วัยรุ่นไม่ค่อยเชื่อมั่นในตนเอง เกิดจากผู้ใหญ่จริงหรือ?!?
คำพูดที่มาจากพ่อแม่จะฝังใจลูกมากกว่าคำพูดเพลโตปราชญ์สำคัญของโลกเสียอีก ประโยคนี้ไม่ใช่ประโยคประชดประชันนะคะ แต่มันเป็นประโยคที่เป็นจริงอย่างที่สุด!! ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะพูดอะไรกับลูก...จะเป็นชมเชย สั่งสอน หรือว่ากล่าวก็ตาม มันจะเข้าไปถึงจิตใจลูกได้ โดยเฉพาะคำพูดเจ็บๆ ที่มาจากอารมณ์โกรธทั้งหลาย และไม่ใช่แค่ฝังใจด้วยนะคะ แต่มันสามารถเข้าไปแฝงในบุคลิกภาพ พฤติกรรม และความเชื่อมั่นในตนเองของลูกได้เลย ซึ่งนั่นจะส่งผลให้ลูกรู้สึกลึกๆ ว่าตนเองเป็นอย่างที่พ่อแม่พูด!! ถ้าพูดว่าลูกโง่ ลูกก็จะโง่ ถ้าบอกว่าลูกเลว ลูกก็จะเลว(ให้พ่อแม่ดู) ซึ่งแม้บางทีบางพฤติกรรมอาจไม่ปรากฎเลยก็ได้ เช่น ลูกเรียนได้เกรด 4.00 แต่คิดว่าตนเองโง่ เป็นเพียงแค่ความรู้สึก แต่ผลของความรู้สึกนั้นก็ส่งผลไปในระยะยาวค่ะ

นักจิตวิทยาได้ทำการศึกษาว่า Self-esteem มีความสำคัญต่อความเชื่อในตนเอง เห็นคุณค่าในความสามารถของตนเอง คนที่มี Self-esteem สูง จะเป็นคนที่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องและสามารถรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองได้ มีความภาคภูมิใจในตนเอง มีความมุ่งมั่นในการทำงาน เป็นคนที่พร้อมที่จะรักคนอื่น ซึ่งต่างจากคนที่มี Self-esteem ต่ำ จะเป็นคนที่ทำงานอะไรไม่สำเร็จ และชอบโทษว่าเป็นความผิดคนอื่น ไม่กล้าริเริ่มสิ่งใหม่ เพราะกลัวล้มเหลว และเชื่อว่าตนเองทำไปก็ไม่สำเร็จ
การเห็นคุณค่าในตนเอง หรือเจ้า Self-esteem นี้มาจากการบ่มเพาะความเชื่อมั่นจากผู้ใหญ่ค่ะ ทั้งผู้ปกครอง ครู ญาติ ฯลฯ โดยเฉพาะจากพ่อแม่ของลูกเอง ถ้าลูกทำดีก็ต้องชม ถ้าลูกเจอเรื่องแย่ๆ ก็ต้องให้กำลังใจ แต่ก็ไม่ใช่การชมทุกเรื่อง อวยทุกงาน หรือเข้าข้างทุกอย่างนะคะ
คุณพ่อคุณแม่หลายๆ ท่านอาจจะเหนื่อยจากการทำงาน จนเวลาที่พูดกับลูกก็ไม่ได้ใส่ใจลูกเท่าที่ควร หรือมีคำพูดติดปากที่ไม่ได้ตั้งใจ เช่น "ไม่ได้เรื่อง" อากาศไม่ดีก็ว่า "อากาศไม่ได้เรื่อง" เห็นคนอื่นทำไม่ถูกต้องก็ว่าไม่ได้เรื่อง ลูกน้องทำงานไม่ถูกใจ ก็มาเล่าที่บ้านว่า "ลูกน้องไม่ได้เรื่อง"และสุดท้าย เห็นลูกทำไม่ถูกต้องก็เริ่มต้นประโยคแล้วว่า "ลูกไม่ได้เรื่อง...ลูกทำแบบนั้นมันไม่ถูกนะ ต้องแบบนั้นสิ แบบโน้นสิ" คำว่า "ไม่ได้เรื่อง" อาจไม่ใช่คำหยาบ แต่มันเป็นคำเชิงลบ หากพูดติดปาก และนำมาพูดกับลูกบ่อยๆ มันจะสั่งสมให้คำเหล่านั้นเป็นจริงในใจลูก
