โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
ขยายความปริศนาต่างๆ
jerrysoft
#21
02-01-2010 - 14:25:32

#21 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:25:32 ]




อันดับ 3 : คร็อพเซอร์เคิล (CROP CIRCLES : AVEBURY, ENGLAND)
วงกลมประหลาด รูปร่างแปลกๆหลายรูป ที่ยังคงต้องการคำตอบ เหตุแห่งการเกิด ชาวเมืองเอฟเบอรี่คุ้นเคยกับมันดี วงขนาด

ใหญ่ ยาวกว่า 200 เมตร กว้างร่วม 40 เมตร เกิดกระจัดกระจายไปทั่วทุ่งนา นำความเสียหายปนความสงสัยให้กับเจ้าของที่นา

บริเวณ นั้นเป็นอย่างมาก มีทฤษฎีหลายทฤษฎีถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตอบคำถาม ของคร็อพเซอร์เคิล มันอาจเป็นข้อความ หรือภาษาที่

ใช้สื่อสารกันระหว่างมนุษย์ต่างดาว หรืออาจเป็นแค่วงกลมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ แค่นั้นเองก็ได้ คงไม่มีวันรู้
 72557


jerrysoft
#22
02-01-2010 - 14:25:45

#22 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:25:45 ]




อันดับ 2 : ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์ (EASTER ISLAND GIANTS : EASTER ISLAND, CHILE) เดินทางมาสัมผัสเกาะปริศนาที่โดดเดี่ยว เวิ้งว้างกลางมหาสมุทร รูปสลักหินลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายเต็มฝั่งทั่ว

เกาะ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ รูปสลักนี้มาจากไหน? สร้างขึ้นได้อย่างไร? อาจเป็นชาวโพลีนีเชียนชนพื้นเมืองที่มาตั้งรกรากเมื่อ

ค.ศ.400 เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ทำไมถึงสร้าง และอยู่บริเวณนี้ได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาดำมืด ด้วยวิวัฒนาการ ความรู้ของคนใน

สมัยอดีต เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกหินที่หนักกว่า 75 ตันมาไว้ตามชายฝั่งได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงกระนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็

ยังคงถูกทิ้งไว้เพื่อค้นหาคำตอบต่อไป
 72558


jerrysoft
#23
02-01-2010 - 14:26:00

#23 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:26:00 ]




อันดับ 1 : แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (JACK THE RIPPER : LONDON, ENGLAND) มันคงเป็นปริศนาต่อไป และน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะ ปริศนาอันดับ 1 ที่ยังคงค้างคาใจเรา ฆาตกรต่อเนื่อง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์

อาชญากรระดับโลกที่ยังจับตัวไม่ได้ การสังหารอย่างโหดมของเหยื่อหลายรายติดๆกันถูกกล่าวขานถึง ย่านอีสต์เอนด์ของ

ลอนดอนสร้างชื่อกระฉ่อนถึงความน่าสะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่ไร้วี่แววของฆาตกร การพิสูจน์ หรือทดสอบด้านนิติวิทยาศาสตร์ยัง

ไม่พัฒนาเท่าที่ควร จึงไม่มีเหตุผล หรือหลักฐานหนักแน่นในการมัดฆาตกร จากคดีฆาตกรรมที่โด่งดังทำให้มีผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้น

มากมาย หลักฐานสำคัญต่างๆ ถูกผุดขึ้นมาภายหลัง จะเป็นไปได้มั้ยที่จะสืบสาวหาฆาตกรตัวจริงได้ แม้ฆาตกรคนนั้นคงไม่มีชีวิต

อยู่ให้จับแล้ว แต่ก็ยังดีที่ได้รู้ว่าฆาตกรตัวจริงผู้นั้นคือใคร?
 72559


jerrysoft
#24
02-01-2010 - 14:27:51

#24 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:27:51 ]




อยากให้รู้ว่า

ปริศนาอัศจรรย์ครอปเซอร์เคิล (Crop circles)
สัญลักษณ์จากห้วงจักรวาล ?


ปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นจริงในหลายๆประเทศทางแถบยุโรป และที่ต่างๆทั่วโลก ปัจจุบันนี้มีการรายงานการเกิด Crop circles

ใน 29 ประเทศ เป็นปรากฏการณ์ที่ถือว่าไม่ธรรมดามากๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านรูปแบบ วิธีการ ขนาด ระยะเวลาการเกิด และผู้สร้าง

ล้วนเป็นความลับ ให้บรรดานักวิทยาศาสตร์ และนักคาดเดาต่างต้องทำงานกันอย่างหนัก แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่ใกล้ความเป็นจริง

ที่จะเฉลยปริศนานี้ได้

Crop circles (ครอปเซอร์เคิล) เกิดเป็นรูปร่างโดยธัญพืชที่มีแปลงเพาะปลูกขนาดใหญ่นั้น ได้ล้มลงเป็นจำนวนมาก เกิดลวดลาย

ขึ้น ตัดกับส่วนที่ยังตั้งอยู่ จึงเห็นเป็นลวดลายชัดเจน โดยมีรูปทรงเรขาคณิตที่ซับซ้อน สวยงาม เป็นระเบียบ ส่วนใหญ่มีวงกลม

เป็นหลัก และประกอบด้วยรูปทรงเรขาคณิตอีกหลากหลาย และมีขนาดใหญ่มาก ไม่สามารถมองดูได้จากพื้นดินธรรมดา แต่เมื่อ

มองจากมุมสูงจึงจะเห็นเป็นลวดลายชัดเจน เป็นลักษณะของสัญลักษณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ โดย

เฉพาะมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น การสร้างจึงต้องใช้เทคนิคและเทคโนโลยี่ขั้นสูงมากๆ จึงจะสามารถ

ทำได้ ดังนั้นจึงมีคำถามว่า คือ ใครเป็นคนทำ ทำได้อย่างไร ใช้อะไรในการทำ และทำเพื่ออะไร
 72561


jerrysoft
#25
02-01-2010 - 14:28:36

#25 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:28:36 ]




มนุษย์หมาป่า (Werewolf) เป็นผีจำพวกเดียวกับแวมไพร์และมีพฤติกรรมคล้ายกัน คือ ดื่มกินเลือดและเนื้อของมนุษย์และสัตว์อื่นเป็นอาหาร เป็นความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ของชาวยุโรปในยุคกลาง โดยที่เชื่อว่า บุคคลที่เป็นมนุษย์หมาป่าจะกลายร่างเป็นหมาป่าในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง อาจจะแปลงร่างเป็นหมาป่าทั้งตัวเลยก็ได้ หรือครึ่งคนครึ่งหมาป่า หรือแม้กระทั่งแปลงเป็นสัตว์ป่าชนิดอื่น เช่น หมี เป็นต้น โดยที่วิธีการฆ่ามนุษย์หมาป่าจะคล้าย ๆ กับแวมไพร์ โดยตอกด้วยลิ่ม หรือเผา ที่เห็นบ่อยโดยเฉพาะในภาพยนตร์ก็คือ การยิงด้วยกระสุนที่ทำจากเงินหรือกระสุนผ่านการปลุกเสก มนุษย์หมาป่าก็แพ้แสงแดด[ต้องการอ้างอิง] และถูกตามล่าเหมือนกับแวมไพร์

เป็นไปได้ว่าความเชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่านั้น มีที่มาจากความกลัวหมาป่า โดยเฉพาะหมาป่าที่พบในยุโรป ที่มีลำตัวขนาดใหญ่ และมักออกล่าเป็นฝูง โดยอาจดักซุ่มโจมตีมนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงในเวลากลางคืน ผนวกกับความเชื่อและความหวาดกลัวบุคคลนอกสังคม ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจ อย่างแม่มดหรือแวมไพร์ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เรื่องมนุษย์หมาป่านั้น แท้จริงแล้วคือ สัญชาตญาณสัตว์ป่าที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ รากศัพท์ที่มาของคำว่า มนุษย์หมาป่า นั้น Were เป็นภาษาอังกฤษโบราณที่หมายถึง "มนุษย์" นั่นเอง และความเชื่อเรื่องของมนุษย์ที่กลางร่างเป็นกึ่งคนกึ่งสัตว์ที่มีทั่วทุกมุมโลก เช่น ในอเมริกาใต้มีมนุษย์งูเหลือม หรือมนุษย์จระเข้ ที่แอฟริกามีมนุษย์เสือดาว หรือเสือดำ หรือปีศาจช้าง ที่อินเดียมีมนุษย์สิงโต หรือ "นรสิงห์" นั่นเอง หรือในเทพปกรณัมกรีก ก็มีเรื่องของชายผู้หนึ่งที่ถูกเทพซุสสาบให้กลายเป็นหมาป่า ชื่อ "Lycaon" มนุษย์บางเผ่าเช่น ไวกิ้ง เชื่อว่า ตนสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ป่าดุร้ายบางชนิดได้เวลาสู้รบ เป็นต้น และตามสถิติที่เก็บได้ บ่งว่า คืนวันพระจันทร์เต็มดวงนั้น มีแนวโน้มที่จะเกิดอาชญากรรมมากกว่าคืนทั่วไป ทั้งนี้เชื่อว่า อาจเป็นเพราะอิทธิพลของดวงจันทร์
มนุษย์หมาป่า ถ่ายทอดได้จากการดื่มน้ำจากแก้วเดียวกับแก้วที่มนุษย์หมาป่าดื่ม

การเป็นมนุษย์หมาป่า นั้นเชื่อว่า ถ่ายทอดได้หลายทาง ทางหนึ่ง คือ การดื่มน้ำจากแก้วเดียวกับแก้วที่มนุษย์หมาป่าดื่ม บางครั้งคนธรรมดาก็โดนคำสาปให้เป็น มนุษย์หมาป่า เชื่อกันว่า มนุษย์หมาป่า ถ่ายทอดถึงลูกหลานได้ นักปราชญ์ชาว สวิส ชื่อ พาราเซลซุส ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 คิดว่ามนุษย์หมาป่า เป็นการกลับมาของดวงวิญญาณของคนที่มีบาป และเคยทำความชั่วไว้ในขณะมีชีวิตอยู่ ลักษณะของคนที่เป็น มนุษย์หมาป่า สังเกตได้ คือ มีขนตามร่างกายมากผิดปกติ หรือมีลักษณะการเดินแปลก ๆ บางคนอยากเป็น มนุษย์หมาป่าและใช้เวทมนตร์คาถาที่มีเฉพาะให้กลายเป็นมนุษย์หมาป่าต้องประกอบพิธีกรรมเริ่มด้วยการเปลื้องผ้าร่ายมนต์ สวมใส่เข็มขัดและหน้ากากขนหมาป่า ไม่ว่าการกลายร่างเป็น มนุษย์หมาป่าจะเป็นไปโดยตั้งใจหรือไม่ มันก็จะเกิดขึ้นเฉพาะเวลากลางคืนในคืนพระจันทร์เต็มดวง



jerrysoft
#26
02-01-2010 - 14:29:50

#26 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:29:50 ]





