สวัสดีค่ะ

หลายคน อยากมีตัวอักษรสวย ๆ บบคนอื่นๆ อยากตัดต่อรูปภาพอยากโน่นอยากนี่อยากนั่น อยากใช้โปรแกรม PS อยาก ๆ ๆ
แต่ บางคนก็มาจบตรงคำว่า ....... 〝 ทำไม่เป็น〝 มาเลยค่ะ เราจะสอนใช้โปรแกรม PS กันค่ะ เราจะได้หมดปัญหา ไอ้อยากโน่น อยากนี่ อยากนั่น แต่ทำไม่เป็น ทุกคนจะได้รู้ว่ามันไม่ยากเลย ถ้าเราตั้งใจ


Phoshop คือ ....
โปรแกรมPhotoshopเป็นโปรแกรมสร้างและแก้ไขรูปภาพอย่างมืออาชีพโดยเฉพาะนักออกแบบในทุกวงกาย่อมรู้จักโปรแกรมตัวนี้ดี โปรแกรม Photoshop เป็นโปรแกรมที่มีเครื่องมือมากมายเพื่อสนับสนุนการสร้างงานประเภทสิ่งพิมพ์ งานวิดีทัศน์ งานนำเสนอ งานมัลติมีเดีย ตลอดจนงานออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ ในชุดโปรแกรม Adobe Photoshopจะประกอบด้วยโปรแกรมสองตัวได้แก่ Photoshop และ ImageReady การที่จะใช้งานโปรแกรม Photoshopคุณต้องมีเครื่องที่มีความสามารถสูงพอควร มีความเร็วในการประมวลผล และมีหน่วยความจำที่เพียงพอ ไม่เช่นนั้นการสร้างงานของคุณคงไม่สนุกแน่ เพราะการทำงานจะช้าและมีปัญหาตามมามากมาย ขณะนี้โปรแกรม Photoshop ได้พัฒนามาถึงรุ่น Adobe Photoshop CS
โปรแกรมPhotoshopเป็นโปรแกรมสร้างและแก้ไขรูปภาพอย่างมืออาชีพโดยเฉพาะนักออกแบบในทุกวงกาย่อมรู้จักโปรแกรมตัวนี้ดี โปรแกรม Photoshop เป็นโปรแกรมที่มีเครื่องมือมากมายเพื่อสนับสนุนการสร้างงานประเภทสิ่งพิมพ์ งานวิดีทัศน์ งานนำเสนอ งานมัลติมีเดีย ตลอดจนงานออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ ในชุดโปรแกรม Adobe Photoshopจะประกอบด้วยโปรแกรมสองตัวได้แก่ Photoshop และ ImageReady การที่จะใช้งานโปรแกรม Photoshopคุณต้องมีเครื่องที่มีความสามารถสูงพอควร มีความเร็วในการประมวลผล และมีหน่วยความจำที่เพียงพอ ไม่เช่นนั้นการสร้างงานของคุณคงไม่สนุกแน่ เพราะการทำงานจะช้าและมีปัญหาตามมามากมาย ขณะนี้โปรแกรม Photoshop ได้พัฒนามาถึงรุ่น Adobe Photoshop CS
ขั้นตอนการใช้โปรแกรม แบบคราว ๆ
เมื่อเรียกใช้งานโปรแกรม Adobe PhotoShop (ตัวอย่างที่แนะนำคือ Adobe PhotoShop 6.0) จะปรากฏหน้าต่างการทำงาน ดังนี้

1.Title Bar แสดงชื่อโปรแกรม และ/หรือ ชื่อไฟล์ ตลอดจนค่าเกี่ยวกับโหมดภาพ
2.Control Button ปุ่มควบคุมหน้าต่าง ประกอบด้วยปุ่ม Minimize, Maximize/Restore, Close Button
3.Menu Bar แถบคำสั่งควบคุมการทำงาน
4.Toolbox แถบเครื่องมือ
5.Workarea Window หน้าต่างสร้างงาน
6.Screen Area หน้าต่างโปรแกรม
7.Palettes ชุดคำสั่งเฉพาะงาน
8.Status Bar แสดงสถานะการทำงาน
9.Option Bar แสดงชุดคำสั่งย่อยของเครื่องมือที่เลือกใช้งาน
เครื่องมือจากแถบ Toolbars
เครื่องมือต่างๆ ประกอบด้วย

