Chapter 1  ความปรารถนาทั้งสิบ
   ศาลเจ้าฮาคุเรย์, ศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ ณ ชายแดนซึ่งห่างไกลจากหมู่บ้านมนุษย์
 โลกสีขาวดำที่ผืนปฐพีถูกแช่แข็งได้จบสิ้นลง, และความงามแบบดั้งเดิมก็ได้กลับคืนสู่เกนโซวเคียวอีกครั้ง
 และเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่ซากุระและชินเรย์(วิญญาณเทพ)ร่ายรำร่วมกัน 
 บอสซัน : ถึงซากุระมันจะสวยดีก็เถอะน้า
 เคียว : ซากุระสวยมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ 
 ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในเกนโซวเคียวที่ไม่สนุกสนานกับการเบ่งบานของซากุระ
 บอสซัน กับ เคียว เองก็เป็นสิ่งมีชีวิตแบบนั้นเช่นกัน 
 บอสซัน : แต่มันรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีอย่างบอกไม่ถูกน่ะน้า
 เคียว : บังเอิญจังว่ะ, ฉันก็เหมือนกัน 
 ซากุระยังคงร่วงโรยอย่างไร้ปรานีต่อไป, หากพลาดโอกาสนี้ไปอาจไม่ได้ชมดอกไม้อีกเลยจนถึงช่วงดอกฟุจิบานก็เป็นได้
 แต่ถึงอย่างนั้น, ทั้งสองคนกลับไม่ได้สนใจงานเลี้ยงใต้ต้นซากุระเลยสักนิด   
 ทำไมงั้นหรือ 
 นั่นก็เพราะมีวิญญาณที่ไม่รู้ตัวตนแน่ชัดล่องลอยออกมาแล้วก็หายไปนั่นเอง 
 บอสซัน : รู้สึกเหมือนก่อนหน้านี้จะเคยมีฤดูใบไม้ผลิที่มียูวเรย์(ผี)เยอะขนาดนี้มาก่อนแล้วนะ
 เคียว : เออ, แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าจะไม่สามารถจัดงานชมดอกไม้ได้ว่ะ
 เคียว : เพราะแทบจะไม่มีฤดูใบไม้ผลิเลย (หมายถึงเหตุการณ์ในภาค 7)
 บอสซัน : นั่นสิน้า, ตอนนั้นเป็นฝีมือของเจ้าพวกโลกวิญญาณนั่นล่ะน้า
 เคียว : ใช่แล้ว, เรื่องที่เกี่ยวกับวิญญาณน่ะเป็นฝีมือของยัยพวกนั้นทุกคนเลย
 บอสซัน : ใช่ใช่, ถ้าทำแบบนั้นเอาไว้แต่แรกก็คงไม่มีปัญหาหรอกเนอะ (หมายถึง ยำให้เละ) 
 ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า,
 วิญญาณที่มีตัวตนไม่แน่ชัดซึ่งกำลังล่องลอยอยู่นี้ไม่ใช่ยูวเรย์ธรรมดา, และไม่ใช่วิญญาณพิภพที่ปรากฏตัวออกมาเมื่อเร็วๆนี้ด้วย 
 พวกนี้คือชินเรย์, วิญญาณที่น่าจะกลายเป็นเทพเจ้า 
 แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วชินเรย์ส่วนมากจะสถิตอยู่ในศาลเจ้า, แต่ที่จริงแล้วเป็นวิญญาณที่ไม่ใช่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใดก็ได้
 ชินเรย์เหล่านี้กำลังทำให้พวกเธอกลุ้มใจอยู่ 
 เคียว : ขืนเป็นแบบนี้ พรุ่งนี้คงจัดงานชมดอกไม้ไม่ได้แน่เลยว่ะ
 เคียว : ดีล่ะ
 บอสซัน : ดีล่ะ ?
 เคียว : อ๊ะ, เอ่อ, ไม่มีอะไรหรอก
 เคียว : มันยังไงกันวะ, เจ้าวิญญาณประหลาดพวกนี้
 บอสซัน : จะทำอะไรสักอย่างงั้นเหรอ---
 บอสซัน : ต้องสืบหาสาเหตุที่เจ้าพวกนี้ปรากฏตัวออกมาสินะ 
 นับเป็นวันโชคดีที่ตัดสินใจลงมือ, ทั้งสองออกเดินทางไปตรวจสอบก่อนใครๆ, ทั้งที่ยังเป็นเวลากลางคืน   
 ――อีกด้านหนึ่ง, ได้เกิดเหตุวิปลาสขึ้นที่ภูเขาโยวไคเช่นกัน
 วิญญาณประหลาดได้ปรากฏตัว
 ฮารุคิดว่าแปลกดี, แต่ก็รู้สึกตัวว่านี่ไม่ใช่ยูวเรย์ 
 วิญญาณเหล่านี้คือชินเรย์
 เป็นสิ่งที่มีคุณลักษณะเหมือนกับคานาโกะและสุวะโกะ 
 สาเหตุการเกิดชินเรย์นั้น, มาจากความโลภ ความคิด ความหวาดกลัว หรือความรู้สึกของมนุษย์ที่แข็งแกร่งอย่างมาก
 อันที่จริงแล้ว แม้ว่าชินเรย์จะไม่ค่อยทำอันตรายต่อมนุษย์โดยตรง, แต่ก็ไม่น่าจะถือกำเนิดขึ้นมาได้หากไม่มีความโลภอะไรสักอย่างที่รุนแรง
 ยกตัวอย่างเช่น, การอธิษฐานขอความอุดมสมบูรณ์ หรือการทำพิธีสะเดาะเคราะห์... ... 