ม็อทแมน

เป็นสิ่งมีชีวิตปริศนา ที่พบกันที่ รัฐเวสท์เวอร์จิเนียมีลักษณะคล้ายๆค้างคาวปนตัวมอธ ลักษณะท่าทางการเคลื่อนไหวเหมือนค้างคาวบวกผีเสื้อกลางคืน พบเห็นเป็นครั้งแรกเมื่อ 12 พ.ย. ค.ศ. 1966 และก็พบเห็นกันเรื่อยมา

อาจกล่าวได้ว่าทศวรรษที่ 70-80 นั้น ม็อทแมน ถือเป็นตัวประหลาดแห่งปี เพราะมีข่าวของการพบมันกันหนาหูมากๆ แรกทีเดียวนั้น ตำรวจและเจ้าหน้าที่ คิดว่าเป็นแค่การเล่นพิเรนทร์ของวัยรุ่นหรือพวกจิตป่วนที่คิดจะแต่งตัวเลียนแบบ แบล็คแมน ซึ่งเป็นทีวีซีรี่ย์ที่ดังมากๆในสมัยนั้น เอาไปเอามาชักไม่ใช่แล้วสิครับ เพราะ ม็อทแมน ไปเกี่ยวพันกับปรากฏการณ์แปลกๆ น่ากลัวหลายๆครั้ง เช่น การถล่มของสะพาน Silver Bridge ตึกถล่ม หรือแม้แต่การปรากฏของ UFO ในหลายๆครั้ง แบบว่าไปที่ไหนซวยถึงนั้น



โดยลักษณะคร่าวๆ เกี่ยวกับเจ้าม็อทแมนนี้ก็จากคำบอกเล่า สรุปได้ดังต่อไปนี้

1. สูงประมาณเจ็ดฟิท ไม่มีหัว ตาอยู่แถวๆ อก

2. ปีกกว้างประมาณ 10 ฟิท สีปีกสีเทา

3. ผิวมีเกล็ดมาก

4. ตาสีแดง เปร่งแสงได้ และมีอำนาจสะกดจิต

5. บินได้

6. สามารถบินไกล ความเร็วประมาณ 100 ไมล์ชั่วโมง

7. มีเสียงกรี๊ดร้องเหมือนสุนัข

8. บางครั้งเสียงร้องแหลมเหมือนเกี่ยวกับสัตว์ที่ใช้ฟันแทะ หรือเครื่องยนต์ไฟฟ้า

9. สามารถก่อกวนเคลื่อนวิทยุ โทรทัศน์ได้

10. มีพลังจิตรู้อนาคต



ไม่มีใครรู้ว่า ม็อทแมนแท้ที่จริงคือตัวอะไรกันแน่ แต่ข่าวที่เชื่อได้ก็คือ ในช่วงที่ ม็อทแมนปรากฏตัว จะมีชายแปลกหน้าใส่ชุดสีดำ หรือ น้ำตาลป้วนเ...ยนอยู่บริเวณใกล้เคียงเสมอๆ
 72563


jerrysoft
#27
02-01-2010 - 14:30:02

#27 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:30:02 ]




 72564


jerrysoft
#28
02-01-2010 - 14:32:23

#28 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:32:23 ]




15 พฤศจิกายน 1966


สองคู่หนุ่ม-สาวแต่งงาน David และ Linda Scarberry และ Steve และ Mary Mallette กำลังเดินทางตอนกลางคืนในเวสท์เวอร์จิเนียตะวันตก และผ่านโรงงาน และสถานีสัตว์ป่า ทันใดนั้นพวกเขาก็สังเกตเห็นดวงไฟสีแดงสองดวงในเงามืดใกล้ประตูรั้วโรงงาน เลยเกิดสงสัย จึงหยุดรถ, และพบสิ่งที่เหลือเชื่อเข้า เมื่อพบว่าดวงไฟสีแดงสองตัวนั้นคือสัตว์ประหลาดที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต "รูปร่างเหมือนผู้ชาย สูงประมาณหก หรือเจ็ดฟิท มีปีกใหญ่ที่พับน่ากลัวมาก” พวกเขาตกใจกับสิ่งที่เห็นเลยขับรถหนี แต่มันก็พยายามไล่กวาดรถด้วยการบิน ความเร็ว 100 ไมล์เหนือกว่าต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตามพอถึงระยะเวลาหนึ่งมันก็หายไปกลับความมืดแล้ว



24 พฤศจิกายน1966

พยานสี่ผู้คนอ้างว่าเห็นสิ่งมีชีวิตปริศนาบินอยู่เหนือพื้นที่ทดสอบวัตถุระเบิดแรงสูง



วันที่ 25 พฤศจิกายน 1966

ในตอนเช้า วันที่ 25 พฤศจิกายน 1966 Thomas Ury กำลังขับมาถึงเส้นทาง 62 ต้องทิศเหนือ ของเวสท์เวอร์จิเนีย เขาเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดชนิดหนึ่งบินอยู่ข้างรถของเขา และไล่กวดอย่างน่ากลัว



วันที่ 26พฤศจิกายน 1966

นาย Ruth Foster Charleston, ที่ เวอร์จิเนีย ตะวันตกเห็น ม็อทแมน ยืนอยู่บนสนามหญ้าหน้าบ้าน



วันที่ 27พฤศจิกายน 1966

ตอนเช้าของวันที่ 27 พฤศจิกายนหนุ่มสาวพบเห็นม็อทแมนใกล้ตึกเขตก่อสร้าง เวอร์จิเนียตะวันตก และ มีรายงานอย่างอีกครั้งในตอน กลางคืนวันเดียวกันโดยเด็กสองคน


jerrysoft
#29
02-01-2010 - 14:32:45

#29 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:32:45 ]




วันที่ 27พฤศจิกายน 1966 ที่สะพานซิลเวอร์

เพียงไม่กี่เดือนก่อนการถล่มของสะพานซิลเวอร์ ในเวลานั้นพอยท์ พลีเซนท์ รัฐเวสท์เวอร์จิเนียนอกจากมีรายงานการพบเห็นม็อทแมนแล้ว ยังมีรายงานการพบจานบินยูเอฟโอ (UFO) มากมาย หรือการถูกก่อกวนโดยมนุษย์ประหลาดตัวสีเขียว ทำให้รู้สึกว่ากำลังมีสัญญาณเตือนบางอย่างพวกเขารู้

จนกระทั้ง........

สะพานซิลเวอร์เป็นสะพานที่ก่อสร้างขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ด้วยการที่มันถูกยึดโยงไว้ด้วยโซ่เส้นใหญ่ มันมีอายุใกล้จะ 40 ปี

ในวันที่ 15 ธันวาคม 1967 สะพานนี้ก็เริ่มเก่าลงตามกาลเวลา เหมือนใกล้ถล่ม แต่ก็ไม่มีโอกาสซ่อมแซมเพราะยังใช้งานหนักในการจราจรอันหนาแน่นช่วงเทศกาลคริสต์มาส และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ไฟควบคุมการจราจรที่อยู่บนปลายด้านหนึ่งของสะพานไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งสาเหตุที่มันใช้งานไม่ได้กลับไม่ได้ถูกหยิบยกมาพิจารณา.ให้มีการแห้ไขแต่อย่างใด

และวันก่อนที่จะเกิดเหตุมีคนพบเห็นสิ่งลึกลับประหลาดหนึ่งเกาะอยู่บนสะพานซิลเวอร์ จึงได้ถ่ายรูปไว้ก่อนที่มันจะบินหายไปอย่างลึกลับ



ตอนเย็นของวันที่ 15 ธันวาคม 1967 สะพานซิลเวอร์ก็ถล่มลงมาในช่วงที่การจราจรกำลังหนาแน่น ชาวเมืองจำนวน 46 คนเสียชีวิตจากเหตุการณ์หายนะครั้งนี้ ทันทีที่รถยนต์ของพวกเขาจมลึกลงไปในแม่น้ำโอไฮโออันเย็นเฉียบก่อนจะถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดินเพียงเล็กน้อย มันเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในเมืองพอยท์ พลีเซนท์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีจำนวนพลเมืองน้อยกว่า 6,000 คน

หนึ่งในผู้โชคดีที่รอดชีวิตซึ่งขับรถขึ้นไปบนสะพานก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุหายนะเพียงไม่นาน เล่าถึงช่วงเวลานั้นว่า "มีความรู้สึกมั่นใจมากๆว่ามีบางอย่างที่ไม่สู้ดีกำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งฉันไม่อาจเพิกเฉยต่อมันได้" เธอตัดสินใจกลับรถและถอยหลังออกมาจากสะพาน และได้เห็นในวินาทีต่อมาว่าสะพานได้ถล่มลงมาต่อหน้าต่อตาเธอ บางทีอาจเป็นเพราะม็อทแมน (Mothman) มีความผูกพันเป็นพิเศษกับเด็กๆ ซึ่งล่วงรู้ในสิ่งที่เธอไม่รู้ ว่า เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด

ถึงแม้จะมีบางคนที่ยืนยันว่าเป็นเพราะเหล็กที่ใช้สร้างสะพานเกิดหักอย่างกะทันหัน แต่ก็มีรายงานจำนวนมากที่ระบุว่าเห็นแสงไฟสว่างวาบบนท้องฟ้าอันมืดมิดเหนือสะพานก่อนหน้าที่มันจะถล่ม


jerrysoft
#30
02-01-2010 - 14:32:55

#30 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:32:55 ]




เชอร์โนบิล


เดือนเมษายนปี 1986 เกิดข่าวลือแพร่สะพัดในหมู่พนักงานทุกระดับของโรงงานไฟฟ้า ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ เมืองยูเครน (Ukraine) พนักงานทั้งชายและหญิงหลายคนต่างก็รายงานว่าได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาด ซึ่งมักจะเคลื่อนไหวไปมาอยู่ตลอดเวลา บางคนถึงกับฝันร้ายติดต่อกันหลายครั้ง บางคนก็ได้รับโทรศัพท์ข่มขวัญคุกคามอยู่บ่อยๆ อย่างน้อย 4 คนได้เคยเห็นสัตว์ประหลาดที่ใครๆต่างก็พูดกันว่าเป็นมนุษย์ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวดำ ปราศจากศีรษะ ทว่ามีปีกมหึมาติดอยู่ด้านหลังและมีดวงตาสีแดงเพลิง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าของวันเกิดเหตุนั้น ข่าวลือทั้งหลายต่างก็ต้องหยุดลงเมื่อถึงเวลาการทดสอบเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 (Reactor 4) ตามตารางที่ได้กำหนดไว้แล้ว โดยได้มีการเตรียมพร้อมรับกับระดับพลังงานลดลงที่จะเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่หลายคนต่างก็มีความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัดว่า อาจเกิดเหตุหายนะบางอย่างขึ้นในโรงงานไฟฟ้าแห่งนี้

ตอนเช้าของวันที่ 26 เมษายน 1986 โรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์เชอร์โนบิลก็เกิดระเบิดขึ้น มีคนจำนวน 30 คนที่เสียชีวิตในเช้าวันนั้น และมากกว่า 10 คนที่ได้รับผลกระทบจากการแผ่กระจายของกัมมันตภาพรังสี แร่กราไฟท์ (graphite) ในเตาปฏิกรณ์นั้นต้องใช้เวลาในการเผาไหม้นานถึง 9 วัน ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เกิดความเสียหายจากการแผ่รังสีไปทั่วพื้นที่แถบนั้น และในขณะที่เฮลิคอปเตอร์กำลังบินวนรอบๆบริเวณเพื่อโปรยทรายจำนวน 500 ตัน รวมทั้งดินเหนียว, ตะกั่วและสารเคมีอื่นๆลงบนกองเพลิง

