เจ้าตัวนี้แหละค่ะ! ตัวร้าย ตัวประมาณ 1 เซนติเมตร มีพิษยิ่งกว่ายุง แค่สัมผัสก็เป็นแผลพุพองเหมือนโดนน้ำกรดกันเลยทีเดียว ดูจากภาพคงเห็นแล้วว่าพิษมันแรงมากบางคนที่แพ้ก็จะเป็นดังรูป แต่ถ้าไม่แพ้ก็จะเป็นแผลแดงๆ อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม Google เลยค่ะ
รายละเอียด
แมลงก้นกระดก พบมากในฤดูฝน จะมีขนาดเล็ก ความยาวเพียง 4-7 มิลลิเมตร ส่วนหัวมีสีดำ ปีกสีน้ำเงินเข้ม ลำตัวมีสีดำสลับส้ม และมักจะกระดกส่วนท้องขึ้นๆ ลงๆ เมื่อเกาะบนพื้น ชอบอาศัยตามกองมูลสัตว์ กองไม้และบินเข้ามาเล่นแสงไฟในบ้านเรือน ชื่อในทางวิทยาศาสตร์ : Paederus fuscipes ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ : Rove beetles เก๋กว่านั้น เจ้าตัวนี้มันยังถูกเรียกว่า “แมลงเฟรชชี่” เนื่องจากมักจะพบได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่มักมีกิจกรรมรับน้องกันอยู่ ทำให้มีน้องใหม่โดนพิษของเจ้าแมลงชนิดนี้กันอยู่เป็นประจำนั่นเอง
อาการเมื่อโดน
ในตัวของมันจะมีสารที่เป็นพิษกับผิวหนังของคน ทำให้เกิดการระคายเคืองและเกิดการอักเสบได้ การอักเสบของผิวหนังที่เกิดขึ้นจะเริ่มจากเป็นรอยทางแดงๆ จากนั้นก็จะเริ่มมีตุ่มน้ำพองขึ้นมา บางคนที่เกามาก อาจจะเกิดเป็นรอยสีน้ำตาลแดงและตุ่มหนองขึ้นได้ และกลายเป็นแผลเปื่อย โดยสาเหตุที่เป็นต้นตอทำให้เกิดผิวหนังแสบร้อนนี้คือ ของเหลวที่แมลงตัวนี้ปล่อยออกมา (หลายคนบอกว่ามันจะปล่อยออกมาเวลาแมลงตกใจ ) เป็นสาร pederin ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นกรดชนิดหนึ่ง ทำให้เกิดการระคายที่ผิวหนัง
ด้านกระทรวงสาธารณสุขยังเตือนอีกว่าไม่ควรจับเล่น ตีหรือบดขยี้ เนื่องจากมีสารพิษอันตรายทำลายเซลล์เนื้อเยื่อ ทำให้ผิวหนังอักเสบเฉียบพลัน ปวดแสบปวดร้อน เป็นแผลพุพอง รายที่แพ้รุนแรงอาจมีไข้ ปวดเส้นประสาทกล้ามเนื้อนานหลายเดือน หากพิษเข้าตา อาจตาบอดได้
การรักษา และ บรรเทา
เมื่อเจอแมลงชนิดนี้ควรระมัดระวัง ไม่จับด้วงมาเล่น ไม่ตบหรือตีเมื่อมันบินมาเกาะตามตัว ถ้าหากถูกพิษแล้วให้ล้างด้วยน้ำเปล่าฟอกสบู่หรือเช็ดด้วยแอมโมเนีย และควรไปพบแพทย์
แมลงก้นกระดก พบมากในฤดูฝน จะมีขนาดเล็ก ความยาวเพียง 4-7 มิลลิเมตร ส่วนหัวมีสีดำ ปีกสีน้ำเงินเข้ม ลำตัวมีสีดำสลับส้ม และมักจะกระดกส่วนท้องขึ้นๆ ลงๆ เมื่อเกาะบนพื้น ชอบอาศัยตามกองมูลสัตว์ กองไม้และบินเข้ามาเล่นแสงไฟในบ้านเรือน ชื่อในทางวิทยาศาสตร์ : Paederus fuscipes ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ : Rove beetles เก๋กว่านั้น เจ้าตัวนี้มันยังถูกเรียกว่า “แมลงเฟรชชี่” เนื่องจากมักจะพบได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่มักมีกิจกรรมรับน้องกันอยู่ ทำให้มีน้องใหม่โดนพิษของเจ้าแมลงชนิดนี้กันอยู่เป็นประจำนั่นเอง
อาการเมื่อโดน
ในตัวของมันจะมีสารที่เป็นพิษกับผิวหนังของคน ทำให้เกิดการระคายเคืองและเกิดการอักเสบได้ การอักเสบของผิวหนังที่เกิดขึ้นจะเริ่มจากเป็นรอยทางแดงๆ จากนั้นก็จะเริ่มมีตุ่มน้ำพองขึ้นมา บางคนที่เกามาก อาจจะเกิดเป็นรอยสีน้ำตาลแดงและตุ่มหนองขึ้นได้ และกลายเป็นแผลเปื่อย โดยสาเหตุที่เป็นต้นตอทำให้เกิดผิวหนังแสบร้อนนี้คือ ของเหลวที่แมลงตัวนี้ปล่อยออกมา (หลายคนบอกว่ามันจะปล่อยออกมาเวลาแมลงตกใจ ) เป็นสาร pederin ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นกรดชนิดหนึ่ง ทำให้เกิดการระคายที่ผิวหนัง
ด้านกระทรวงสาธารณสุขยังเตือนอีกว่าไม่ควรจับเล่น ตีหรือบดขยี้ เนื่องจากมีสารพิษอันตรายทำลายเซลล์เนื้อเยื่อ ทำให้ผิวหนังอักเสบเฉียบพลัน ปวดแสบปวดร้อน เป็นแผลพุพอง รายที่แพ้รุนแรงอาจมีไข้ ปวดเส้นประสาทกล้ามเนื้อนานหลายเดือน หากพิษเข้าตา อาจตาบอดได้
การรักษา และ บรรเทา
เมื่อเจอแมลงชนิดนี้ควรระมัดระวัง ไม่จับด้วงมาเล่น ไม่ตบหรือตีเมื่อมันบินมาเกาะตามตัว ถ้าหากถูกพิษแล้วให้ล้างด้วยน้ำเปล่าฟอกสบู่หรือเช็ดด้วยแอมโมเนีย และควรไปพบแพทย์
เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ พิษร้ายใช่เล่นเลยใช่มั้ยล่ะ ฉะนั้น ถ้ารู้ตัวว่าสัมผัสแมลงชนิดนี้เข้าไปแล้ว อย่าชะล่าใจปล่อยไว้นะคะ ย้ำอีกที!! ต้องรีบล้างออกหรือไปพบแพทย์เลยค่ะ…^^