ณ. คฤหาสน์ออดิทอเร่ นอกเขตตัวเมือง ฟีเรนเซ่
คฤหาสน์ร้างแถวทะเลสาปใกล้ๆกับป่าไม้ที่ปกติจะดูไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวทางการทหารของวิทยาศาสตร์มากนัก แต่น่าแปลกที่้
วันนี้ภายในคฤหาสน์ออดิทอเร่ได้มีการเปิดเสียงเตือนภัยและมีการเพิ่มกำลังทหารมากกว่าทุกๆวัน
ทหาร : ท่านครับ !!! เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ
โนอาร์ : เรื่องอะไรงั้นเหรอ...? คงไม่ใช่เรื่องที่ยังไม่ได้ทำข้าวเย็นสินะ
ทหาร : เปล่าครับ.... คือว่าตอนนี้ที่คุกใต้ดินมัน...
โนอาร์ : มีอะไรที่คุกใต้ดิน....?
ทหาร : คือว่านักโทษพิเศษได้หลบหนีไปน่ะครับ
โนอาร์ : ว่าไงนะ...!!! (อ๊ากกก!!!)
หลังจากที่โนอาร์ได้ยินข่าวเรื่องที่เจ้าหญิงยูคิหลบหนีออกจากคุกใต้ดิน พลังางอย่างของโนอาร์ก็ได้ตื่นขึ้นมาทำให้โนอาร์
เข้าสู่ร่าง ฮิสทีเรีย หรือบุคลิกที่ 2 ของโนอาร์ที่มีนิสัยแตกต่างกันเหมือน แสง-ความมืด
ทหาร : ท่านครับ เป็นอะไรมากมั้ยครับ....?
โนอาร์ : หึหึหึ... แบบนี้เอง... คิดจะลองดีกันสินะ ยมทูตทมิฬแห่งแดนอาทิตย์อุทัย
ทหาร : ท่านครับ พักก่อนเถอะครับ ตอนนี้ท่านยังควบคุมร่างฮิสทีเรียไม่ได้เลยนะครับ....
โนอาร์ : หนวกหู!!! นายไม่จำเป็นกับที่นี่อีกแล้ว
ตูม!!!
พลังของร่างฮิสทีเรียที่เข้าควบคุมร่างของโนอาร์นั้นจะไม่ฟังเหตูผมของใครเลยทั้งนั้นและร่างนี้มีความคิดเพียงแค่
ที่จะกำจัดคนที่ต่อต้านและคิดจะสร้างโลกขึ้นมาใหม่
โนอาร์ : มีใครได้ให้ควาช่วยเหลือนักโทษของเราบ้างมั้ย...?
ทหารยาม : ท่านครับ ก่อนที่นักโทษจะหลบหนี เธอได้ขอของบางอย่างว้ครับ
โนอาร์ : ของอะไรงั้นเหรอ....? คงไม่ใช่กุญแจคุกหรอกนะ...!!!
ทหารยาม : เปล่าครับ แค่ปากกาแท่งเดียวครับ
โนอาร์ : แกคิดโง้อะไรของแกว่ะ....!!!
โนอาร์หยิบปากกาแบบเดียวที่ให้เจ้าหญิงยูคิไปแล้วถือปากกาแท่งนั้นวิ่งไปปักตรงตาข้างซ้ายของทหารคนนั้น
ทหารยาม : อ๊ากกกกก!!! ท่านทำอะไรครับเนี้ย....?!!!
โนอาร์ : นั้นคือโทษที่แกปล่อยให้นักโทษหนีไปได้ไง
ทหารยาม : ตะ...แต่ว่า ท่านทำตาผม....
โนอาร์ : ฉันรับรองได้ว่ามันจะมองไม่เห็นไปอีกตลอดชีวิตแก เอาตัวมันไปโยนทิ้งซะ...!!!
ทหาร : ครับท่าน...
โนอาร์ : ฉันไม่ปล่อยเธอหนีไปหรอก ยัยยมทูตทมิฬ....