เหล่าพนักงานที่รอดชีวิตต่างก็จ้องมองด้วยความไม่เชื่อสายตาตนเอง ว่าได้เห็นนกยักษ์สีดำขนาด 20 ฟุตกำลังบินวนเวียนอยู่ในกลุ่มควันจากเปลวไฟแห่งนั้น


jerrysoft
#31
02-01-2010 - 14:33:21

#31 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:33:21 ]




จีน

ในปี 1926 หนึ่งในเหตุการณ์หายนะทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นบริเวณเทือกเขาทางแถบภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งหนึ่งในเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ทว่าใหญ่เป็นอันดับสองของเขื่อนในประเทศจีน) คือ เขื่อนเซี่ยวเต (Xiaon Te) เขื่อนนี้ได้พังลงมาในตอนบ่ายแก่ๆของวันที่ 19 มกราคม 1926 ส่งผลให้น้ำจำนวนกว่า 40 พันล้านแกลลอนไหลทะลักลงสู่บริเวณพื้นที่เพาะปลูกอันสงบเงียบทางด้านใต้เขื่อน ประชาชนจำนวนกว่า 15,000 คนเสียชีวิต ขณะที่เมืองทั้งเมืองจมลงสู่กระแสอุทกภัยอันเชี่ยวกราก อย่างไรก็ตาม บ้านหลายหลังซึ่งถูกกระแสน้ำพัดกวาดไปไกลเป็นไมล์ๆกลับไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว ในบรรดาผู้รอดชีวิตแทบทุกรายต่างก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการได้เห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับ "มนุษย์มังกร" ผู้มีร่างสีดำ ซึ่งมาปรากฏตัวต่อหน้าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในบริเวณโดยรอบของที่เกิดเหตุ ผู้เห็นเหตุการณ์ได้ให้คำอธิบายถึงความหายนะครั้งนี้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก เนื่องจากบันทึกทางสถิติของหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ได้ถูกทำลายไป เมื่อครั้งที่ระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ได้เข้ามามีอำนาจในประเทศจีน
 72569


jerrysoft
#32
02-01-2010 - 14:33:36

#32 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:33:36 ]




เบอร์มิวด้า

วันที่ 3 มิถุนายน 1983 อัลลิสัน แม็คคาร์รี่ย์ (Alison McCarrey) วางแผนที่จะทำตามฝันของตนและสามี เอริค (Eric) ในการไปเที่ยวชายหาดเบอร์มิวด้า ก่อนวันเดินทางหนึ่งวัน เธองีบหลับไปพักหนึ่งและตื่นขึ้นมาเพื่อรับโทรศัพท์ประหลาดๆ ซึ่งเธอบอกว่าได้ยินเสียงเหมือนรหัสมอร์ส (Morse Code) ส่งเสียงกรีดแหลมแสบแก้วหูและเต็มไปด้วยคลื่นแทรกรบกวน เธอคิดที่จะอัดเสียงจากโทรศัพท์นี้ให้สามีซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับรหัสมอร์สได้ฟัง แต่สายโทรศัพท์กลับถูกตัดไปเสียก่อน เธอจึงกลับไปงีบต่อและตื่นขึ้นมาในตอนเย็นจึงรู้ว่าได้เผลอหลับไปนานถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว ตั้งแต่นั้นเธอก็มัวแต่คิดถึงความฝันอันรบกวนจิตใจเกี่ยวกับร่างมนุษย์สีเทาที่มีปีกสีดำกำลังจ้องมองเธออยู่ ขณะที่เธอกำลังจมลงสู่ใจกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล สามีของเธอกลับถึงบ้านไม่นานหลังจากนั้น และเธอก็ไม่ได้เอ่ยถึงความฝันนั้นออกมาเลย

คืนเดียวกันนั้น เธอนอนไม่หลับและได้ยินเสียงสุนัขพันธุ์สก๊อตต์เทอร์เรียร์ของเธอเอาแต่ส่งเสียงคำราม และพยายามตะกุยพื้นหน้าประตูชั้นล่างอย่างแรง เธอจึงลงไปดูให้รู้และเมื่อมองออกไปนอกบ้าน เธอเล่าให้ฟังในตอนหลังว่า "ฉันอยากจะหัวเราะด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่ฉันก็หัวเราะไม่ออก มันเหมือนกับมีมือมาบีบคอฉัน ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวมาก" บนสนามหญ้าหน้าบ้านของเธอ ปรากฏร่างของชายรูปร่างสูงใหญ่มีปีกซึ่งเป็นคนๆเดียวกับที่เธอเห็นในฝันกำลังยืนอยู่ แล้วชายผู้นั้นก็บินตรงมายังหน้าต่างที่เธอมองออกมา "เขาไม่ได้ขยับเขยื้อนส่วนใดของร่างกายเลย เขาแค่ลอยมาใกล้ๆฉันอย่างทันทีทันใดก็เท่านั้น" แล้วด้วยเสียกรีดร้องอันเต็มไปด้วยความสยองขวัญของเธอก็ปลุกให้สามีเธอตื่นขึ้นมา และเขาก็มาพบเธอกำลังยืนตัวสั่นอยู่ตรงโถงทางเดินของบ้าน เธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้สามีฟังพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย จนกระทั่งในวันถัดไปเธอก็ยังไม่หายจากอาการตัวสั่น สามีของเธอจึงตัดสินใจเลื่อนการเดินทางออกไป

พวกเขาได้พบในเวลาต่อมา เมื่อเพื่อนๆได้โทร.มาหาด้วยความประหลาดใจที่ทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ เนื่องด้วยเครื่องบินที่คาดว่าทั้งสองจะโดยสารไปด้วยนั้น ได้หายสาบสูญไปในพายุที่เกิดขึ้นบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า และไม่มีใครได้ยินข่าวคราวจากมันอีกเลย



ชิคาโก้

ในปี 1951 มีสิ่งแปลกประหลาดหลายประการเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งความตื่นตระหนกต่อสีแดง, ความหวาดกลัวระเบิด และการตามล่าแม่มด ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็ตกอยู่ในอาการหวั่นไหวเล็กๆน้อยๆกับระยะเริ่มต้นของสงครามเย็น และเมืองชิคาโก้ก็ต้องประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ หลายวันก่อนเกิดแผ่นดินไหว ผู้คนที่กำลังล่องเรือในทะเลสาบมิชิแกน (Lake Michigan) ต่างให้การว่ามองเห็นสัตว์ประหลาดร่างยักษ์สีดำหรือ "นกพิราบจากอเวจี" กำลังบินอยู่บริเวณเส้นขอบฟ้าของชิคาโก้ ส่วนพนักงานที่ทำงานล่วงเวลาบนตึกสูงก็รายงานว่ามองเห็นแสงไฟกระพริบวิบวับอยู่เหนือทะเลสาบมิชิแกนเช่นกัน ในวันเกิดแผ่นดินไหวคือวันที่ 5 พฤษภาคมก็มีรายงานหลายฉบับกล่าวถึงสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้ ซึ่งตรงมาเคาะประตูบ้านของพวกเขา หรือที่ยิ่งแปลกไปกว่านั้นก็คือมาเคาะประตูตู้เสื้อผ้าหรือห้องส่วนตัวเลยทีเดียว หรือนี่จะเป็นความพยายามของ ม็อทแมน ที่จะปกป้องคุ้มภัยให้แก่พวกเขา? คู่สามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่งได้เปิดประตูหน้าบ้านมาเผชิญหน้ากับร่างสีเทาขนาดใหญ่ ได้ก้าวเท้าออกมาจากบ้านอย่างไม่มีสติอยู่กับตนเองตรงไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ละแวกใกล้เคียง โดยมีดวงตาสีแดงของเจ้าสัตว์ประหลาดคอยบงการ และเมื่อพวกเขาตื่นขึ้นจากการตกอยู่ในภวังค์ เจ้าสัตว์ประหลาดก็ได้หายตัวไปเสียแล้ว และแผ่นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างแรง อพาร์ทเมนท์หลังที่พวกเขาอาศัยอยู่ที่ชั้นล่างสุดนั้นก็ถล่มลงมา และมีผู้เสียชีวิตในซากตึกนี้ถึง 12 คนซึ่งเป็นจำนวนของผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้


jerrysoft
#33
02-01-2010 - 14:33:52

#33 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:33:52 ]








เนสซี (Nessie) คือสิ่งมีชีวิตลึกลับชนิดหนึ่งที่เชื่อว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อกเนสส์ แคว้นสกอตแลนด์ เชื่อว่ามีรูปร่างคล้ายเพลสสิโอซอรัส (Plesiosaurus) หรือ อีลาสโมซอรัส (Elasmosaurus) สัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยในทะเลยุคเดียวกับไดโนเสาร์ มีผู้อ้างว่าเคยพบเห็นถึงปัจจุบันกว่า 4,000 ครั้ง และมีรูปถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพยนตร์มากมาย โดยเอกสารแรกสุดที่กล่าวถึงเนสซี คือ บันทึกของบาทหลวงเซนต์โคลัมบา เมื่อราว 1,400 ปี ที่แล้ว กล่าวถึงมังกรที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ และท่านเองก็เคยทำพิธีขับไล่มังกรตัวนี้ด้วย

ใน พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) ได้มีการตัดถนนผ่านทะเลสาบล็อกเนสส์ จึงมีผู้พบเห็นเนสซีมากขึ้น โดยมีผู้อ้างว่า ขณะเขาขับขี่มอเตอร์ไซค์นั้น เห็นเนสซีขึ้นมาบนบก ไฟจากหน้ารถที่ส่องไปถูกตัวทำให้เห็นว่าเนสซีมีรูปร่างคล้ายเพลสิโอซอรัส และต่อมาก็ได้มีผู้ถ่ายรูปไว้ได้มากมายทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงเงาตะคุ่ม ๆ หรือคลื่นน้ำที่เคลื่อนไหวบนผิวน้ำเท่านั้น ต่อมา ทางมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมได้ทำการค้นคว้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยใช้เรือติดสัญญาณโซนาร์หลายลำแล่นไปบนพื้นผิวน้ำ เรียกว่า "ปฏิบัติการดีปสแกน" (Deepscan Operation) ปรากฏว่า โซนาร์ได้สะท้อนถึงเงาของวัตถุบางอย่างขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนตัวใต้น้ำ แต่บางคนคิดว่าอาจเป็นเพียงฝูงปลาธรรมดา ๆ