นี่หนูคงจะไม่ได้เรื่องจริงๆ ด้วยสินะ
คำเหล่านี้ทำร้ายลูกได้โดยไม่จำเป็นต้องออกมาจากอารมณ์โกรธด้วยซ้ำ ที่สำคัญคำพูดที่เป็นคำเชิงลบ (โดยเฉพาะคำหยาบคาย) ที่ออกมาจากปากพ่อแม่ มันก็เสมือนการอนุญาตให้ลูกพูดคำไม่ดีนั้นเอาอย่างได้

ที่สำคัญคำพูดที่ลูกได้ยินมาแต่เด็กจะทำให้ลูกเลือกที่จะมีบุคลิกภาพบางอย่างที่ทำให้ห่างจากพ่อแม่ด้วยค่ะ

ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการศึกษามาแล้ว ว่าคนที่ Self-esteem ต่ำ บางคนจะกลายเป็นคนเงียบขรึม ไม่กล้า หรืออาจพูดเก่งเพื่อปกป้องความอ่อนแอของตนเอง ในขณะเดียวกัน เมื่อคน Self-esteem ต่ำ ที่โตขึ้นจะมีอัตราการตกงานสูงกว่าคนทั่วไป หรือเปลี่ยนงานบ่อย เพราะรู้สึกไม่พอใจต่องาน ต่อคนรอบข้าง ด้วยเพราะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเสียที
การพูดกับลูกจึงมีวิธีการค่ะ
1. วิจารณ์ให้ถูกทาง ไม่ใช่ตำหนิทุกทีไป การวิจารณ์กับตำหนิใกล้เคียงกัน การวิจารณ์ คือ การบอกว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร แต่ดำหนิ คือ การเอาสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาพูด เวลาที่พ่อแม่ต้องการบอกหรือเตือนอะไรลูก ก็มักจะเริ่มที่สิ่งไม่ดีของลูกก่อน ซึ่งมันก็จะกลายเป็นว่าไปเพ่งที่จุดไม่ดีของลูกมากกว่าที่จะบอกหรือสอนธรรมดา ดังนั้น ถ้าอยากจะบอกจะเตือนอะไรสักอย่าง ให้ใช้การวิจารณ์ที่ดี คือ วิจารณ์ที่เหตุการณ์ที่กำลังเกิด ไม่ใช่สิ่งที่ลูกทำผิดไป เช่น ทำวิ่งเข้ามาในห้อง แล้วทำแจกันตกแตก พ่อแม่น่าจะพูดว่า "ลูกเดินระวังๆ ไปเอาไม้กวาดกับกระดาษหนังสือพิมพ์มาเก็บแจกันที่แตกนะ แม่เสียดายแจกันนี้จัง ป้าซื้อมาให้เสียด้วย" เชื่อได้ว่าลูกจะรับรู้ว่าทำผิด แล้วคราวหน้าจะระวังมากขึ้น การบอกวิธีแก้ไขสั้นๆ และรับมือด้วยความสงบ จะทำให้ลูกรู้สึกผิด และรับผิดชอบต่อเหตุการณ์มากขึ้น

สำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรเลิกติทุกจุด หากคุณพ่อคุณแม่ไม่พอใจพฤติกรรมใดๆ ของลูก อย่าเพิ่งพูดไป ติไปตรงๆ (วัยรุ่นต้องการคำพูดตรงไปตรงมาในเรื่องดี ส่วนที่ไม่ดีต้องอ้อมให้มาก อิอิ) เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว เวลาจะตำหนิ เราจะใช้คำพูดเชิงลบ ที่มันออกมาจากปากเราง่ายๆ แบบไม่ต้องคิดอยู่แล้ว
