(ข้อเสนอแนะนี้ถูกเขียนในฐานะสายตาของบุคคลที่ 3 ว่ามีข้อควรปรับปรุงตรงส่วนไหน
ผู้เข้าแข่งขันจะน้อมรับหรือไม่นั้นก็แล้วแต่วิจารณญาณอันพึงมีของท่านค่ะ
มิได้เขียนเพื่อตำหนิ แต่เขียนโดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการนำไปปรับใช้ในอนาคต
การให้คะแนนและข้อเสนอแนะ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับมุมมอง ทัศนคติ และเรื่องส่วนตัว ขอบคุณค่ะ )
Apisit Pinthong1. บุคลิก,สีหน้า,แววตา,ท่าโพส ถึงความสอดคล้องกับคอนเซปและคำบรรยาย
(11.5)2. สัดส่วนของภาพ,มุมกล้อง,ฉาก และองค์ประกอบอื่นๆ
(9)3. คำบรรยายและการนำเสนอ
(11)4. ความสอดคล้องของฉาก,เครื่องแต่งกายและคอนเซป
(8)5. ความสมดุลของสีภาพและองค์ประกอบโดยรวม
(10.5)50.00 + 17.12 = 67.12บทบรรยายของคุณเขียนได้ค่อนข้างดีนะคะ ใช้คำได้เหมาะสมดีแล้วกับภาพลักษณ์ที่พยายามบ่งบอกในรูปภาพ
ว่าเป็นแนวร่วมสมัย ไม่ได้แฟนตาซีหรือย้อนยุคอะไร เพราะแบบนั้นการใช้คำเหล่านี้เลยถือว่าทำได้ดี
และถูกจุดของมันค่ะ แต่เรื่องการเว้นคำ เว้นประโยค การใส่เครื่องหมายหรือเว้นวรรคบทบรรยายนั้นยังไม่ดีค่ะ
เพราะว่าคุณแทบจะไม่ได้เว้นวรรคคำ หรือประโยคใด ๆ ที่ควรเว้นเลย แต่ใช้การพิพม์เรียงต่อกันเป็นพรืดยาวทีเดียว
ทำให้เวลาอ่านมันค่อนข้างลำบากค่ะ เพราะเวลาอ่านต้องมานั่งจับช่องไฟเอาเอง
เลยทำให้การเสพอารมณ์ของบทบรรยายขาดตอนค่ะ และยังมีบางช่วง บางตอน ที่ไม่ใส่คำเชื่อม
หรือใช้คำขาด ๆ ไม่เหมาะสม เลยทำให้บทบรรยายดูงง ๆ นิดหน่อยนะคะ
ขอยกตัวอย่างที่ลองแก้ไขคร่าว ๆ นะคะ
ex.เพียงหลับตา คุณ . . . อาจจะมองไม่เห็นอะไร
ใช่ . . . มันเป็นเพียงเงามืด
แต่สำหรับฉัน . . . มันเป็นความทรงจำที่ไม่อาจจะลืม
(เลือน) (ได้)เลยแม้สัก
(วินาที) ครั้งเดี่ยว
แค่
(เพียง) ฉัน
(ได้) หลับตา
(ลง) . . . ฉันเห็นครอบครัวของฉัน
ฉันเคยมีครอบครัว . . . ครอบครัวของเราอยู่มีความสุข
(ครอบครัวที่เคยมีความสุข)จนกระทั่งวันหนึ่ง . . .