รูปจากจอโซนาร์เรื่องราวเกี่ยวกับเนสซีมีทั้งผู้ที่เชื่อและผู้ที่ไม่เชื่อ โดยผู้ที่เชื่อนั้นเชื่อว่า เนสซีอาจเป็นไดโนเสาร์ที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยสภาพทางภูมิศาสตร์ของทะเลสาบล็อกเนสส์ในยุคโบราณนั้นเคยเป็นทะเลมาก่อน ไดโนเสาร์ในสมัยนั้นอาจเข้ามาอยู่อาศัยจนสภาพของพื้นที่เปลี่ยนไป กลายเป็นพื้นที่ปิดและปราศจากสิ่งรบกวน สัตว์ที่อาศัยอยู่ในนี้จึงยังหลงเหลืออยู่และมีสภาพไม่เปลี่ยนแปลงจากครั้งแรกที่เข้ามาอาศัย ไม่เพียงเท่านั้นแหล่งน้ำหรือทะเลสาบที่มีลักษณะใกล้เคียงกับล็อกเนสส์ที่อื่น ๆ และบริเวณใกล้เคียงกันก็มีรายงานของสิ่งประหลาดที่คล้ายกับเนสซีด้วย ขณะที่ฝ่ายที่ไม่เชื่อนั้นเชื่อว่า รูปถ่ายหรือภาพเคลื่อนไหวที่ได้นั้น อาจไม่ใช่เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับเนสซีเลย และทั้งหมดทำขึ้นก็เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ทะเลสาบแห่งนี้โด่งดังขึ้น โดยบางรูปเชื่อว่าเป็นเพียงหางของตัวนากที่กำลังดำน้ำหรือเป็นขอนไม้หรือวัสดุต่าง ๆ ที่กำลังลอยน้ำอยู่

ทุกวันนี้ เรื่องราวของเนสซีก็ยังเป็นเรื่องลึกลับที่เป็นที่สนใจของคนทั้งโลก มีผู้ไปสำรวจและศึกษามากมาย แต่ก็ยังไม่เคยมีผู้ใดได้หลักฐานของเนสซีที่หนักแน่นสักราย อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเนสซีก็สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลสกอตแลนด์และชุมนุมใกล้เคียงเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก


ภาพนิ่งที่มีชื่อเสียงอีกภาพหนึ่งของเนสซี ซึ่งเป็นภาพนิ่งที่ชัดเจนที่สุด ถ่ายในปี พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977)ปัจจุบันทางบริษัทวิลเลียมฮิลล์ บริษัทพนันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้ประกาศออกมาว่าจะให้เงินรางวัลจำนวน 1 ล้านปอนด์หรือประมาณ 70 ล้านบาทแก่ผู้ที่สามารถหาหลักฐานได้ว่าเนสซีมีอยู่จริง ในวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) นายกอร์ดอน โฮล์มส เจ้าหน้าที่เทคนิคห้องแล็บได้อ้างว่า สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวของสิ่งที่เชื่อว่าเป็นเนสซีได้ด้วยความยาวถึง 2 นาทีครึ่งขณะนั่งชมทิวทัศน์อยู่ริมทะเลสาบล็อกเนสส์ ซึ่งภาพของนายโฮล์มสครั้งนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นของเนสซีที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา นายเอเดียน ไชน์ นักชีววิทยาสัตว์น้ำ ได้ตรวจสอบภาพของนายโฮล์มสแล้วมีความเห็นว่า เป็นการยากที่จะเป็นการตกแต่งหรือทำปลอมขึ้น เพราะภาพไม่ได้จับเฉพาะแต่สัตว์ประหลาด แต่ยังถ่ายไปถึงภูเขารอบทะเลสาบด้วย จึงสามารถเปรียบเทียบความเร็วและขนาดของสิ่งที่เคลื่อนไหวในน้ำได้ด้วย โดยเชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีความยาวประมาณ 15 เมตร เคลื่อนที่ด้วยการว่ายน้ำด้วยความเร็วถึง 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และภาพบางส่วนยังจับให้เห็นสิ่งที่คล้ายครีบด้วย ซึ่งวีดีโอภาพชุดนี้เป็นที่ฮือฮาและกล่าวขานอย่างมากในสหราชอาณาจักร เมื่อได้ถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะโดยสำนักข่าวบีบีซีในอีก 3 วันถัดมา มีผู้คนมากมายที่ทั้งเชื่อและไม่เชื่อ และต่อมาไม่นานได้มีการเปิดเผยว่ารัฐบาลสหราชอาณาจักรเพิ่งจะเปิดเผยข้อมูลลับว่า ทางรัฐบาลเชื่อว่า เนสซีมีอยู่จริง ตั้งแต่สมัยนางมาร์กาเรต แทตเชอร์เป็นนายกรัฐมนตรี และอยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองและอนุรักษ์สัตว์ป่าของอังกฤษที่ครอบคลุมทั้งสัตว์ที่รู้จักและไม่รู้จักหลายชนิด

จากวิกิพีเดีย
อ่านทำไม อ่านไม่ออก ( ตากลม ตากลม )



--------------------------------------------------------------------------------




ชื่อในเกม lll4545
วันที่โพส 7/12/2552 1213
จำนวนการตั้งกระทู้ 5
จำนวนการตอบ 118
สถานะ Offline
เพศ หญิง
วันที่สมัคร 8/9/2552 1815
Family -




อยากเก่งนะ เป็นอารายมิทราบ - -;
อ่านทำไม อ่านไม่ออก ( ตากลม ตากลม )



--------------------------------------------------------------------------------




ชื่อในเกม lll4545
วันที่โพส 7/12/2552 1236
จำนวนการตั้งกระทู้ 5
จำนวนการตอบ 118
สถานะ Offline
เพศ หญิง
วันที่สมัคร 8/9/2552 1815
Family -




ใครรู้จัก Mothman มั้ง


อ่านทำไม อ่านไม่ออก ( ตากลม ตากลม )



--------------------------------------------------------------------------------




ชื่อในเกม lll4545
วันที่โพส 7/12/2552 1241
จำนวนการตั้งกระทู้ 5
จำนวนการตอบ 118
สถานะ Offline
เพศ หญิง
วันที่สมัคร 8/9/2552 1815
Family -




... ใครรู้โปรดแจ้ง
อ่านทำไม อ่านไม่ออก ( ตากลม ตากลม )



--------------------------------------------------------------------------------




ชื่อในเกม lll4545
วันที่โพส 7/12/2552 1243
จำนวนการตั้งกระทู้ 5
จำนวนการตอบ 118
สถานะ Offline
เพศ หญิง
วันที่สมัคร 8/9/2552 1815
Family -






ม็อทแมน

เป็นสิ่งมีชีวิตปริศนา ที่พบกันที่ รัฐเวสท์เวอร์จิเนียมีลักษณะคล้ายๆค้างคาวปนตัวมอธ ลักษณะท่าทางการเคลื่อนไหวเหมือนค้างคาวบวกผีเสื้อกลางคืน พบเห็นเป็นครั้งแรกเมื่อ 12 พ.ย. ค.ศ. 1966 และก็พบเห็นกันเรื่อยมา

อาจกล่าวได้ว่าทศวรรษที่ 70-80 นั้น ม็อทแมน ถือเป็นตัวประหลาดแห่งปี เพราะมีข่าวของการพบมันกันหนาหูมากๆ แรกทีเดียวนั้น ตำรวจและเจ้าหน้าที่ คิดว่าเป็นแค่การเล่นพิเรนทร์ของวัยรุ่นหรือพวกจิตป่วนที่คิดจะแต่งตัวเลียนแบบ แบล็คแมน ซึ่งเป็นทีวีซีรี่ย์ที่ดังมากๆในสมัยนั้น เอาไปเอามาชักไม่ใช่แล้วสิครับ เพราะ ม็อทแมน ไปเกี่ยวพันกับปรากฏการณ์แปลกๆ น่ากลัวหลายๆครั้ง เช่น การถล่มของสะพาน Silver Bridge ตึกถล่ม หรือแม้แต่การปรากฏของ UFO ในหลายๆครั้ง แบบว่าไปที่ไหนซวยถึงนั้น



โดยลักษณะคร่าวๆ เกี่ยวกับเจ้าม็อทแมนนี้ก็จากคำบอกเล่า สรุปได้ดังต่อไปนี้

1. สูงประมาณเจ็ดฟิท ไม่มีหัว ตาอยู่แถวๆ อก

2. ปีกกว้างประมาณ 10 ฟิท สีปีกสีเทา

3. ผิวมีเกล็ดมาก

4. ตาสีแดง เปร่งแสงได้ และมีอำนาจสะกดจิต

5. บินได้

6. สามารถบินไกล ความเร็วประมาณ 100 ไมล์ชั่วโมง

7. มีเสียงกรี๊ดร้องเหมือนสุนัข

8. บางครั้งเสียงร้องแหลมเหมือนเกี่ยวกับสัตว์ที่ใช้ฟันแทะ หรือเครื่องยนต์ไฟฟ้า

9. สามารถก่อกวนเคลื่อนวิทยุ โทรทัศน์ได้

10. มีพลังจิตรู้อนาคต



ไม่มีใครรู้ว่า ม็อทแมนแท้ที่จริงคือตัวอะไรกันแน่ แต่ข่าวที่เชื่อได้ก็คือ ในช่วงที่ ม็อทแมนปรากฏตัว จะมีชายแปลกหน้าใส่ชุดสีดำ หรือ น้ำตาลป้วนเ...ยนอยู่บริเวณใกล้เคียงเสมอๆ


อ่านทำไม อ่านไม่ออก ( ตากลม ตากลม )



--------------------------------------------------------------------------------




ชื่อในเกม lll4545
วันที่โพส 7/12/2552 1217
จำนวนการตั้งกระทู้ 5
จำนวนการตอบ 118
สถานะ Offline
เพศ หญิง
วันที่สมัคร 8/9/2552 1815
Family -




15 พฤศจิกายน 1966


สองคู่หนุ่ม-สาวแต่งงาน David และ Linda Scarberry และ Steve และ Mary Mallette กำลังเดินทางตอนกลางคืนในเวสท์เวอร์จิเนียตะวันตก และผ่านโรงงาน และสถานีสัตว์ป่า ทันใดนั้นพวกเขาก็สังเกตเห็นดวงไฟสีแดงสองดวงในเงามืดใกล้ประตูรั้วโรงงาน เลยเกิดสงสัย จึงหยุดรถ, และพบสิ่งที่เหลือเชื่อเข้า เมื่อพบว่าดวงไฟสีแดงสองตัวนั้นคือสัตว์ประหลาดที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต "รูปร่างเหมือนผู้ชาย สูงประมาณหก หรือเจ็ดฟิท มีปีกใหญ่ที่พับน่ากลัวมาก” พวกเขาตกใจกับสิ่งที่เห็นเลยขับรถหนี แต่มันก็พยายามไล่กวาดรถด้วยการบิน ความเร็ว 100 ไมล์เหนือกว่าต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตามพอถึงระยะเวลาหนึ่งมันก็หายไปกลับความมืดแล้ว



24 พฤศจิกายน1966

พยานสี่ผู้คนอ้างว่าเห็นสิ่งมีชีวิตปริศนาบินอยู่เหนือพื้นที่ทดสอบวัตถุระเบิดแรงสูง



วันที่ 25 พฤศจิกายน 1966

ในตอนเช้า วันที่ 25 พฤศจิกายน 1966 Thomas Ury กำลังขับมาถึงเส้นทาง 62 ต้องทิศเหนือ ของเวสท์เวอร์จิเนีย เขาเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดชนิดหนึ่งบินอยู่ข้างรถของเขา และไล่กวดอย่างน่ากลัว



