ไอสไตน์ ได้รับฉายาว่านักวิทยาศาสตร์ที่เก่งที่สุดของโลก ได้กล่าวคำนึงว่า

"หากเราสามารถเดินด้วยความเร็วเหนือแสงได้เราจะสามารถไปโลกอดีตได้อีกครั้ง"

แต่สิ่งที่ไอสไตน์ พูดนั้นกลับทำไม่ได้ และถ้าจะลองไปจริงๆก็น่าจะ สามเหลี่ยมเบอร์บิวด้าที่ทำให้เครื่องบินแต่ละลำหายไปด้วยความเร็วเหนือแสง

คาดว่าพวกเขาไม่ได้จบใต้ก้นทะเลหรอกครับ แต่อาจจะไปโลกอดีแล้วก็ได้ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ)


ส่วนถ้าจะไปโลกอนาคตนั้น เป็นความคิดผมเองครับ(วิทยาศาสตร์ความคิดตัวเอง) โดย เอาหลักพอที่จะเป็นไปได้

ถ้าอยากจะไปโลกอนาคตนะครับ คือ

1.ไปที่ขั่วโลกเหนือ

2.ให้ใครก็ได้ฉีดยาสลบคุณแล้วขอร้องเขาให้ฝังคุณให้ไกล ที่สุด(ในขั้วโลกเหนือนะครับแบบว่าส่วนลึกเลย)หรือทิ้งทะเลที่มีความหนาวสูง

3.จบ

ทำไมผมถึงคิดแบบนั้นหรอ เพราะจากที่ผมศึกษาวิทยาศาสตร์มาพอสมควร เซลล์ ในร่างกายคนเราจะแข็งตัว เมื่อโดนความเย็นมาก

และเซลล์ จะหยุดการทำงานลง เมื่อโดนความเย็นสูง หรือพูดง่ายๆ เซลล์แข็งตัวครับ และจะทำงานได้จะต้องให้ความอบอุ่นพอสมควร

ตามวิธีทำที่ 2 ให้ฝังหรือ โยนลงที่ทะเลที่มีความเย็นสูงนั้น เพื่อให้ร่างกายทั้งหมดของคุณห่อหุ้มไปด้วย ผลึกน้ำแข็ง และเมื่อคุณนอนหลับเพราะยา

สลบ หลับเป็นตายครับ เมื่อคุณแข็งเป็นผลึกไปแล้วคุณจะยังคงสภาพของคุณไว้เป็นอย่างเดิมไม่ว่า อายุ จะหยุดชะงักลง(เพราะเซลล์แข็งตัว)

อายุคุณจะยังคงเป็นแบบนั้นตลอดไปจนกว่าเซลล์จะสามารถกลับมาทำงานได้อีกครั้งนึง

โชคดีโชคร้ายขึ้นอยู่กับดวง

ถ้าโชคดี คุณจะถูกคนรุ่นหลังอาจะ 200 ปี หรือ ถึง 1000 ปีเก็บคุณขึ้นมาและ ทำให้คุณมีชีวิตรใหม่กับโลกอนาคตอีกครั้ง พร้อมอายุที่คุณแช่แข็ง

ตัวเองไว้จะยังคงอายุแบบนั้นเหมือนเดิม

ถ้าโชคร้าย

คุณจะหลับนานอยู่หลายปีและไม่มีคนเก็บกู้คุณขึ้นมา ถึงตอนนั้น โลก แตกแล้วครับ

หลับไป 1 งีบ เราได้ไปโลกอนาคตตั้งหลาย100ปี เชียว

ก็ดีน่ะสิ

มันมีทฤษฎีนี้จริงๆนะ แต่ใช้กับคนเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ โดยให้แช่แข็งไว้จนกว่าจะหาทางรักษาได้

ข้อมูลเกี่ยวกับทฤษดีนิดๆ

การแช่แข็งยังเป็นเทคโนโลยี Cryonics   ในฝันสำหรับคนที่เป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย แต่เขาก็มีโอกาสเป็นผู้โชคดีในการเข้าร่วมโครงการแช่แข็งในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศา เพื่อรักษาสภาพร่างกายเอาไว้ (และเขาอ้างว่าสามารถรักษา ความทรงจำและบุคลิกภาพในสมองไว้ได้ด้วย) และเก็บรักษาไปเรื่อยๆ ด้วยความหวังที่จะรักษาโรคในอนาคตที่ทางการแพทย์ก้าวหน้า
                เทคโนโลยีมีอยู่จริงในหน่วยงานชื่อ Alcor Life Extension Foundation หน่วยงานนี้เป็นองค์กรที่ไม่ได้แสวงหากำไร และมีเป้าหมายอยู่กับการเก็บอวัยวะบางส่วน(ศีรษะ) ไว้ในภาชนะที่ลดอุณหภูมิมากๆ บริการนี้มีไว้สำหรับผู้เป็นสมาชิกเท่านั้น ส่วนเหตุผลของการเก็บรักษาศีรษะของผู้ตายไว้ก็เพราะปัจจุบันเครื่องมือที่นี่ยังไม่สามารถเก็บรักษาร่างกายทั้งร่างของมนุษย์ไว้ได้ดีพอ เนื่องจากร่างกายของเรามีความหนาแน่นของอวัยวะแต่ละส่วนไม่เหมือนกัน อุณหภูมิที่จะเก็บรักษาจึงแตกต่างกันมากด้วย สมองจึงเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของคนๆ หนึ่งที่ควรเก็บรักษาไว้ เพี่อรอคอยเทคโนโลยีในอนาคตที่จะสามารถทำให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่
                แต่อย่างไรมันก็ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่หลายๆเรื่อง เช่นเทคโนโลยีนั้นไม่สามารถอธิบายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามันสามารถทำได้หรือเปล่า สามารถปลุกคนที่แช่งแข็งมาได้หรือเปล่า แม้จะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ทดลองกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช้คน เช่นทดลองในกบ สุนัข นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องกฎหมายที่ยังถกเถียงหลายรอบว่าถ้าเกิดคนที่ตายแล้วทางกฎหมายคืนชีพในอนาคตละสถานะบุคคลจะเป็นเช่นไร

Credits: http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=486572&chapter=189



ไม่อยากไปโลกอนาคตอ่ะ55+ กลัวความเย็น

มีโครงการแช่มนุษย์ด้วย

น่าทำแฮะเหอๆ

น่าสนนะ 555 ไม่อยากโดนน้ำท่วมโลกแล้วตายอ่า

แช่แข็ง