เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า... บ้านหลังหนึ่ง … มีสองแม่ลูกอาศัยอยู่ด้วยกัน ส่วนพ่อนั้น ตายไปนานแล้ว แม่ต้องคอยหาเลี้ยงดูลูกน้อย จนเติบใหญ่ และส่งเสียได้เรียนหนังสือ จนจบการศึกษา
แต่… หลังจากลูกชายเรียนจบ มีงานทำดีๆ ก็ยังขอเงินแม่ใช้อยู่ พอแม่ถามว่า "เงินเดือนแต่ละเดือนไปไหนเหรอลูก เหลือเก็บบ้างไหม?"...
คำตอบที่ได้ฟังจากปากลูกชายคือ "เที่ยวหมดแล้วครับแม่ … เงินเดือนผมก็น้อย ค่าเลี้ยงสาวยังไม่พอเลย แม่จะเอาอะไรกับผมนักหนาเนี่ย! อย่ายุ่งกับผมได้ไหม?"
พอแม่ได้ฟังดังนั้น ก็เงียบ !!! และก็พูดว่า "ที่แม่พูดไม่ใช่แม่อยากได้ตังค์เจ้า … แต่แม่กลัวว่าเจ้าจะไม่รู้จักใช้เงิน เผื่อยามฉุกเฉิน จะได้ไม่ต้องเดือดร้อน หรือ เผื่อลูกไม่มี ขาดเหลือ อะไรแม่จะได้ช่วยเหลือเจ้าได้ และ แม่ …" ยังไม่ทันที่แม่จะพูดจบลูกชาย ก็เดินจากไป…
อยู่มาวันหนึ่ง . . . ลูกชายก็เดินเข้าไปหาแม่ในครัว พร้อมยื่นกระดาษที่เขียนข้อความไว้จนเกือบเต็มหน้าให้คุณแม่ของเขาอ่าน ซึ่งมีใจความว่า...
ค่าตัดหญ้า 5.00 บาท
ค่าทำความสะอาดห้องผม อาทิตย์นี้ 1.00 บาท
ค่าซื้อของให้แม่ 2 .50 บาท
ค่าดูแลน้องชาย 2.50 บาท
ค่าเอาขยะไปทิ้ง 1.00 บาท
ค่าได้คะแนนดี 5.00 บาท
ค่ากวาดสนาม 2.00 บาท
รวมค้างชำระ 19.00 บาทถ้วน
ปล.แม่จ่ายให้ผมด้วย (โห... ทำงานมีเงินเดือนกะเงินแค่นี้ยังขอแม่นะเนี่ย!!!! เฮ้อ...น่าเศร้าใจจริงๆ)
. . . เมื่อคุณแม่อ่านเสร็จแล้วก็หยิบปากกาขึ้นมา เธอพลิกกระดาษไปด้านหลังแล้วเขียนว่า...
เก้าเดือนที่แม่อุ้มท้อง . . . ไม่คิดเงิน
เวลาที่แม่พยาบาลลูก และสวดมนต์ให้ลูก . . . ไม่คิดเงิน
ค่าที่ลูกทำให้แม่ต้องเสียน้ำตา . . . ไม่คิดเงิน
ของเล่น อาหาร เสื้อผ้า พาเที่ยว . . . ไม่คิดเงิน
แม้แต่เช็ดน้ำมูกให้ . . . ไม่คิดเงินหรอกจ้ะลูก
เมื่อรวมทั้งหมดเป็นราคาเต็มของความรัก . . . ไม่คิดเงินเหมือนกัน
และเมื่อลูกชายได้อ่านสิ่งที่คุณแม่เขียนไว้ ก็อึ้ง !. . . น้ำตาหยดโตก็ไหลออกมา เขาสบตากับแม่แล้วจึงพูดว่า... " แม่ครับผมรักแม่จริง ๆ นะครับ" แล้วเขาก็เอาปากกาเขียนหนังสือตัวโตว่า... …จ่ายหมดแล้ว... แม่จ่ายหมดแล้ว... แต่... แต่ว่า... ลูกยังทอนให้ไม่หมดครับแม่... !!
************************************************
แม่ค่ะ. . . หนูขอโทษ
ตอนเช้า . . . มีเสียงเคาะประตูห้อง
"ตื่นได้แล้ว ถึงเวลาต้องไปโรงเรียนแล้ว รู้ไหม!"
ฉัน. . . ทนรับอย่างงัวเงียกลิ้งมากลิ้งไป. . .
ในขณะที่แม่. . . กำลังเตรียมอาหารเช้าให้อยู่ในครัว
แอบหงุดหงิดกับการตื่นเช้า เพราะเมื่อคืนเมาส์กับเพื่อนจนดึกดื่น
พอต้องตื่นเลยเกิดอาการสมองไม่คืน . . . ปวดหัว
นอกจากแม่จะปลุกฉันแต่เช้าแล้ว. . .
แม่ยังบ่นเรื่องค่าโทรศัพท์ ในขณะที่ยกจานข้าวออกมาจากครัว
อารมณ์ไม่ดีเลยพาลมั่วขึ้นเสียงกับแม่ไป
แม่วางจานข้าวลง. . .ไม่โต้ตอบฉัน
ได้แต่บอกฉันว่า . . . ให้รีบๆ กินเดี๋ยวไปโรงเรียนสาย
ฉันได้แต่โมโห. . .แล้วก็พาลไม่กินข้าวเอาดื้อๆ…
แต่พอมาถึง ณ วันนี้. . .
ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้วทำไมแม่ต้องทำเช่นนั้น
และฉันก็ได้แต่โมโหตัวเองว่า . . .
ทำไมตอนนั้นฉันไม่เข้าใจความรู้สึกของแม่บ้าง . . .
ที่แม่ต้องปลุกแต่เช้า ที่แม่ต้องบ่น. . .ที่แม่ต้องเรื่องมาก
เป็นเพราะฉันทำตัวไม่ดีเอง
และทั้งหมด คือ แม่รักฉัน แม่หวังดีกับฉันนั่นเอง…
ฉันทนตื่นแต่เช้าไม่ได้. . .|
ในขณะที่แม่ต้องตื่นเช้าแล้วเหนื่อยกว่าฉันเป็นไหนๆ
ฉันกลับดึก แม่ฉันก็กลับดึกเช่นฉัน
. . . เพราะท่านไม่ยอมนอน
แม่จะคอยเป็นห่วงตลอดว่าจะเกิดเหตุร้ายกับฉันหรือเปล่า
ฉันใช้จ่ายสิ้นเปลือง ในขณะที่ฉันหาเงินเองไม่ได้
แม่ไม่ใช้จ่าย ทั้งๆ ที่เป็นคนหาเงิน และเหนื่อยกับการทำงาน
มาวันนี้ . . . ฉันซาบซึ้งแล้วกับความรักที่แม่มีให้ฉัน
ฉันอยากจะเดินเข้าไปกอดแม่ และพูดว่า . . .
"แม่ค่ะ . . . หนูขอโทษค่ะ ที่หนูเอาแต่ใจตัวเอง
. . . ต่อไปนี้หนูจะเป็นลูกที่ดีของแม่
และจะคอยดูแลแม่เองค่ะ"
*******************************************
น่าจะซึ้งนะ
ถ้าไม่ซึ้งขออภัย