วันที่ 26พฤศจิกายน 1966

นาย Ruth Foster Charleston, ที่ เวอร์จิเนีย ตะวันตกเห็น ม็อทแมน ยืนอยู่บนสนามหญ้าหน้าบ้าน



วันที่ 27พฤศจิกายน 1966

ตอนเช้าของวันที่ 27 พฤศจิกายนหนุ่มสาวพบเห็นม็อทแมนใกล้ตึกเขตก่อสร้าง เวอร์จิเนียตะวันตก และ มีรายงานอย่างอีกครั้งในตอน กลางคืนวันเดียวกันโดยเด็กสองคน
อ่านทำไม อ่านไม่ออก ( ตากลม ตากลม )



--------------------------------------------------------------------------------


No image

ชื่อในเกม อยากเก่งนะ
วันที่โพส 7/12/2552 1254
จำนวนการตั้งกระทู้ 1
จำนวนการตอบ 22
สถานะ Offline
เพศ ชาย
วันที่สมัคร 19/10/2552 2006
Family -




เป็นบ้า ... . .. . . . . . . ขอถามหน่อย ป่าอะเมซอนเป็นเหมือนอะไรของโลก




--------------------------------------------------------------------------------




ชื่อในเกม lll4545
วันที่โพส 7/12/2552 1256
จำนวนการตั้งกระทู้ 5
จำนวนการตอบ 118
สถานะ Offline
เพศ หญิง
วันที่สมัคร 8/9/2552 1815
Family -




วันที่ 27พฤศจิกายน 1966 ที่สะพานซิลเวอร์

เพียงไม่กี่เดือนก่อนการถล่มของสะพานซิลเวอร์ ในเวลานั้นพอยท์ พลีเซนท์ รัฐเวสท์เวอร์จิเนียนอกจากมีรายงานการพบเห็นม็อทแมนแล้ว ยังมีรายงานการพบจานบินยูเอฟโอ (UFO) มากมาย หรือการถูกก่อกวนโดยมนุษย์ประหลาดตัวสีเขียว ทำให้รู้สึกว่ากำลังมีสัญญาณเตือนบางอย่างพวกเขารู้

จนกระทั้ง........

สะพานซิลเวอร์เป็นสะพานที่ก่อสร้างขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ด้วยการที่มันถูกยึดโยงไว้ด้วยโซ่เส้นใหญ่ มันมีอายุใกล้จะ 40 ปี

ในวันที่ 15 ธันวาคม 1967 สะพานนี้ก็เริ่มเก่าลงตามกาลเวลา เหมือนใกล้ถล่ม แต่ก็ไม่มีโอกาสซ่อมแซมเพราะยังใช้งานหนักในการจราจรอันหนาแน่นช่วงเทศกาลคริสต์มาส และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ไฟควบคุมการจราจรที่อยู่บนปลายด้านหนึ่งของสะพานไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งสาเหตุที่มันใช้งานไม่ได้กลับไม่ได้ถูกหยิบยกมาพิจารณา.ให้มีการแห้ไขแต่อย่างใด

และวันก่อนที่จะเกิดเหตุมีคนพบเห็นสิ่งลึกลับประหลาดหนึ่งเกาะอยู่บนสะพานซิลเวอร์ จึงได้ถ่ายรูปไว้ก่อนที่มันจะบินหายไปอย่างลึกลับ



ตอนเย็นของวันที่ 15 ธันวาคม 1967 สะพานซิลเวอร์ก็ถล่มลงมาในช่วงที่การจราจรกำลังหนาแน่น ชาวเมืองจำนวน 46 คนเสียชีวิตจากเหตุการณ์หายนะครั้งนี้ ทันทีที่รถยนต์ของพวกเขาจมลึกลงไปในแม่น้ำโอไฮโออันเย็นเฉียบก่อนจะถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดินเพียงเล็กน้อย มันเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในเมืองพอยท์ พลีเซนท์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีจำนวนพลเมืองน้อยกว่า 6,000 คน

หนึ่งในผู้โชคดีที่รอดชีวิตซึ่งขับรถขึ้นไปบนสะพานก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุหายนะเพียงไม่นาน เล่าถึงช่วงเวลานั้นว่า "มีความรู้สึกมั่นใจมากๆว่ามีบางอย่างที่ไม่สู้ดีกำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งฉันไม่อาจเพิกเฉยต่อมันได้" เธอตัดสินใจกลับรถและถอยหลังออกมาจากสะพาน และได้เห็นในวินาทีต่อมาว่าสะพานได้ถล่มลงมาต่อหน้าต่อตาเธอ บางทีอาจเป็นเพราะม็อทแมน (Mothman) มีความผูกพันเป็นพิเศษกับเด็กๆ ซึ่งล่วงรู้ในสิ่งที่เธอไม่รู้ ว่า เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด

ถึงแม้จะมีบางคนที่ยืนยันว่าเป็นเพราะเหล็กที่ใช้สร้างสะพานเกิดหักอย่างกะทันหัน แต่ก็มีรายงานจำนวนมากที่ระบุว่าเห็นแสงไฟสว่างวาบบนท้องฟ้าอันมืดมิดเหนือสะพานก่อนหน้าที่มันจะถล่ม








อ่านทำไม อ่านไม่ออก ( ตากลม ตากลม )



--------------------------------------------------------------------------------




ชื่อในเกม lll4545
วันที่โพส 7/12/2552 1245
จำนวนการตั้งกระทู้ 5
จำนวนการตอบ 118
สถานะ Offline
เพศ หญิง
วันที่สมัคร 8/9/2552 1815
Family -




เชอร์โนบิล


เดือนเมษายนปี 1986 เกิดข่าวลือแพร่สะพัดในหมู่พนักงานทุกระดับของโรงงานไฟฟ้า ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ เมืองยูเครน (Ukraine) พนักงานทั้งชายและหญิงหลายคนต่างก็รายงานว่าได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาด ซึ่งมักจะเคลื่อนไหวไปมาอยู่ตลอดเวลา บางคนถึงกับฝันร้ายติดต่อกันหลายครั้ง บางคนก็ได้รับโทรศัพท์ข่มขวัญคุกคามอยู่บ่อยๆ อย่างน้อย 4 คนได้เคยเห็นสัตว์ประหลาดที่ใครๆต่างก็พูดกันว่าเป็นมนุษย์ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวดำ ปราศจากศีรษะ ทว่ามีปีกมหึมาติดอยู่ด้านหลังและมีดวงตาสีแดงเพลิง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าของวันเกิดเหตุนั้น ข่าวลือทั้งหลายต่างก็ต้องหยุดลงเมื่อถึงเวลาการทดสอบเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 (Reactor 4) ตามตารางที่ได้กำหนดไว้แล้ว โดยได้มีการเตรียมพร้อมรับกับระดับพลังงานลดลงที่จะเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่หลายคนต่างก็มีความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัดว่า อาจเกิดเหตุหายนะบางอย่างขึ้นในโรงงานไฟฟ้าแห่งนี้

ตอนเช้าของวันที่ 26 เมษายน 1986 โรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์เชอร์โนบิลก็เกิดระเบิดขึ้น มีคนจำนวน 30 คนที่เสียชีวิตในเช้าวันนั้น และมากกว่า 10 คนที่ได้รับผลกระทบจากการแผ่กระจายของกัมมันตภาพรังสี แร่กราไฟท์ (graphite) ในเตาปฏิกรณ์นั้นต้องใช้เวลาในการเผาไหม้นานถึง 9 วัน ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เกิดความเสียหายจากการแผ่รังสีไปทั่วพื้นที่แถบนั้น และในขณะที่เฮลิคอปเตอร์กำลังบินวนรอบๆบริเวณเพื่อโปรยทรายจำนวน 500 ตัน รวมทั้งดินเหนียว, ตะกั่วและสารเคมีอื่นๆลงบนกองเพลิง

เหล่าพนักงานที่รอดชีวิตต่างก็จ้องมองด้วยความไม่เชื่อสายตาตนเอง ว่าได้เห็นนกยักษ์สีดำขนาด 20 ฟุตกำลังบินวนเวียนอยู่ในกลุ่มควันจากเปลวไฟแห่งนั้น
อ่านทำไม อ่านไม่ออก ( ตากลม ตากลม )



--------------------------------------------------------------------------------




ชื่อในเกม lll4545
วันที่โพส 7/12/2552 1209
จำนวนการตั้งกระทู้ 5
จำนวนการตอบ 118
สถานะ Offline
เพศ หญิง
วันที่สมัคร 8/9/2552 1815
Family -




จีน

ในปี 1926 หนึ่งในเหตุการณ์หายนะทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นบริเวณเทือกเขาทางแถบภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งหนึ่งในเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ทว่าใหญ่เป็นอันดับสองของเขื่อนในประเทศจีน) คือ เขื่อนเซี่ยวเต (Xiaon Te) เขื่อนนี้ได้พังลงมาในตอนบ่ายแก่ๆของวันที่ 19 มกราคม 1926 ส่งผลให้น้ำจำนวนกว่า 40 พันล้านแกลลอนไหลทะลักลงสู่บริเวณพื้นที่เพาะปลูกอันสงบเงียบทางด้านใต้เขื่อน ประชาชนจำนวนกว่า 15,000 คนเสียชีวิต ขณะที่เมืองทั้งเมืองจมลงสู่กระแสอุทกภัยอันเชี่ยวกราก อย่างไรก็ตาม บ้านหลายหลังซึ่งถูกกระแสน้ำพัดกวาดไปไกลเป็นไมล์ๆกลับไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว ในบรรดาผู้รอดชีวิตแทบทุกรายต่างก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการได้เห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับ "มนุษย์มังกร" ผู้มีร่างสีดำ ซึ่งมาปรากฏตัวต่อหน้าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในบริเวณโดยรอบของที่เกิดเหตุ ผู้เห็นเหตุการณ์ได้ให้คำอธิบายถึงความหายนะครั้งนี้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก เนื่องจากบันทึกทางสถิติของหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ได้ถูกทำลายไป เมื่อครั้งที่ระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ได้เข้ามามีอำนาจในประเทศจีน


อ่านทำไม อ่านไม่ออก ( ตากลม ตากลม )



--------------------------------------------------------------------------------




ชื่อในเกม lll4545
วันที่โพส 7/12/2552 1206
จำนวนการตั้งกระทู้ 5
จำนวนการตอบ 118
สถานะ Offline
เพศ หญิง
วันที่สมัคร 8/9/2552 1815
Family -