เครื่องมือพื้นฐาน

เมื่อต้องการขยายภาพให้ใหญ่ขึ้นให้นำเคอร์เซอร์ไปคลิกที่ภาพ
ถ้าต้องการทำให้ภาพเล็กลง ให้กด ค้างไว้แล้วจึงไปคลิกที่ภาพ
หาก Double Click ที่เครื่องมือ zoom จะเป็นการขยายภาพให้สู่โหมด 100% อย่างรวดเร็ว

หากทำการ Double Click ที่เครื่องมือ Hand จะเป็นการปรับหน้าจอภาพ ให้อยู่ในโหมดพอดีกับกรอบภาพ (Actual Size)



การปรับขนาดของภาพ
ภาพที่นำมาใช้ประกอบเว็บ ไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไป หากท่านนำภาพมาใช้งาน และพบว่ามีขนาดใหญ่มาก ควรทำการย่อขนาดของภาพด้วย PhotoShop ก่อนนำไปใช้งานจริง ไม่ควรใช้ Attribute Width & Height ใน TAG ควบคุมขนาด เพราะจะทำให้ การโหลดภาพช้ากว่าปกติ โดยคำสั่งที่ใช้ในการย่อ / ขยายขนาดภาพ คือ Image, Image Size... ซึ่งปรากฏจอภาพทำงานดังนี

การใช้สี
เครื่องมือแรกที่อยู่ใน Tool Bar ที่เกี่ยวกับสีคือ

เมื่อคลิกเข้าไปใน Foreground/Background Color จะเจอกับ Color Picker เพื่อใช้ในการเลือกสีที่ต้องการ
- คลิกเลือกสีที่ต้องการแล้วกดปุ่ม OK
- สามารถกดที่ปุ่ม Default color เพื่อคืนค่าสีเป็น "ขาว/ดำ"
- สามารถกดปุ่ม Swap color เพื่อกลับค่าสีที่เลือก
เรายังสามารถเลือกสีได้จาก Palette Color และ Swatches โดยการเข้าไปที่เมนู Window / Show Color, Show Swatches

คำสั่งปรับแต่งภาพ
ภาพที่ผ่านการสแกน หรือภาพจากแหล่งอื่นๆ ก่อนนำมาใช้งาน มักจะต้องปรับแต่งสีก่อนเสมอ ด้วยคำสั่ง Image, Adjust
Levels เป็นการปรับความสว่าง-มืดของภาพ โดยการเติมสีขาว-ดำลงไป ซึ่งเราจะใช้กราฟ Histogram ในการปรับระดับสี
กด Alt ค้างไว้ จะเปลี่ยนปุ่ม Cancel เป็น Reset ทำให้กลับไปที่ค่าเริ่มต้น
Auto Levels เป็นการปรับความสว่าง-มืดของภาพ โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะคำนึงถึงระดับความสว่างและมืดของสีในแต่ละ Channel
Auto Contrast เป็นการปรับความสว่าง-มืดของภาพ โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะคำนึงถึงพื้นที่ที่สวางและมืดของภาพ แล้วปรับให้เห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
Curves เป็นการปรับความสว่าง-มืดของภาพ คล้ายกับ Levels โดยการใช้เส้น Curves เป็นตัวกำหนด ซึ่งจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างสีเดิมกับสีใหม่
คำสั่งปรับแต่งภาพ
ภาพที่ผ่านการสแกน หรือภาพจากแหล่งอื่นๆ ก่อนนำมาใช้งาน มักจะต้องปรับแต่งสีก่อนเสมอ ด้วยคำสั่ง Image, Adjust
Levels เป็นการปรับความสว่าง-มืดของภาพ โดยการเติมสีขาว-ดำลงไป ซึ่งเราจะใช้กราฟ Histogram ในการปรับระดับสี
กด Alt ค้างไว้ จะเปลี่ยนปุ่ม Cancel เป็น Reset ทำให้กลับไปที่ค่าเริ่มต้น
Auto Levels เป็นการปรับความสว่าง-มืดของภาพ โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะคำนึงถึงระดับความสว่างและมืดของสีในแต่ละ Channel
Auto Contrast เป็นการปรับความสว่าง-มืดของภาพ โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะคำนึงถึงพื้นที่ที่สวางและมืดของภาพ แล้วปรับให้เห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
Curves เป็นการปรับความสว่าง-มืดของภาพ คล้ายกับ Levels โดยการใช้เส้น Curves เป็นตัวกำหนด ซึ่งจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างสีเดิมกับสีใหม่