(เมื่อ) ฉันกลับมา
(ถึง) บ้าน
ครอบครัวของฉัน
(ที่) (นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยเลือด)นอนไปทั้งกองเลือด
ฉันมองครอบครัวของฉันทั้งน้ำตาที่เป็นดังสายเลือด
(และฉันทำได้แค่เพียงยืมองครอบครัวที่ฉันรักด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนกับสายเลือด)
การยกตัวอย่างการแก้ไขบทบรรยายนี้เป็นบางส่วนที่คิดว่าควรจะลองปรับเปลี่ยนดู
ถ้าหากมีโอกาสหน้าได้ลองเขียน อยากแนะนำให้ลองตรวจทานการเว้นวรรคคำ การใช้คำเชื่อมประโยค
หรือการเลือกแสลงที่เหมาะสมกับคำร่วมอื่น ๆ ดูนะคะ เพราะจะทำให้บทบรรยายของคุณเองนั้นเข้าถึงอารมณ์
และสามารถสื่ออารมณ์ให้กับภาพ และคนอื่นได้มากเลยทีเดียว
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องมาพร้อม ๆ กับบทบรรยายคือการนำเสนอรูปภาพของคุณนั้น
ตัวบทบรรยายถ้าอ่านแยกก็สื่อสารอารมณ์ได้ดีนะคะ แต่พอมารวมกับภาพที่สื่อออกมานั้น
ในจุดนี้ต้องบอกเลยว่ามันสวนทางกันไปคนละทางอีกแล้ว เพราะว่าภาพที่คุณนำเสนอมา
ไม่มีส่วนหนึ่ง ส่วนใดเลยที่เชื่อมโยงกับบทบรรยายของคุณ คุณไม่ได้หยิบยกฉาก หรือซีนที่เกี่ยวข้องที่สื่อให้เห็นได้ว่า
เนี่ยนะมีฉากนั้น หรือว่าฉากนี่ที่อยู่ในบทบรรยายจริง ๆ อันนี้เหมือนเป็นแค่การนำตัวละครมาจัดท่าทาง
จับมายืนและนั่ง ใส่น้ำตาเข้าไป แต่มันไม่เข้าถึงบทบาทใด ๆ เลยค่ะ ในจุดนี้ที่ทำให้การสื่อสารอารมณ์ของภาพ
น้อยลงไปมาก ๆ ส่วนตัวท่าโพสนั้นภาพ 1,2,4 ก็ยังพอจิตนาการอารมณ์ออกได้นะคะ แต่ว่าภาพที่ 3 ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
ท่าโพสมันดูแปลกเกินไป เหมือนกับท่าโพสท่าแบบแนวน่ารักมากกว่าการแสดงออกถึงความเสียใจค่ะ
การจัดฉากของคุณนั้นตามที่กล่าวด้านบนคือแทบจะไม่ได้เกี่ยวโยงใด ๆ เลยกับบทบรรยาย
แต่ก็สามารถจิตนาการได้ว่า ฉากนั้นเป็นห้อง ๆ หนึ่งภายในบ้าน แต่ว่าฉากคุณโล่งมาก ๆ เลยค่ะ ไม่มีการวาง obj ใด ๆ
ที่ช่วยเบนความว่างเปล่าของพื้นหลังเลย มีแต่ผนังล้วน ๆ อีกอย่างเรื่องการวางของบนพื้นนะคะ
ถ้าหากว่าฉากของคุณโล่งมาก ๆ คุณไม่ควรวางของลงบนพื้น ถ้าหากว่าฉากนั้นไม่ได้มีการวางของจนเต็มพื้นที่
หรือสื่อให้เห็นว่าไม่มีที่จะวางแล้วหรือเป็นท่าโพสที่ต้องนั่งกับพื้นหรือกดมุมต่ำ
เพราะการวางของบนพื้น โดยที่สัดส่วนของภาพด้านบนไม่มีโต๊ะ ไม่มีโคมไฟ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ประดับอะไรเลย
มันจะทำให้ด้านบนมีพิ้นที่ว่างเกินไปจนทำให้ดูไม่สมดุล และมันจะทำให้เหมือนว่าเราไม่ใส่ใจในการจัดฉาก
หรือองค์ประกอบในภาพถึงแม้ว่าเราจะตั้งใจจัดแล้วก็ตามที และอีกประเด็นคือเรื่องของการติดผ้าม่าน
ถ้าหากว่าตรงผนังนั้นมีหน้าต่าง การติดผ้าม่านไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ แต่ถ้าหากว่าผนังตรงส่วนนั้นไม่มีหน้าต่าง
การติดผ้าม่านก็ทำได้นะคะ แต่มีข้อจำกัดคือ ตรงบริเวณนั้นจะต้องเป็นเตียง หรือมีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่
อย่างใดอย่างหนึ่งวางอยู่ ซึ่งยังพออ้างอิงได้ว่าติดผ้าม่านเพื่อปกปิดของเหล่านั้นตามหลักนะคะ