เบอร์มิวด้า

วันที่ 3 มิถุนายน 1983 อัลลิสัน แม็คคาร์รี่ย์ (Alison McCarrey) วางแผนที่จะทำตามฝันของตนและสามี เอริค (Eric) ในการไปเที่ยวชายหาดเบอร์มิวด้า ก่อนวันเดินทางหนึ่งวัน เธองีบหลับไปพักหนึ่งและตื่นขึ้นมาเพื่อรับโทรศัพท์ประหลาดๆ ซึ่งเธอบอกว่าได้ยินเสียงเหมือนรหัสมอร์ส (Morse Code) ส่งเสียงกรีดแหลมแสบแก้วหูและเต็มไปด้วยคลื่นแทรกรบกวน เธอคิดที่จะอัดเสียงจากโทรศัพท์นี้ให้สามีซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับรหัสมอร์สได้ฟัง แต่สายโทรศัพท์กลับถูกตัดไปเสียก่อน เธอจึงกลับไปงีบต่อและตื่นขึ้นมาในตอนเย็นจึงรู้ว่าได้เผลอหลับไปนานถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว ตั้งแต่นั้นเธอก็มัวแต่คิดถึงความฝันอันรบกวนจิตใจเกี่ยวกับร่างมนุษย์สีเทาที่มีปีกสีดำกำลังจ้องมองเธออยู่ ขณะที่เธอกำลังจมลงสู่ใจกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล สามีของเธอกลับถึงบ้านไม่นานหลังจากนั้น และเธอก็ไม่ได้เอ่ยถึงความฝันนั้นออกมาเลย

คืนเดียวกันนั้น เธอนอนไม่หลับและได้ยินเสียงสุนัขพันธุ์สก๊อตต์เทอร์เรียร์ของเธอเอาแต่ส่งเสียงคำราม และพยายามตะกุยพื้นหน้าประตูชั้นล่างอย่างแรง เธอจึงลงไปดูให้รู้และเมื่อมองออกไปนอกบ้าน เธอเล่าให้ฟังในตอนหลังว่า "ฉันอยากจะหัวเราะด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่ฉันก็หัวเราะไม่ออก มันเหมือนกับมีมือมาบีบคอฉัน ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวมาก" บนสนามหญ้าหน้าบ้านของเธอ ปรากฏร่างของชายรูปร่างสูงใหญ่มีปีกซึ่งเป็นคนๆเดียวกับที่เธอเห็นในฝันกำลังยืนอยู่ แล้วชายผู้นั้นก็บินตรงมายังหน้าต่างที่เธอมองออกมา "เขาไม่ได้ขยับเขยื้อนส่วนใดของร่างกายเลย เขาแค่ลอยมาใกล้ๆฉันอย่างทันทีทันใดก็เท่านั้น" แล้วด้วยเสียกรีดร้องอันเต็มไปด้วยความสยองขวัญของเธอก็ปลุกให้สามีเธอตื่นขึ้นมา และเขาก็มาพบเธอกำลังยืนตัวสั่นอยู่ตรงโถงทางเดินของบ้าน เธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้สามีฟังพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย จนกระทั่งในวันถัดไปเธอก็ยังไม่หายจากอาการตัวสั่น สามีของเธอจึงตัดสินใจเลื่อนการเดินทางออกไป

พวกเขาได้พบในเวลาต่อมา เมื่อเพื่อนๆได้โทร.มาหาด้วยความประหลาดใจที่ทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ เนื่องด้วยเครื่องบินที่คาดว่าทั้งสองจะโดยสารไปด้วยนั้น ได้หายสาบสูญไปในพายุที่เกิดขึ้นบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า และไม่มีใครได้ยินข่าวคราวจากมันอีกเลย



ชิคาโก้

ในปี 1951 มีสิ่งแปลกประหลาดหลายประการเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งความตื่นตระหนกต่อสีแดง, ความหวาดกลัวระเบิด และการตามล่าแม่มด ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็ตกอยู่ในอาการหวั่นไหวเล็กๆน้อยๆกับระยะเริ่มต้นของสงครามเย็น และเมืองชิคาโก้ก็ต้องประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ หลายวันก่อนเกิดแผ่นดินไหว ผู้คนที่กำลังล่องเรือในทะเลสาบมิชิแกน (Lake Michigan) ต่างให้การว่ามองเห็นสัตว์ประหลาดร่างยักษ์สีดำหรือ "นกพิราบจากอเวจี" กำลังบินอยู่บริเวณเส้นขอบฟ้าของชิคาโก้ ส่วนพนักงานที่ทำงานล่วงเวลาบนตึกสูงก็รายงานว่ามองเห็นแสงไฟกระพริบวิบวับอยู่เหนือทะเลสาบมิชิแกนเช่นกัน ในวันเกิดแผ่นดินไหวคือวันที่ 5 พฤษภาคมก็มีรายงานหลายฉบับกล่าวถึงสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้ ซึ่งตรงมาเคาะประตูบ้านของพวกเขา หรือที่ยิ่งแปลกไปกว่านั้นก็คือมาเคาะประตูตู้เสื้อผ้าหรือห้องส่วนตัวเลยทีเดียว หรือนี่จะเป็นความพยายามของ ม็อทแมน ที่จะปกป้องคุ้มภัยให้แก่พวกเขา? คู่สามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่งได้เปิดประตูหน้าบ้านมาเผชิญหน้ากับร่างสีเทาขนาดใหญ่ ได้ก้าวเท้าออกมาจากบ้านอย่างไม่มีสติอยู่กับตนเองตรงไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ละแวกใกล้เคียง โดยมีดวงตาสีแดงของเจ้าสัตว์ประหลาดคอยบงการ และเมื่อพวกเขาตื่นขึ้นจากการตกอยู่ในภวังค์ เจ้าสัตว์ประหลาดก็ได้หายตัวไปเสียแล้ว และแผ่นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างแรง อพาร์ทเมนท์หลังที่พวกเขาอาศัยอยู่ที่ชั้นล่างสุดนั้นก็ถล่มลงมา และมีผู้เสียชีวิตในซากตึกนี้ถึง 12 คนซึ่งเป็นจำนวนของผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้


อ่านทำไม อ่านไม่ออก ( ตากลม ตากลม )



--------------------------------------------------------------------------------




ชื่อในเกม lll4545
วันที่โพส 7/12/2552 1247
จำนวนการตั้งกระทู้ 5
จำนวนการตอบ 118
สถานะ Offline
เพศ หญิง
วันที่สมัคร 8/9/2552 1815
Family -




สงครามคาบสมุทรไครเมีย


หนึ่งในเรื่องราวอันแปลกประหลาดที่พอจะเชื่อมโยงกับม็อทแมน ก็คือหนึ่งในเรื่องราวเก่าแก่เรื่องนี้ ระหว่างเกิดสงครามคาบสมุทรไครเมีย การสู้รบนองเลือดครั้งดำเนินความรุนแรงนานถึง 6 วัน จนกระทั่งกองทหารของทั้งสองฝ่ายต่างก็พบว่าในวันถัดไปคือวันที่ 15 มีนาคม อันเป็นวันสำคัญตามปฏิทินโรมัน (The Ides of March) ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความเชื่อถือในเรื่องไสยศาสตร์อย่างรุนแรงพอๆกัน ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือผู้นำกองทัพต่างก็เห็นพ้องต้องกันที่จะกำหนดวันสงบศึก อย่างไรก็ตาม มีทหารรัสเซียจำนวน 5 คนได้วางแผนการดักซุ่มโจมตีศัตรูเพื่อให้การรบครั้งนี้เสร็จสิ้นไป โดยพวกเขาได้ออกมาวางแผนการล่วงล้ำเข้าสู่แดนข้าศึก โดยอาศัยแสงไฟจากตะเกียงจากค่ายพักของตนเอง กลางสนามรบที่จู่ๆอากาศก็เกิดอับทึบขึ้นอย่างกะทันหัน ทหารทั้ง 5 ต่างก็เงยหน้ามองขึ้นบนท้องฟ้าและเห็นนกยักษ์กำลังบินวนเวียนอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา (หนึ่งในผู้รอดชีวิตได้ให้การว่ามันคืออีกา ซึ่งทำให้เรื่องนี้ถูกจัดเข้าไว้ในหมวดตำนานเกี่ยวกับอีกา ทว่ารายละเอียดอีกมากมายจากพยานคนอื่นๆกลับระบุไปที่ม็อทแมน และพวกเขาต่างก็จ้องมองมันดุจต้องมนตร์เลยทีเดียว แล้วเมื่อพวกเขาหันกลับมามาไปด้านหลังก็พบว่าพวกตนได้ก้าวล้วงเข้ามาในเขตศัตรูเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่พวกเขาฉุกคิดขึ้นมาได้ถึงสิ่งที่พวกเขาเชื่อในฐานะกองทหารศัตรู พวกเขาก็ถูกทหารรักษาการณ์สาดกระสุนเข้าใส่อย่างฉับพลัน เสียชีวิตทันทีถึง 3 คน ส่วนรายที่สี่ตกอยู่กลางวงล้อมของเพื่อนร่วมทีมและค่อยๆเสียเลือดจนตาย เหลือเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้จากการใช้ร่างกายของเพื่อนๆเป็นเกราะกำบัง

สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้มีความแปลกพิสดารมาจากคำให้การของทหารรักษาการณ์ฝ่ายรัสเซียที่เห็นเหตุการณ์ ทุกคนต่างก็สบถสาบานว่าทหารทั้ง 5 นายนั้นเป็นทหารฝ่ายชาวเติร์ค (Turkish) ซึ่งแต่งกายด้วยผ้าโพกศีรษะแบบแขกและเสื้อคลุมยาว กำลังส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยเสียงดังที่สุดเท่าที่จะดังได้ และตามติดมาด้วย ฝูงค้าวคาวยักษ์นับพันตัว เวลาเที่ยงคืนชาวเติร์คผู้โกรธเกรี้ยวกระทำแก้แค้นแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน และสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น คือภาพที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ของการสู้รบอันนองเลือดครั้งมโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศ เยอรมันนี



เยอรมันนี

อีกกรณีหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะสนับสนุนเรื่องราวของม็อทแมนคือเหตุการณ์ที่เขาช่วยชีวิตคนอย่างน้อย 21 คน กรรมกรที่มารายงานตัวตามหน้าที่เมื่อวันที่ 10 กันยายน 1978 ที่เหมืองถ่านหินในเมือง ฟรายบูร์ก (Freiburg) ประเทศเยอรมันนี เพื่อค้นหาทางเข้าสู่อุโมงค์เหมืองที่ถูกปิดด้วยฝีมือของร่างลึกลับสีดำน่าสะพรึงกลัวซึ่งมีปีกขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง กรรมกรหลายคนพยายามจะเข้าไปใกล้ตัวสัตว์ประหลาดและเข้าไปภายในเหมือง ด้วยความคิดแค่ว่ามันอาจจะเป็นเพียงวิญญาณที่มาปรากฏให้เห็นเพียงชั่วครู่ แต่แล้วพวกเขาก็ต้องถอยหนีกันออกมา เมื่อเจ้าสัตว์ประหลาดเกิดส่งเสียงกรีดแหลม "เหมือนเสียงกรีดร้องของมนุษย์ 50 คน" หรือ "เสียงเบรคของรถไฟ" ออกมา หลังจากการรอคอยผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เหล่ากรรมกรก็เริ่มจัดการปัดกวาดทำความสะอาดบริเวณภายนอกของเหมือง ด้วยความหวังว่าเจ้าสัตว์ประหลาดจะหนีไป

เวลาประมาณ 8.00 น. พื้นดินบริเวณนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจากแรงระเบิดใต้ดิน และแล้วม็อทแมน ได้จากไป คงเหลือไว้ซึ่งเปลวไฟที่พวยพุ่งเป็นลำออกมาจากปากทางเข้าเหมือง ซึ่งเปลวไฟที่อาจจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดในทันทีถ้าพวกเขายังอยู่ที่นั้น





แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2010-05-03 19:37:22

jerrysoft
#34
02-01-2010 - 14:35:08

#34 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:35:08 ]




แม่มด หมายถึง ... ชายหรือหญิงผู้ใช้เวทมนตร์ประกอบพิธีอันลี้ลับเหนือธรรมชาติ...