Color Balance เป็นการปรับแต่งความสมดุลของสีภาพ โดยใช้โหมดสีเป็นตัวกำหนด เช่น CMYK, RGB..
Brightness/Contrast เป็นการปรับค่าความสว่าง-มืด และความแตกต่างของสีโดยรวม
Hue/Saturation เป็นการปรับแต่งโทนสีโดยคำนึงถึงพื้นฐานการมองเห็นของมนุษย์คือ
Hue = ค่าความสะท้อนแสง
Saturation = ความเข้มข้นของสี
Brightness = ความสว่าง-มืด
Desaturate เป็นการเอาค่าสีออกจากภาพให้เหลือแต่สีขาว-ดำ โดยที่โหมดภาพจะยังคงเดิม
Replace Color เป็นการแทนที่สีในภาพด้วยสีใหม่

Channel Mixer เป็นการปรับแต่งโทนสีแต่ละสีโดยใช้โหมดสีเป็นตัวกำหนด เช่น CMYK,RGB
Invert เป็นการปรับสีในภาพให้เป็นสีตรงข้าม
Equalize เป็นการกระจายค่าความสว่าง-มืดของภาพ ให้มีค่าเท่ากัน มักใช้กับภาพที่สแกนมา
Threshold เป็นการเปลี่ยนภาพสี ให้เป็นภาพที่มีแต่สีขาว-ดำ โดยใช้ค่า Threshold เป็นตัวกำหนด
การตัดภาพ
การนำเอาภาพขนาดใหญ่ มาใส่ในเว็บเพจ ไม่ใช่วิธีที่ดีของการนำเสนอ เพราะจะทำให้การโหลดภาพเสียเวลามาก วิธีที่ดีที่สุด คือ ควรตัดภาพเป็นชิ้นเล็ก แล้วนำภาพมาประกอบกันเป็นชิ้นอีกครั้ง ด้วยเทคนิคการประกอบภาพผ่านเอกสารเว็บ ดังนั้นเนื้อหานี้จะแนะนำการตัดภาพ เป็นส่วนๆ ก่อน เพื่อเป็นแนวทาง และเป็นการเตรียมภาพขั้นต้น ไว้ก่อน
1. เตรียมภาพที่ต้องการ และเปิดไว้บนหน้าต่างการทำงานของ Adobe Photoshop
2. ขยายหน้าต่างภาพ ให้เห็นพื้นที่ว่างรอบภาพ

3. เปิดแถบบรรทัด ด้วยคำสั่ง View, Show Rulers
4. เลือกเครื่องมือ Move Too

5. นำเมาส์ไปชี้ในแถบไม้บรรทัด คลิกปุ่มเมาส์ค้างไว้ แล้วลากเมาส์ (กรณีที่ชี้ที่บรรทัดแนวนอน ก็ให้ลากเมาส์ลงมา และกรณีที่ชี้ในไม้บรรทัดแนวตั้ง ก็ให้ลากเมาส์ไปด้านขวา) จะปรากฏเส้นนำสายตา (Guide Line : มักเป็นสีน้ำเงิน)
6. เลื่อนเส้นนำสายตา ไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมของภาพ แล้วปล่อยนิ้วจากเมาส์ เพื่อยืนยันตำแหน่
7. หากต้องการตำแหน่งอื่น ก็ทำขั้นตอนที่ 5 - 6 ซ้ำ จนได้ครบทุกตำแหน่ง