2. ลดเลิกการพูดเปรียบเทียบ โดยเฉพาะการเปรียบเทียบกับคนวัยเดียวกับลูก ที่เป็นลูกหลานคนรู้จัก เพื่อนลูก หรือคนข้างบ้านก็ตาม เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการการยอมรับจากคนวัยเดียวกันมากที่สุด หากมีการเปรียบขึ้นมา ใจลึกๆ ของลูกจะค้านและต่อต้านให้ถึงที่สุด แม้มันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม ที่สำคัญการถูกเปรียบเทียบก็มักเป็นไปในเชิงด้อยกว่าทั้งนั้น ดังนั้นมันจึงกระทบจุดความเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเองในลูกวัยรุ่นอย่างจังๆ ทุกที
3. ชมให้มากขึ้น พ่อแม่หลายคนอาจเป็นคนชมคนยาก เหมือนที่เราชอบเปรียบเปรยกันเสมอว่า ทำดีเท่าไหร่มันก็เท่าตัว ไม่เหมือนทำชั่วครั้งเดียวโดนตราหน้ากันยันตาย เช่นเดียวกันถ้าลูกของเราทำดี เก่ง มีความสามารถเท่าไหร่ แต่ไม่มีใครบอก ใครชมเลย และยิ่งได้รับรู้แต่เวลาทำผิดทำพลาดสุดท้ายเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีคุณค่าจะรู้แต่ว่าตัวเองแย่ เพราะฉะนั้นชมบ้าง อย่าเขินอาย อย่าคิดว่าลูกจะเหลิง ถือว่ายังไม่สายที่จะทำให้ลูกรับรู้ว่า "ตนเองมีความสามารถ" และเรารักลูกมากขนาดไหน
แต่การชมก็มีเทคนิคอีกเหมือนกัน ถ้าชมจริงใจแต่ใช้คำพูดผิดก็กลายเป็นประชดประชันได้ ที่สำคัญการชมเชยสำหรับวัยรุ่นแล้ว อาจเหมือนการถูกตั้งความคาดหวังหรือกำลังถูกตรวจสอบ ดังนั้น การชมจึงไม่ควรชมอย่างดูไร้สาเหตุ คือ เหมือนชมๆ ไปงั้น ลูกก็อาจคิดว่าพ่อชมเฉยๆ เรื่องแบบนี้ใครก็ทำได้ หรือมีคำพูดชมติดปากอยู่คำเดียว ชมจนคำดังกล่าวดูเกลื่อน เช่น ลูกยอดมาก (แล้วอะไรที่ยอดก็ไม่รู้) ดังนั้น เวลาที่จะชม ก็ให้บอกความรู้สึกตนเองและ ก็ให้ชมไปที่พฤติกรรมของลูกไปเลยค่ะ เช่น ลูกตื่นเช้าเอง ก็บอกไปเลยว่า "วันนี้ลูกตื่นเช้า อาบน้ำแล้ว แม่ชื่นใจมาก"

4.สัมผัสให้กำลังใจ บางครั้งลูกวัยรุ่นอาจไปพบเจอเรื่องที่ทำให้เสียใจ ถูกเพื่อนดูถูก พ่อแม่ควรรับฟังเรื่องของเขาด้วยท่าทีใส่ใจ บอกเขาว่าเรารู้ว่า "ลูกรู้สึกอย่างไร" แต่ถ้าเป็นคนพูดไม่เก่งนัก การสัมผัสใช้แทนได้ ถ้าลูกโตเกินกว่าจะกอด ก็จับมือ จับหลัง พร้อมส่งสายตาปิ๊งๆ ก็ถือเป็นคำชมหรือให้กำลังใจได้เหมือนกัน ทำให้บ่อยมากขึ้น!!