ในปี ค.ศ. 1590 พระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ทรงทราบแผนของเอิร์ลแห่งโบทเวลล์ ซึ่งต้องการลอบปลงพระชนม์โดยใช้เวทมนตร์ของแม่มด พระเจ้าเจมส์จึงบัญชาให้จับผู้ร่วมก่อการนั้นทั้งหมดมาทรมานเพื่อให้สารภาพ...จากนั้นทั้งหมดก็ถูกประหารโดยการเผา นี่คือจุดเริ่มต้นของการไล่ล่าแม่มดที่ถูกเล่าขาน "หญิงสาวหรือหญิงชราที่อยู่ตามลำพังคนเดียวตามลำพังมักถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด"...และเชื่อกันว่าแม่มดสามารถเหาะได้และชอบชุมนุมเพื่อร่ายเวทมนตร์หรือต้มยาต่างๆ ผู้ที่ถูกเชื่อว่าเป็นแม่มดจะ" ถูกแขวนคอหรือเผาทั้งเป็น " ซึ่งมีจำนวนนับแสนคนเลยทีเดียว...


แมตทิว ฮอปกินส์ นักล่าแม่มดชื่อดังในยุคนั้น ได้เเขวนคอแม่มดไปถึง 60 คนในปีเดียว...

กระทั่งเข้าสู่ศตวรรษที่ 17 เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศแรกที่ประกาศยกเลิกการประหารแม่มดแต่กว่าจะยุติการประหารแม่มดได้ทุกประเทศก็เกือบปลายศตวรรษ และถือว่าเป็นการยุติยุคของพ่อมดแม่มดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...

แต่เมื่อปลายศตวรรษที่ 20 พ่อมดแม่มดก็กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งจากเรื่อง... "พ่อมดน้อยแฮรี่ พอตเตอร์" ของ เจ. เค. โรว์ลิ่งนั่นเอง...


" การทดสอบความเป็นแม่มด "

การล่าเเม่มดเริ่มต้นด้วยการทดสอบง่ายๆคือ...

- จับโยนลงน้ำถ้าลอย ( ลอยแบบว่าลอยขึ้นมาเหนือน้ำอ่ะ...แบบว่าตัวไม่โดนน้ำ )แสดง
ว่าเป็น " แม่มด " ถ้าจมแล้วคนช่วยไม่ทันก็ตาย

- เปลือยกาย โกนขนทั้งตัว (คิดลึกกันรึป่าวเนี่ย ? ?)เพื่อค้นหาเครื่องหมายของซาตาน

ซึ่งบางครั้งปานหรือไฝฝ้าก็อาจถูกกล่าวหาว่าเป็นเครื่องหมายซาตาน

- ลนไฟที่ข้อมือถ้าไม่เป็นแผลแสดงว่าเป็นแม่มด แต่ถ้าเป็นแผลแสดงว่าเป็นไม่แม่มด

จะเห็นได้ว่า..คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด ไม่มีทางผ่านการทดสอบได้เลย ...
หรือต่อให้ผ่านก็ต้องบาดเจ็บหรือตายนั่นเอง เชื่อว่าทุกท่านคงรู้จักแม่มดกันดี ภาพลักษณ์ของแม่มดที่ติดตาเรามักเป็นหญิงแก่ แต่งกายด้วยชุดดำ มีความน่ากลัวและลี้ลับอยู่ในตัวเอง ชื่อของแม่มดก็บอกอยู่แล้วนะว่า ต้องเป็นผู้หญิงแน่นอน แถมเป็นผู้หญิงชนิดพิเศษ สามารถใช้เวทย์มนตร์คาถา ขี่ไม้กวาดเหาะไปมาได้ แถมยังแบ่งแม่มดออกเป็น แม่มดดำ - แม่มดขาว ซึ่งเป็นลักษณะของเวทย์มนตร์ที่แม่มดใช้ และต้นสังกัดที่แม่มดทั้งหลายสังกัดอยู่

แม่มดดำ คือพวกที่เคารพบูชาซาตาน ( Satan ) และใช้เวทย์มนตร์โดยอาศัยความช่วยเหลือ จากบรรดาภูตร้ายวิญญาณชั่ว สตรีชาวฝรั่งทั้งหลายที่ฝึกเวทย์มนตร์คาถาแนวนี้ นับเป็นแม่มดดำหมดเลย

ส่วนแม่มดขาว เป็นพวกที่นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิเหนือธรรมชาติ ( Supreme being ) หรือไม่ก็อาศัยความช่วยเหลือจาก นางฟ้า นักบุญ รวมไปถึงวิญญาณของคนที่มีคุณธรรม

นี่แหละ คำจำกัดความของแม่มดแบบตะวันตก หลายท่านอาจจะสงสัยว่า แม่มดมีแต่ผู้หญิงไม่มีผู้ชายหรือ ก็มีเหมือนกัน พวกนี้เราจะเรียกว่าพ่อมดหรือ warlock ตัวอย่างของ warlock ที่รู้จักกันดีก็คือเมอร์ลิน พ่อมดเฒ่าที่ปรึกษาของพระเจ้าอาร์เธอนั่นเอง คำว่า " Witch " หรือแม่มดแผลงมาจากคำว่า " wit " ในภาษาแองโกลแซกซอน หมายถึง -To know หรือหยั่งรู้ - ต้องการรู้ ดังนั้น แม่มดจึงหมายถึงพวกที่ต้องการศึกษาหาความรู้ ( ในศาสตร์ลึกลับเหนือธรรมชาติ ) อาจจะด้วยแนวทางที่มีคุณธรรมหรือชั่วร้ายก็ได้ จะว่าไป แม่มดก็เหมือนนักวิทยาศาสตร์ที่เอาแต่สนใจค้นคว้าทดลองเพื่อหาความรู้โดยไม่เลือกวิธีและไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ความแตกต่างระหว่างแม่มดดำกับขาวคือ แม่มดขาวจะยึดศาสนาเป็นที่ตั้ง บางครั้งแม่มดขาวเองก็อาจก่อตั้งศาสนาสาขาใหม่ เพื่อชี้นำกลุ่มชน ให้ยึดหลักและแนวปฏิบัติที่ดีกว่าสำหรับชีวิต

แม่มดดำจะบูชาซาตาน รวมทั้งคลุกคลีอยู่กับภูตผีตัวร้ายต่างๆ อย่างเช่น แพน หรือ ลิลิธ - ราชินีแห่งรัตติกาล แม่มดดำมักจะแสวงหาความรู้ที่สลับซับซ้อนมากกว่าที่จะ แสวงหาความสงบแห่งจิตใจ ตามปกติแม่มดจะไม่สำแดงมนตราออกมาอวดใครง่ายๆ นอกจากเพื่อลองวิชา บางทีการทำหุ่นขี้ผึ้งจำลองคนบางคน แล้วเอาเข็มจิ้มเล่นเพื่อให้ทรมานนั้น ก็หาได้เกิดจากความแค้นของแม่มดหรอก แต่เพื่อลองวิชาสนุกๆไปอย่างนั้นเอง

แม่มดเองต้องทำมาหากินเหมือนกับคนทั่วไป รายได้ของแม่มดส่วนใหญ่มาจากค่าตอบแทนในการทำพิธีไสยศาสตร์ และการขายเครื่องรางของขลัง โดยส่วนใหญ่จะไม่คำนึงว่าใครจะเดือดร้อนจากการกระทำนี้บ้าง


แม่มดขาวส่วนใหญ่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง อาจจะมาจากความใกล้ชิดกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติ หรือ จากคัมภีร์โบราณทางศาสนา แม่มดขาวบางคนอาจรับศิษย์สำหรับถ่ายทอดวิชา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงครับกับแม่มดดำ แม่มดดำส่วนมากจะยินดีรับศิษย์ซึ่งส่วนใหญ่ศิษย์ของแม่มด จะได้รับสิ่งตอบแทนคือ ได้รูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์สำหรับเพศตรงข้าม ทว่าใช่จะได้รับกันมาฟรีๆนะครับ สิ่งที่ต้องแลกกันก็คือ การไม่สามารถมีทายาทได้ รางวัลของการเป็นแม่มดดำตัวอย่างก็คือ การมีอายุที่ยืนยาวเป็นร้อยๆปี ถึงอย่างนั้นก็เถอะ
มนตร์ดำไม่ใช่ครรลองที่ถูกต้องตามธรรมชาติ แม่มดดำทุกคนมักจะพบกับจุดจบที่และทรมานเป็นส่วนใหญ่
การเรียนวิชาแม่มดจะเริ่มตั้งแต่อายุเท่าใดก็ได้ นับตั้งแต่วัยสาวเป็นต้นไป ระยะแรกนั้นจะเริ่มจากคาถาง่ายๆ เช่น การใช้เวทย์มนตร์ทำเสน่ห์ การสาปให้พืชผลเยียวเฉาและเป็นโรค รวมถึงการมองเห็นอนาคต( ที่ร้ายๆ ) พอวิชาแก่กล้าขึ้นหน่อย ก็มาถึงการทำให้ลอยตัวในอากาศ หรือ เหาะโดยไม่ต้องอาศัยไม้กวาด ขั้นต่อไปก็คือการแปลงร่างให้เป็นสัตว์ต่างๆ รวมไปถึงการฝึกคาถาขั้นสูงเพื่อให้มีอำนาจเหนือมนุษย์ทั่วๆไป ฝึกสำเร็จเมื่อไหร่ก็ออกเปิดสาขารับศิษย์ได้เลย