8. ถ้าต้องการปรับตำแหน่งของเส้นนำสายตา ที่วางไว้แล้ว ให้นำเมาส์ไปชี้ที่เส้นนั้นๆ จะพบว่า Mouse Pointer มีรูปร่างเป็นลูกศรสองหัว ให้กดปุ่มเมาส์ค้างไว้ แล้วปรับตำแหน่ง
9. ถ้าต้องการลบเส้นนำสายตาเส้นใด ให้นำเมาส์ลากเส้นนำสายตาเส้นที่ต้องการ ไปปล่อยในแถบไม้บรรทัด
10. หากต้องการลบเส้นนำสายตาทุกเส้น ให้เลือกคำสั่ง View, Clear Guides
11. ตรวจสอบว่าภาพมีการกำหนดเป็น Layer หรือไม่ หากเป็น Layer จะต้องทำการรวม Layer ก่อน ด้วยคำสั่ง Layer, Flatten Image
12. เปลี่ยนเครื่องมือเป็น Selection Tools ที่ต้องการ เช่น

13. กำหนดพื้นที่รอบกรอบที่กำหนดไว้ ทีละกรอบ
14. เลือกคำสั่ง Edit, Copy เพื่อคัดลอกข้อมูลที่เลือก ไว้ใน Clipboard
15. เลือกคำสั่ง File, New เพื่อเปิดพื้นที่งานใหม่ โดยไม่ต้องตั้งค่าใดๆ ให้กดปุ่ม ได้เลย
16. เลือกคำสั่ง Edit, Paste เพื่อวางข้อมูลจาก Clipboard บนหน้าต่างที่เตรียมไว้
17. จัดเก็บงาน ด้วยไฟล์ฟอร์แมตที่ต้องการ
18. ทำขั้นตอนที่ 13 - 17 ซ้ำ กับภาพตำแหน่งอื่น
การใส่ลักษณะพิเศษให้กับข้อความ
ข้อความต่างๆ สามารถเติมลักษณะพิเศษได้ เช่น อักษรนูน, มีเงา เป็นต้น
1. เปิด Layer Palette
2. คลิกเลือกเลเยอร์ที่ต้องการ
3. คลิกที่ปุ่ม Add a Layer Style

4. เลือกรายการ Layer Style ที่ต้องการ
5. ปรากฏหน้าต่าง Layer Style ที่เลือก เช่น เมื่อเลือก Drop Shadow จะปรากฏรายการเลือก ดังนี้
6. ปรับค่าที่ต้องการ สามารถสังเกตผลที่เลือก ได้จากข้อความจริง เมื่อได้ผลที่ต้องการให้คลิกปุ่ม OK
7. การยกเลิก Style ที่เลือก ให้คลิกเอาเครื่องมือถูกออกจากรายการ Style ที่ปรากฏด้านซ้ายมือของหน้าต่าง Layer Style





ในบทความนี้เราจะมาใส่เอฟเฟคให้กับข้อความค่ะ โดยทำให้ดูเหมือนข้อความเวทมนต์ จะเหมือนเวทมนต์จริงหรือปล่าว ลองเข้ามาดูได้ที่นี่ค่ะ

เรามาเริ่มต้นลงมือทำกันเลยค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 เริ่มแรกเลย... สร้างชิ้นงานขึ้นมาใหม่ โดยการใช้คำสั่ง File --> New แล้วเทสีให้พื้นหลังเป็นสีดำค่ะ
ขั้นตอนที่ 2 ใช้ Type Tool สร้างข้อความ โดยให้ข้อความมีสีขาวดังภาพค่ะ
ขั้นตอนที่ 3 ทำการ Double Click ที่เลเยอร์ข้อความ จะทำให้ปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ Layser Style ให้เลือก Style แบบ Outer Glow จากนั้นปรับค่าต่าง ๆ ดังภาพค่ะ จากนั้นคลิกปุ่ม OK

ขั้นตอนที่ 4 ถึงขั้นตอนนี้เราจะได้ข้อความที่มีขอบสีฟ้าเรือง ๆ แล้วนะค่ะ ให้เราทำการ Copy Layer ของข้อความค่ะโดยการคลิกขวาที่เลเยอร์ข้อความ จากนั้นเลือกคำสั่ง Duplicate Layer... จะทำให้ได้เลเยอร์ข้อความขึ้นอีกหนึ่งเลเยอร์
ขั้นตอนที่ 5 ให้คลิกเลือกที่เลเยอร์ข้อความใหม่ที่ได้จากการ Copy Layer จากนั้นใช้คำสั่ง Filter --> Blur --> Motion Blur จากนั้นปรับค่าดังภาพ แล้วคลิกปุ่ม OK ก็จะได้ผลลัพธ์ดังภาพด้านล่าง