ถึงแม้ตอนนี้อาจจะคิดว่าลูกวัยรุ่นกำลังขาดความเชื่อมั่นในคุณค่าตนเอง และกำลังจะห่างเหิน หรือดูกลายเป็นเด็กมีปัญหาไปแล้ว แต่ยังไม่สายหรอกค่ะที่จะกู้ความเชื่อมั่นของลูกคืนมาได้ เพราะความรัก คำชมเชย คำพูดที่จริงใจ คำสัญญาที่มั่นคงของพ่อแม่ จะยิ่งใหญ่ในใจลูกเสมอ พูดกับลูกด้วยคำพูดเชิงบวกเสียแต่วันนี้!!
--------------------------------------------------------ลั้ลลาคอมเม้นท์-----------------------------------------------------------------------------
หลังจากได้ลองอ่านเรื่องราวของเพื่อนหลายๆคน
ก็ทำให้รู้ว่า ชีวิตของเราเนี่ย
มันสุดยอดที่สุดแล้ว เป็นครอบครัวที่อบอุ่นที่สุดแล้ว
แม้ว่าจะโดนอะไรแบบนี้บ้างเป็นบางครั้งก็ตามที
อันที่จริง พ่อแม่ แบบนี้ ก็คือวัยรุ่นมาก่อน
อาการหรือนิสัย อาจจะเกิดจากการเลี้ยงดูที่ไม่ค่อยดีในวัยเด็ก
ไม่มีใครบอกว่าอะไรถูกหรือผิด
และนั่นมันทำให้เราเข้าใจได้ว่า
ถ้าเราโตเป็นผู้ใหญ่ เราจะต้องทำตัวให้มันดีมากกว่านี้
จะทำความเข้าใจเด็กๆ จะไม่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
จะไม่ทำอะไรที่เป็นการบั่นทอนกำลังใจของเด็ก
อาจจะจริงอยู่ว่า สภาพสังคม สภาพเศรษฐกิจของปัจจุบันนี้
มันทำให้ต้องใช้ชีวตที่เร่งรีบ สนแต่งาน ไม่งั้นไม่มีกิน
จนอาจจะลืมไปว่า ควาสุขที่แท้จริงแล้ว ไม่่ใช่อะไรเลย...
นอกจาก ความรัก ความเข้าใจกันในครอบครัว
จริงมั้ยคะ?
อยากให้เพื่อนๆ เก็บความรู้สึกน้อยใจในวัยเด็กนี้
ไปเป็นสิ่งเตือนใจต่อการกระทำในอนาคตข้างหน้า
แต่อย่าฝังใจเอาไปขัดขวางชีวิตที่ดีของตนเองนะคะ
-----------------------------------------------------------
ผมคิดว่า ต่อให้พ่อแม่เค้าว่าอย่างไร ยังไง เขาก็ยังรักพวกเราอยู่ดีครับ ผม
แต่ที่พูดนั้นอาจจะเป็นเพราะอารมณ์ เราก็ควรจะเข้าใจและพัฒนาส่วนที่ไม่ดี
ของเรา ให้ดียิ่งขึ้น ถ้าเขาไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจแหละ 55 แต่ผมเชื่อนะ ถ้าเราคิดดี
ตั้งใจทำให้มันดี ซักวัน สิ่งดีๆที่เราทำ เราตั้งใจ พัฒนา มันจะส่งผลดีต่อเรา แล้ววัน
นั้น พ่อแม่ ก็จะเข้าใจเราเอง เชื่อมั่น ในสิ่งที่ดีไว้ครับ และที่สำคัญ
ลูกที่ดีควรกตัญญูต่อพ่อแม่ ครับ ความกตัญญูเป็นคุณสมบัติของสัตบุรุษ
---------------------------------------------------------------------------------
ว้าว ตรงมากเลย
แล้วจนเราเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายอ่ะ เราจะคิดมากตลอดเลย ตอนนี้เราย้ายมาอยู่กับน้าที่อเมริกา แล้วไม่รู้เป็นอะไรนะ เวลาน้าว่าน้อง เราก็จะคิดว่า ว่าเราด้วย อะไรเงี้ย เช่น ทำไมไม่เก็บบ้าน (ว่าน้อง) แต่เราก็หันไป แล้วไปเก็บให้น้องแทน ประมาณนี้ -*- คือเราจะรู้สึกว่า ตัวเองผิดตลอดเลย ไม่ว่าตัวเองจะทำหรือไม่ทำก็ตาม ไม่รู้เป็นไร หรือเราโรคจิตไปแล้วเนี้ย???