ว่ากันว่า ความยากของการเรียนวิชาแม่มดนั้นมาจากการไม่มีตำรา ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรม สูตรยา หรือ เวทย์มนตร์ ล้วนต้องถ่ายทอดกันแบบปากเปล่า การจะเป็นแม่มดดำที่เก่งฉกาจได้ จำต้องอุทิศตนให้กับซาตานผู้เป็นนายแห่งความมืดเสียก่อน อิซโซเบล ดาวดี ( Isobel Dowdie ) แม่มดสาวผู้อื้อฉาวแห่งสก็อตสมัยศตวรรษที่ 17 เปิดเผยถึงพิธีกรรมของแม่มดว่า ผู้ที่สมัครใจจะเป็นแม่มดต้องไปยืนแก้ผ้าต่อหน้าพยานหลายคน โดยปฏิญาณตนด้วยท่าดังภาพประกอบ ว่าจะยอมเป็นข้าช่วงใช้ และขายวิญญาณให้กับซาตาน หรือมารร้ายจากโลกมืด
แม่มดจะแบ่งเป็นกลุ่มย่อยซึ่งเรียกกันว่าชมรมแม่มด โดยแม่มดสาวที่เข้ามาใหม่ จะได้เป็นแค่สมาชิกสมทบ เมื่อใดก็ตามที่สมาชิกถาวรตายลงจึงจะได้เป็นสมาชิกถาวร แม่มดแต่ละกลุ่มจะมีกัน 13 คนครับ เพราะถือเป็นเลขสวยงามสำหรับผู้บูชาความมืด กลุ่มแม่มดจะมาชุมนุมกันเดือนละครั้งในคืนวันเพ็ญ และรวมชุมนุมแม่มดกลุ่มต่างๆปีละสี่ครั้ง ล้วนเป็นวันสำคัญทางศาสนาทั้งสิ้น ได้แก่วัน Candlemas(2 ก.พ.) วัน Walpergist Night( 1พ.ค. วันต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ) วัน Rammas Day(วันฉลองการเก็บเกี่ยวประจำปี) และครั้งสุดท้ายซึ่งเป็นครั้งที่สำคัญที่สุดของปี คือวันที่ 31 ตุลาคม อันเป็นวันฮัลโลววีน


jerrysoft
#35
02-01-2010 - 14:35:22

#35 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:35:22 ]




ตำนานของชาวยุโรปกล่าวว่า ใครที่เกรงกลัวแม่มดสามารถหลบหลีกได้ ด้วยการอยู่แต่ในบ้าน โดยเฉพาะในคืนที่พระจันทร์เต็มดวงหรือคืนที่พวกแม่มดมีงานชุมนุมประจำปี แม้ว่าแม่มดดำทุกคนจะไม่รังเกียจ หากบุคคลภายนอกจะเข้าร่วมพิธีด้วย แต่มีกฏข้อบังคับอยู่ว่า สมาชิกทุกคนจะต้องเปลือยกายหมด ต้องบูชาซาตาน มีการดื่มกินกันอย่างมูมมาม ตลอดจนเสพสังวาสกับใครๆในกลุ่มอย่างไม่รังเกียจเดียดฉันท์

แม้ว่าคนทั่วไปจะมีความเกลียดและกลัวแม่มด แต่ของขลังของแม่มดก็มีอิทธิฤทธิ์ชะงัดนัก มีเรื่องเล่าว่า เส้นใยจากเชือกที่เพชฌฆาตรใช้แขวนคอนักโทษ สามารถรักษาผิวหนังแตกหน้าท้องลายได้ชะงัดนักครับ สำหรับใครที่เบื่ออาการขี้บ่นของแม่ยายและเมียแก่ๆ สามารถไปขอราที่ขึ้นบนหลุมฝังศพกับแม่มด มาผสมน้ำให้พวกหล่อนดื่ม จากนั้นพวกเธอทั้งหลายจะว่านอนสอนง่ายขึ้นเป็นกอง สำหรับใครที่มีเมียชอบเที่ยว แม่มดก็มียาแก้ครับ ยาที่ว่าคือขนเพชรของมัมมี่ ( ไปเอามาได้ยังไง? ) รับรองกลายเป็นคนหงิมๆอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนไปเลย

กล่าวกันไปแล้วในตอนต้น ว่าแม่มดมักจะไม่คำนึงถึงคุณธรรมใดๆทั้งสิ้น ขอเพียงมีคนว่าจ้าง แม่มดก็จะจัดการ " เชือด " เหยื่อให้มีอันเป็นไปสมประสงค์ของผู้จ้าง วิธีการที่นิยมกันคือสร้างหุ่นจำลองขี้ผึ้งขึ้นมา จากนั้นก็เอาเข็มปักตามอวัยวะต่างๆทีละเล่มๆ ครบสิบสามเล่มเมื่อไหร่ก็เป็นอันตายเมื่อนั้น

ไม่ว่าแม่มดจะมีจริงหรือไม่ก็ตาม ในยุคกลางของยุโรปหรือที่เราเรียกกันว่ายุคมืดนั้น มีการล่าแม่มดขนานใหญ่ สมมุติว่าเกิดเหตุผิดธรรมชาติขึ้นในท้องถิ่น เช่นฝนไม่ตก มีโรคระบาด สิ่งแรกที่คนสมัยนั้นจะนึกถึงก็คือแม่มด พวกชาวบ้านจะระดมกำลังกันตามหาผู้ต้องสงสัย และส่วนใหญ่มักหาแพะรับบาปพร้อมหลักซานได้จำนวนหนึ่ง แม้ว่าบางทีหลักฐานนั้นจะดูตลกๆ เช่นแค่เลี้ยงหมากับแมวไว้ในบ้านก็ตาม หญิงแก่ไร้ญาติบางคน ซึ่งมีแค่แมวตัวเดียวเป็นสัตว์เลี้ยงคลายเหงา มักถูกหาว่าเป็นแม่มดและถูกลากมาเผาประจานทั้งเป็นอย่างน่าเอน็จอนาถ หญิงสาวบางคนที่สวยเกินไปก็โดนข้อหานี้ด้วย

เพราะสงสัยว่าจะเอาวิญญาณเข้าแลกกับเรือนร่างอันน่ามอง แถมผู้ชายในสมัยนั้นยังชอบทารุณกรรมผู้หญิง โดยยกข้ออ้างจากไบเบิลขึ้นมาอ้างว่า " สูเจ้าจะต้องไม่ทรมานแม่มดด้วยการปล่อยให้มีชีวิต " -Thou shlt not a suffer a witch to live” ก็โชคร้ายน่ะสิคราวนี้ มีการเฆี่ยนประจาน การทรมานด้วยวิธีต่างๆนาๆที่จะนึกออกได้ ใครที่ทนการทรมานไม่ไหวก็จำต้องรับสารภาพ เพื่อจะได้ตายด้วยวิธีที่ไม่ทรมานนั่นคือการเผาทั้งเป็น !!


jerrysoft
#36
02-01-2010 - 14:35:38

#36 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 14:35:38 ]




เมื่อวันที่ 27-29 มิถุนายน 2540 บริษัทเดอะสแตลเลี่ยน อินโฟมีเด๊ย จำกัด ผู้ผลิตรายการ"เรื่องจริงที่เหลือเชื่อ" ซึ่งออกอากาศทุกคืนวันจันทร์เวลา 23.20 น. ร่วมกับห้างสรรสินค้าเดอะมอลล์และ ITV จัดงานสัมมนาครั้งแรกของประเทศไทยในหัวเรื่อง"มนุษย์ต่างดาว" ณ ห้อง Convention Center เดอะมอลล์บางกะปิ โดยงานจะแบ่งเป็นส่วนคือส่วนของนิทรรศการและ สมมนามนุษย์ต่างดาว
การสัมมนาจัดขึ้นในวันที่ 29 มิถุนายน เริ่มงานเวลา 13.00 น. โดยมีนายปราโมทย์ ตรีวัฒนานนท์ เจ้าของรายการเป็นพิธีกร การสัมมนาครั้งนี้มีการฉาย VTR แสดงหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว จากทั่วทุกมุมโลก ฟิล์มการผ่าตัดศพมนุษย์ต่างดาว พร้อมเจาะลึกทุกปัญหาที่เกี่ยวข้องจากนักวิชาการผู้ทรง คุณวุฒิ 6 ท่านสลับกับการให้ผู้ชมได้ซักถามข้อสงสัยการแสดงความคิดเห็นหรือเล่าประสบการณ์ที่เคยพบเห็น จานบินจนกระทั่งปิดการสัมมนาเวลาประมาณ 19.00 น.
ข้อมูลจากการสัมมานาครั้งนี้มีผู้ทรงคุณวุฒิในวงการวิทยาศาสตร์ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องมนุยษ์ต่างดาว ให้ผู้สนใจจำนวนมากฟัง
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา กล่าวตอนหนึ่งว่า 14 ครั้งที่ผมเคยเห็นจานบินมีลักษณะแตกต่างกันไปบ้างมีอยู่ครั้งเดียวที่เห็นเป็นจานกลมๆ ที่สวิตเซอร์แลนด์นอกนั้นจะอยู่ไกลซึ่งมองเห็นไม่ชัดด้วยตาเปล่า ยกเว้นที่จังหวัดขอนแก่น ผมเห็นลักษณะเหมือนไข่สีส้มๆมีแสงสว่างของมันเอง วิ่งไปช้าๆ แต่ที่แปลกก็คือ มันมีแสงสว่างเล็กๆ 5 ดวงวิ่งไปวิ่งมารอบๆรูปไข่ที่กำลังวิ่งไป แสงนั้นเป็นแสงสีขาวๆเหลือง ๆ ไม่เหมือนยานแม่รูปไข่ นอกนั้นผมจะเห็นแสงสว่างเหมือนดาวมากกว่า คือเล็กมาก วิ่งในลักษณะไม่เหมือนกับดาว เพราะวิ่งมาด้วยความเร็วสูงแล้วก็เปลี่ยนทิศทางเป็นมุมฉาก 90 องศา โดยไม่มีการโค้งหรือช้าลงเลย
ผมฝึกสมาธิ 40 กว่าปีแล้ว ทุกครั้งผมเห็นจากบินผมจะรู้สึกมีความสงบ ความสุข ไม่ได้เกิดความวิตกกังวลความกลัวเลย มันมีพลังบางอย่างที่ผมเชื่อว่าดี
ผมจะชี้แจงว่าทำไมเขาถึงมาโลกนี้ เขากำลังจะมาบุกโลกอีก 25 ปี เขาจำเป็นต้องมาสำรวจแผนที่ในโลกนี้ว่า มีกองทัพอยู่ที่ไหน อะไรต่างๆ และเขาถึงกับวางแผนว่า มนุษย์ดาวอังคารจะบุกมาแถบเอเชีย ส่วนดาวศุกร์จะไปแถบอเมริกาและยุโรป ที่เขาจำเป็นต้องรอถึง 25 ปีเพราะขณะนี้เขายังไม่พร้อมเขาจะบุกเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
รศ.ดร. พิชัยกล่าวว่ามนุษย์ต่างดาวมีจิตวิญญาณค่อนข้างสูง โดยปกติแล้วเขาจะไม่รุกรานใคร แต่ใครอย่ามารุกรานเขา
การที่จะติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมีอยู่ทางเดียวเท่านั้นคือ ทางจิตวิญญาณและจะต้องเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูงและข้อมูลที่ได้รับมาอาจจะแตกต่างกัน การที่เราได้ข้อมูลมากแค่ไหนก็อยู่ที่พลังจิตของผู้นั้นว่า ส่งจิตวิญญาณไปถึงเขาและเขาจะต้อนรับอย่างไร


z2tape
#37
02-01-2010 - 15:22:39

#37 z2tape  [ 02-01-2010 - 15:22:39 ]




ช่วยสรุปได้มิ

อิอิ

ตาลาย

^ ^


TPAIYM2552
#38
02-01-2010 - 15:54:40

#38 TPAIYM2552  [ 02-01-2010 - 15:54:40 ]




เยอะแยะมากมายจริงๆ

อ่านจนปวดตาหมดละ

ไม่ไหว อ่านไม่หมดอ่ะ

แต่ก็ได้ความรู้มากมาย


  • 1
  • 2

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 2nd May 2024 09:05

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