ขั้นตอนที่ 6 เมื่อถึงขั้นตอนนี้เรามาใส่ ลูกเล่นให้ข้อความอีกซักหน่อย โดยการใช้ Brush เพิ่มเติมให้กับข้อความ โดยการสร้าง Layer ใหม่เพิ่มขึ้นค่ะ โดยการกดคีย์ลัด Shift + Ctrl + N ค่ะ ก็จะมีเลเยอร์ใหม่เพิ่มขึ้น
จากนั้นให้ทำการเลือกเครื่องมือ Brush Tool จาก Tool Box จากนั้นให้เราเลือกหัวแปรง โดยคลิกที่ Option Bar จากนั้นคลิกที่ตำแหน่ง A ในภาพค่ะ แล้วเลือกเป็นแบบ Wet Media Brushes ที่ตำแหน่ง A1 ค่ะ
พอถึงขั้นนี้หัวแปรงที่ในบริเวณกรอบสีเหลี่ยมก็จะเปลี่ยนเป็นแบบ Wet Media Brushes ให้ทำการเลือกหัวแปรงจากบริเวณกรอบสี่เหลี่ยมที่ชื่อว่า Scattered Dry Brush Small Tip (เอาเมาส์ชี้สักพักจะมีชื่อปรากฏให้เห็น) ตามภาพค่ะ
เมื่อเลือกหัวแปรงได้แล้ว ให้เราเลือกสี foreground เป็นสีขาว จากนั้นคลิกเมาส์ลงบนเลเยอร์ที่เราได้สร้างเตรียมไว้ ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นลักษณะจุด ๆ ปรากฏขึ้นค่ะ (อันนี้ก็ใสพอประมาณนะค่ะ เอาพอสวยไม่ต้องมากเกินไป)
เราอาจเพิ่มความสวยให้ข้อความโดยใส่ประกายแสงให้ข้อความอีกสักเล็กน้อย โดยการทำเหมือนการเปลี่ยนหัวแปรงในครั้งแรก โดยเลือกเครื่องมือ Brush Tool จาก Tool Box จากนั้นให้เราเลือกหัวแปรง โดยคลิกที่ Option Bar จากนั้นคลิกที่ตำแหน่ง A ในภาพค่ะ แล้วเลือกเป็นแบบ Assorted Brushes ที่ตำแหน่ง A2 ค่ะ หัวแปรงที่ในช่องสีเหลี่ยมก็จะเปลี่ยนไป ให้เราเลือกหัวแปรงชื่อ Crosshatch 4 ขนาดหัวแปลง 30 จากนั้นก็คลิกเมาส์ลงบนเลเยอร์เดียวกับขั้นตอนแรก แต่ให้หัวแปรงอยู่ตรงตำแหน่งของตัวอักษร (ดูตัวอย่างจากรูปสุดท้าย)

ขั้นตอนที่ 7 ยังไม่สวยค่ะ เพระเป็นแค่จุดสีขาว ๆ ยังไม่มีประกาย ให้เราทำการ Double Click ที่เลเยอร์ เพื่อเรียกใช้งาน Layser Style ซึ่งจะมีไดอะล็อกบ็อกซ์ปรากฏขึ้นให้เราเลือกใส่ Style แบบ Outer Glow จากนั้นปรับค่าต่าง ๆ ดังภาพค่ะ จากนั้นคลิกปุ่ม OK

ขั้นตอนที่ 8 ข้อความของเราก็จะดูเป็นประกาย แต่ดูยังไม่ค่อยเจิดจ้าเท่าไหร่ ให้เรา ทำการ Copy Layer ค่ะโดยการคลิกขวาที่เลเยอร์ที่เป็นภาพประกาย จากนั้นเลือกคำสั่ง Duplicate Layer... จะทำให้ได้ข้อความที่มีประกายสวยงามมากยิ่งขึ้น และแล้ว ก็เสร็จซะที ดูสวยเหมือนเวทมนต์ไหมค่ะ?... บทความนี้อาจจะยากและยาวซักนิด ในส่วนของการเลือกใช้งาน Brush แต่ก็คิดว่าน่าจะทำให้เพื่อน ๆ ได้รู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบของ Brush มากขึ้นค่ะ
อ้างอิง thainextstep