ณ. นอกเขตคฤหาสน์ออดิทอเร่
พายุหิมะสีขาวที่ยังคงพัดถล่มไปทั่วเกาะทางตะวันออกที่เป็นฐานของพวกวิทยาศาสตร์ตัดกับสีชุดของเด็กผู้หญิงที่กำลังเดินฝ่าพายุ
และมีเลือดออกจากบาดแผลที่ได้รับมาก่อนจะหนีออกจากคฤหาสน์มาได้
ยูคิ : แฮกๆ... ไม่ไหวแน่ เสียเลือดมากขนาดนี้เราแย่แน่
หญิงสาวเริ่มอ่อนล้าหลังจากที่เดินฝ่าพายุหิมะมาได้ไม่นานนักและเธอก็ล้มลงนอนเป็นกองหิมะสีขาวท้ามกลางพายุหิมะที่
มีความแรกอย่างมากพอที่จะทำให้เธอตายได้
ยูคิ : ฉันคงมาได้แค่นี้สินะ...
ทหารยาม : นี้เธออย่าเพิ่งรีบตายสิ
ยูคิ : คุณเป็นทหารยามคนที่ให้ปากกาด้ามนี้สินะ
ทหารยาม : ใช่... เก่งมากเลยนะที่ใช้ปากกาถอดสลักกุญแจออกมาได้
ยูคิ : ทำไมคุณถึงช่วยฉันไว้แหละ.... แล้วตาคุณไปโดนอะไรมา
ทหารยาม : ที่ฉันช่วยเธอเพราะฉันหมดศัทธาในพวกนั้นแล้วยังไงล่ะ....
ยูคิ : ขอบคุณนะ คุณทหาร
ทหารยาม : ฉันชื่อว่า อาเรีย เป็นทหารยามแต่มียศเป็นพันตรี
ยูคิ : ช่วยพาฉันกลับประเทศได้มั้ย....?
อาเรีย : ตอนนี้คงจะยาก
ณ. นครวาติกัน พระราชวังวาติกัน
ภายในพระราชวังอันหรูหราของจักรวรรติวาติกันที่เคยยิ่งใหญ่กลับกลายเป็นคลังเก็บอาวุธและห้องพักของทหารยศสูงๆของกองทัพ
ฝ่ายวิทยาศาสตร์และมีการติดตั้งอุปกรณ์แปลกของฟิลิปส์ไปทั่วพระราชวัง
ฟิลิปส์ : เตรียมของพร้อมรึยัง
นายพล : ครับท่าน ตอนนี้เครือค่ายดาวเทียมเชื่อมต่อกันหมดแล้วครับ
ฟิลิปส์ : แล้วคนทั้งโลกจะได้ยินเสียงของฉันรึเปล่า
นายพล : แน่นอนครับ ตอนนี้ทั้งโลกกำลังรอการกล่าวสุนทรพจณ์ของท่านอยู่ครับ
ฟิลิปส์ : งั้นก็ช่วยไม่ได้แล้วสินะ เรื่องมันมาถึงขนาดนี้ก็ต้องจัดการให้ถึงที่สุดสินะ
นายพล : เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วครับ
หลังจากนั้นไม่นานฟิลิปส์ได้แต่งตัวด้วยเครื่องแบบของผู้นำฝ่ายวิทยาศาสตร์แบบเต็มยศและมีการติดธงของวิทยาสาศตร์ไปทั่วนครวาติกัน
และยังมีคนจำนวนหลายพันล้านคนทั้งทหารและประชาชนรอฟังการแถลงการจากฟิลิปส์โดยผ่านเครื่องส่งภาพของและเสียงของฟิลิปส์
ไปทั่วทุกๆมุมโลกตั้งแต่เหนือจรดใต้
" เรามีคำสัญญาที่จะส่งถึงมวลมนุษยชาติ "
" ยงยกมือขึ้นเพื่อชนชาติเดียว เพื่อจะได้ร่วมมือให้มีเพียงชนชาติเดียว แล้วร่วมมือกับพวกเรา "
" แล้วเราจะสร้างโลกขึ้นมาใหม่แล้วเราจะกวาดล้างเหล่ามนุษย์ที่ไม่จำเป็นให้หายไปจากแผนที่โลกทั้งหมด "
" โลกนี้กำลังเข้าสู้ยุคมืด แล้วเราคือแสงสว่างที่นำทางให้โลกใหม่ "
ณ. หอสมุดในปราสาทร้าง เขตซากเมืองกาคุเอ็น
อเลสเตอร์ : รู้สึกว่างานนี้จะหนักหน่อยนะเนี้ย...