 ฮารุตัดสินว่า, เจ้านี่แหละใช้ได้เลย
 การรวบรวมชินเรย์ก็เหมือนกับการรวบรวมความโลภของมนุษย์, ซึ่งนั่นก็เหมือนกับการรวบรวมศรัทธานั่นเอง 
 แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงมีชินเรย์กำเนิดขึ้นตรงนั้นตรงนี้ทั่วไปหมด, ไม่เคยเห็นความโลภที่รุนแรงขนาดนี้ปั่นป่วนเกนโซวเคียวมาก่อนเลย 
 ฮารุจึงออกค้นหาสาเหตุนั้น  
 ――คฤหาสน์มารแดง,ทะเลสาบสายหมอก
 เหตุวิปลาสได้เกิดขึ้นที่คฤหาสน์มารแดงเช่นกัน, มีวิญญาณชนิดอื่นปะปนมากับโยวไค
 ไม่สิ, ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ, มีชินเรย์ปรากฏตัวขึ้นจากพวกยูวเรย์แล้วก็หายไป, หายไปแล้วก็โผล่มา, ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนี้ 
 เอเซีย กำลังทำอะไรไม่ถูกจนอึดอัดไปหมด
 เพราะเธอเองก็รู้สึกได้ว่ามีชินเรย์กำลังจะกำเนิดขึ้นจากร่างกายของเธอเหมือนกัน 
 แม้ว่าชินเรย์พวกนี้จะเป็นสิ่งที่แสนสั้นเพราะหายไปในทันที, แต่ก็สามารถรู้สึกได้ถึงความคิดอันเจือจาง
 ไม่สิ, พวกชินเรย์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาจะมีความคิดรึเปล่าก็ไม่รู้
 แม้จะเป็นสิ่งที่คล้ายกับการแตกกิ่งเข้าหาแสงของพวกพืช, แต่ตัวเธอซึ่งเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งผีก็สามารถรู้สึกได้เช่นกัน 
 ปลายทางนั้นชี้ไปยังหมู่บ้านมนุษย์ 
 ตอนที่คิดเช่นนั้น, พลันได้เห็นแสงพร่าสว่างมาจากทางหมู่บ้านมนุษย์ 
 เอเซีย: งั้นเหรอ
 เอเชีย: ชินเรย์ไม่ได้ถือกำเนิดจากตัวฉันเท่านั้น,
 เอเชีย: แต่กำลังถือกำเนิดขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตทุกชนิดสินะ 
 เธอหยุดอ่านหนังสือแล้วรีบออกไปตรวจสอบ, ทว่า... ...    
 ――ชินเรย์กำลังตามหาคนที่ยอมรับตนเองอยู่
 ภายในอาคารบรรจุศพอันมืดมิดเหม็นกลิ่นสาบดิน
 แสงไฟสลัวของเหล่าวิญญาณได้ส่องสว่างโดยรอบ, แต่ก็ถูกดูดกลืนโดยความมืดในทันที, จนไม่สามารถเปิดเผยให้เห็นทั้งหมดได้ 
 ชินเรย์ได้ตรัสรู้แจ้งที่นั่น
 อยากได้เงิน, ไม่อยากโดนห่ากระสุน, หรืออยากใช้สเปลการ์ด
 ผู้ที่รับฟังความโลภอันเล็กน้อยเหล่านี้ของพวกเราแต่ละคนนั้นเป็นภาพมายา
 สุดท้ายแล้วความโลภแค่ระดับนี้ก็ไม่อาจทำให้สำเร็จได้หากไร้ซึ่งความพยายามของตนเอง 
 แต่ถึงอย่างนั้น ชินเรย์ก็ยังยึดมั่นในความหวังอันน้อยนิด, และก้าวเข้าไปในความมืดด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า
 จากนั้นก็กลับคืนสู่ความว่างเปล่า, โดยที่ยังไม่อาจเข้าใจถึงต้นกำเนิดของตนเอง 
 จบสิ้นลงโดยไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีคนเฝ้ามองและยิ้มเยาะอย่างพึงพอใจอยู่  
 รอยยิ้มผุดขึ้นเนื่องจากการคืนชีพใกล้มาถึง――
 พร้อมคำสาบานว่าจะล้างแค้น