงหนีต่อไป แม้อพอลโลจะยังคงติดตามอย่างไม่ลดละเช่นเดียวกัน ยิ่งเธอวิ่งผมของเธอก็ปลิวสยายไปกับสายลม เสื้อผ้าก็เริ่มหลุดลุ่ย ทำให้อพอลโลคลั่งไคล้ในตัวเธออีกเป็นทวีคูณ อพอลโลนั้นจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อไล่ให้ทันเธอ ทิ้งการเกลี้ยกล่อมอันละมุนละม่อมไปเสีย ดังสุนัขป่าวิ่งรี่เข้าหาลูกแกะ
ดาฟนีนั้นกลัวจับใจ เรี่ยวแรงที่มีอยู่ก็เริ่มลดน้อยถอยลง เธอรู้ว่า อีกไม่นานอพอลโลคงจับตัวเธอได้เป็นแน่แท้ ดาฟนีจึงสวดอ้อนวอนขอต่อท่านพ่อคือพีนีอุสให้ช่วยเหลือเธอให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของอพอลโล ให้เปลี่ยนรูปร่างสะสวยของเธอที่นำมาซึ่งความหลงใหลของอพอลโล
ทันทีที่อพอลโลไล่ตามมาจนถึงตัวเธอและพยายามที่จะโอบกอดเธอนั้นคำขอของเธอก็สิ้นสุดลงพอดี ซึ่งพีนีอุสก็ให้พรตามขอ
ทันใดนั้นขาของเธอนั้นถูกตรึงอยู่กับที่ หน้าอกของเธอถูกปกคลุมด้วยเปลือกไม้ ผมของเธอนั้นกลายเป็นใบไม้
แลแขนทั้งสองข้างก็เหยียดสยายแผ่กิ่งก้าน เท้าของเธอกลายเป็นรากไม้หยั่งลึกลงไปในผืนดิน และใบหน้าที่สดสวยซึ่งนำมาซึ่งการไล่ล่านี้ก็กลายเป็นเพียงยอดไม้ ไม่เหลือเค้าความสวยงามใด
ดาฟนีนั้นได้กลายร่างเป็นต้นลอเรลอยู่ในอ้อมกอดของอพอลโลนั่นเอง
อพอลโลประหลาดใจมาก เมื่อเขาเอามือลูปไปที่กิ่งไม้ ก้านทั้งก้านก็สั่นไหวดั่งมีเลือดเนื้อ อพอลโลตระกองกอดกิ่งนั้นไว้แล้วบรรจงจุมพิตลงที่ไม้นั้น กิ่งไม้ยังหดตัวพยายามหนีจากรอยจูบของเขา
ด้วยความเศร้าสลด อพอลโลกระซิบบอกกับต้นลอเรลว่า ถึงเธอจะเป็นชายาของเขาไม่ได้ แต่เธอก็จะเป็นต้นไม้ประจำตัวของเขา พร้อมลั่นวาจาไว้ว่า
"ข้าจะสวมใส่เจ้าไว้เป็นมงกุฏเหนือเศียรเกล้า จะนำกิ่งใบของเจ้าไปประดับไว้กับพิณและธนูคู่กายข้า และเมื่อชาวโรมันประสบชัยชนะ พวกเขาจะสวมพวงลอเรลไว้เหนือศีรษะ ใบของเจ้าจะเขียวสดไม่มีวันแห้ง และเจ้า...เจ้าจะไม่มีวันหนีข้าพ้น เจ้าจะเป็นของข้าชั่วนิจนิรันดร์"
สิ้นคำของเทพอพอลโล ยอดของต้นลอเรลก็โน้มลู่ลง ดั่งน้อมรับคำพิพากษานั้น
นี่จึงเป็นที่มาของการที่พวงมงกุฏใบลอเรลถือเป็นสัญลักษณ์แห่งผู้พิชิต และใบลอเรลจะถูกประดับบนศีรษะของผู้ได้รับชัยชนะจากการแข่งขันต่างๆเสมอมา
และแล้วความรักที่ไม่สมหวังของอพอลโลกับดาฟนีก็จบลงด้วยประการฉะนี้