และมันเป็นสิ่งที่ต่อเนื่องกันกับการจัดวางฉากหลัง กับเรื่องมุมกล้องที่ถ่ายค่ะ เมื่อฉากหลังของเรานั้นผิดสัดผิดส่วน
เกิดความไม่สมดุล ส่วนใดส่วนหนึ่งโล่งหรือหนักจนเกินไป เวลาเราแพลนกล้องเพื่อถ่ายก็จะทำให้ภาพดูโล้น
และดูแปลกตามาก ๆ ค่ะ โดยเฉพาะภาพที่คุณยกกล้องในมุมสูงกว่าระดับตัวละคร จะทำให้เห็นถึงพื้นที่ว่างเปล่าบริเวณผยัง
และพื้นเนื่องขากว่าคุณเอา obj ทั้งหลายไปกองรวมกันอยู่ตรงจุดเดียว มันไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเลยค่ะ
เรื่องการแต่งกายนั้นก็ถือว่าทำได้ดีนะคะ เพราะว่าคอนเซปไม่ได้เจาะจงว่าเป็นสมัยใหม่ซะทีเดียว
แล้วก็ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นย้อนยุค เพราะแบบนั้นการเลือกเครื่องแต่งกายเลยเลือกได้กว้าง แต่งแบบไหนก็ถือว่าไม่ผิดค่ะ
แต่ในส่วนสุดท้ายคือความสมดุลของสีภาพและองค์รวมของภาพนะคะ สิ่งแรกที่จะขอบแนะนำเลยคือการใส่กรอบมืด
หรือเรียกง่าย ๆ โฟร์กราวที่มืด ๆ ตรงบริเวณของของภาพนั้น ข้อดีของมันคือสามารถช่วยโฟกัสจุดกึ่งกลางของภาพได้
แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกันคือมันจะเน้นเฉพาะจุด ซึ่งถ้าตัวละครหรือวัตถุอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม
ก็จะดูเจ้าสิ่งนี้กลบสิ่งที่ควรจะเป็นลงไป หรือ ถ้าฉากของคุณนั้นเป็นความสว่างอีกระดับ
แล้วตัวเฟรมขอบนั้นเข้มจนโดดออกมาจากฉากก็จะทำให้ภาพดูลอย ๆ หลอก ๆ
ดูไม่นวลตา มันเหมือนกับว่าจัดเอากรอบสีทะมึน ๆ มาแปะใส่ในรูปอะไรแบบนั้นเลยค่ะ
ตรงจุดนี้ก็สามารถแก้ไขได้โดยเวลาที่เราใส่ขอบมืดลงไปให้เราปรับลดค่าโอพาซิตี้ลดให้อ่อนลงพอที่จะกลืนไปกับฉากได้ค่ะ
มันจะดูสมจริงมากกว่านี้ และอีกสิ่งหนึ่งเลยที่ถือว่าเป็นจุดที่ขัดตาที่สุดในการนำเสนอครั้งนี้เลยค่ะ บรัชควัน
การที่คุณเลือกใช้บรัชควันมาใส่ในผลงานนั้น ต้องถามก่อนว่าภาพที่คุณทำนั้น เนื้อเรื่อง มันมีที่มาที่ไปอย่างไร?
ถ้าเป็นแนวแฟนตาซีที่เหนือนจิตนาการ ที่อะไร ๆ สามารถเป็นไปได้ก็ยังพออาศัยจินตนาการที่เกินจริงช่วยได้
แต่ในกรณีนี้เป็นเรื่องราวธรรมดา ๆ แล้วบทบรรยายที่คุณกล่าวถึงก็ไม่ได้มีส่วนไหนที่เกี่ยวกับควันเลย
เช่น ไฟไหม้ หรืออะไรพวกนั้น ดังนั้นสิ่งแรกเมื่อมองเห็นควันในรูปภาพงานของคุณ คำถามคือ ควันอะไร? มาจากไหน?
ต้นตอคืออะไร? เพราะมันหาที่มาที่ไปของควันไม่ได้ แล้วยังสาดบรัชลงไปจนชัดเจนขนาดที่ว่าเหมือนไฟกำลังจะไหม้บ้าน
ดังนั้นการเลือกใช้บรัชอะไรใส่ลงในผลงานจะต้องคำนึงถึงที่มาที่ไปให้ดีด้วย ถ้าหากบ้านเป็นบ้านเก่าจะมีควันก็ได้
แต่ควรทำให้ควันจาง ๆ ให้เหมือนธรรมชาติ และควรวางในจุดที่เหมาะสม ปรับขนาดหัวบรัช ความใหญ่
ความกว้างให้ดีด้วย แต่ในกรณีงานของคุณ แนะนำว่าควรจะใช้บรัชแสงมากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
การใส่บรัชแสงก็ต้องหาจุดตกกระทบด้วยนะคะ เช่นหน้าต่าง ประตู หรือวางมุมสูง มุมเอียงที่จะจิตนาการเหนือจริงได้ว่า
ตรงนั้นมีจุดตกกระทบของแสง ส่วนตัวสีของภาพนั้นยังขาดความเข้มอยู่นะคะ มันเหมือนสีเทาที่ซีด ๆ
ถ้าหากลองปรับความเข้มอีกนิดหน่อยก็จะดูโอเคขึ้นค่ะ