ริซาน : เจ้าฟิลิปส์นี้มันอวดดีจริงๆเลยนะ
ยูกะ : พลังของพี่ยังจัดการเจ้านั้นไม่ได้อีกเหรอค่ะ
ริซาน : ตอนนี้เจ้านั้นแข็งแกร่งมากเกินไป พลังของพี่สู้ไม่ไหวหรอก
อเลสเตอร์ : เอานี่... ระเบิดคลื่นแม่เหล็กที่ขอให้ช่วยหาให้ได้แล้ว
ริซาน : ขอบใจนะ
อเลสเตอร์ : ยังมีอีก นี่คือปืนกลหนักรุ่น mg42 บรรจุกระสุนได้ 300 นัด
ริซาน : ฉันคงจะได้ใช่มันอยู่หรอกนะ
ณ. พระราชวังหลวง นครซาริอุส
นครซาริอุสเป็นเพียงประเทศเดียวที่ยังไม่ถูกรุกรานโดยพวกวิทยาศาตร์แต่นครซาริอุสก็อยู่ได้อีกไม่นานเพราะวาติกันที่เป็นประเทศที่
แข็งแกร่งที่สุดยังต้องยอมแพ้ให้กับวิทยาศาตร์นครซาริอุสเลยเข้าสู่สภาวะการก่อจราจล
ห้องนั้งเล่นภายในพระราชวังหลวง นครซาริอุส
ทหาร : ท่านครับมีแขกมาพบครับ
เซทสึ : คนที่มาพบเป็นใคร....?
กษัตริย์ : เอาน่า... เซทสึ ใจเย็นๆก่อนบางที่อาจจะมาดีก็ได้
เซทสึ : ฝ่าบาท นครวาติกันก็ล้มสลายไปแล้วตอนนี้ประเทศเราเข้าสู้ยุคล้มสลายแล้วนะ
กษัตริย์ : เรื่องนั้นเราเข้าใจดี ให้เข้ามาได้
หลังจากที่ทหารยามเปิดประตูให้กับชายคนนั้นแล้วชายคนนั้นคือทูตที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ส่งมาเจรจาเกี่ยวกับเรื่องการยอม
แพ้ให้กับฝ่ายวิทยาศาตร์
ท่านทูต : เรามาอย่างสันติ
กษัตริย์ : ท่านนี้เป็นใครเหรอเซทสึ....?
เซทสึ : พวกหัวรุนแรง จากโรงบาลบ้า
ท่านทูต : คนของนครซาริอุสชอบเรื่องตลกร้ายเป็นชีวิตเลยงั้นเหรอเนี้ย...
กษัตริย์ : แล้วคุณมาเพื่ออะไรกัน
ท่านทูต : เพื่อรุกรานท่านไง
เซทสึ : เมายามารึไงเนี้ย
กษัตริย์ : งั้นก็กลับไปซะ
ปัง !!!
หลังจากสิ้นสุดเสียงไล่ของกษัตริย์แห่งซาริอุสไปได้ไม่นานกษัตริย์ได้ใช้ปืนพกที่แอบเก็บไว้ในเสื้อคลุมของพระองค์ยิงไปที่ทูตของฝ่าย
วิทยาศาสตร์อย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ท่านทูต : ถ้าผมแจ้งเรื่องนี้ไป การรุกรานจะเริ่มทันทีนะ
กษัตริย์ : เรามีเวลาให้เจ้า 3 วินาที
ท่านทูต : อะไรนะ...?!
กษัตริย์ : 2
ท่านทูต : พวกแกบ้าไปแล้ว
กษัตริย์ : 1
เซทสึ : ลาก่อนให้ทูตกระจอกที่ดีแต่ปาก
ปัง !!!
กระสุนที่เซทสึยึงไปที่ทูตของฝ่ายวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องยืนยันว่านครซาริอุสไม่ยอมจำนนให้กับวิทยาศาสตร์อย่างแน่นอนและภายในไม่นาน
กองทัพของวิทยาศาสตร์ก็จะเข้ารุกราน นครซาริอุส