---------------------------------------------------------------------------------------------------
เจอเปรียบเทียบตั้งแต่เด็กยันโต จนเบื่อละ อยากพูดอะไรก็พูดไปเลย ที่พูดมาในคอลัมนี้โดนทุกอย่างค่ะ เมื่อไหร่จะหลุดพ้นน้า โดนทั้งด่า เปรียบเทียบ เห็นพ่อแม่ตีกันมาแต่เด็ก ทำอะไรผิดไปโหม๊ดดดด เรียนได้ที่ดีๆ ก็บอกว่าแย่กว่าคนอื่น ไม่เคยชมบ้างเล้ยยย มีแต่ด่า อยากให้เป็นอย่างคนนู้นคนนี้ อยากให้เรียนเก่ง แต่ไม่เคยสนใจ ขอเรียนพิเศษนู่นนี่ ก็ไม่ให้หาว่าไร้สาระ แล้วอยากให้เก่ง คนไม่เคยเรียนไม่เคยคลุกคลี ไม่ใช่พระพุทธเจ้าซะหน่อยที่เกิดมาก็เดินได้เลย อุตส่าห์หางานอยากได้งานดีๆ พอไม่ได้ก็โดนดูถูก แล้วจะกล้าไปหางานต่อไหม ด่ากันตลอดดดด เซ็ง มีหลายครั้งที่คิดว่าตายเลยดีไม๊ จะได้ไม่ต้องรู้สึกอะไร ก็ดีนะ แต่ไม่ดีกว่าเดี๋ยวก็ผ่านมันไปได้ ทนๆไปเหอะ พอบอกอยากเป็นแบบนั้นก็บอกไส้แห้งเป็นทำไม อ่าว???? โตขึ้นมาบอกเริ่มลงมือทำแล้วคาดหวังว่าอยากเป็นแบบนั้นบ้าง ก็ถูกมองด้วยสายตาแบบว่า.... แล้วก็แค่นหัวเราะในลำคอ เฮอะ เอาเล้ยยยยย เรามันไม่มีอะไรดีอยู่แล้ววววววววว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พ่อเราก็เคย-_-
ตอนนั้นเราขอให้พ่อช่วยทำอะไรให้สักอย่างพ่อก็ด่าเราด่าเยอะ แต่เจ็บสุดคือตอนที่พ่อด่าว่า "ควายเอ๊ย"แบบว่าจี๊ดมาก ปรอทแตก ตอนนั้นเราตอบกลับไปว่า "เออ!!ก็หนูเป็นแบบนี้นี่ ใครมันจะเพอร์เฟ็คแบบที่พ่อบอกล่ะ ถ้าหนูมันแย่มาก ไม่หาเด็กคนอื่นมาเลี้ยงเลยล่ะ!" แล้วเราก็เข้าห้องเรา หลังจากนั้นเราก็กล้าใช้คำว่า "ควาย" ในที่สุด- -
----------------------------------------------------------------
เราก๊เหมือนกัน ดดนเหมือนกันเรย เราเรียนอยุสายวิทย์ คณิต เรียนก็หนัก งานก็เยอะ ไหนจะเรียนพิเศษอีก ว่างก๊แค่วันเดียวคือวันอาทิตที่จะได้พักผ่อน ก็โดนด่า โดนว่า ว่าไม่ทำงานบ้าน นอนดึก สาระพัดมากมาย ใจจิงนะ ก๊ไม่อยากนอนดึกหรอกถ้าไม่มีการบ้าน ไม่มีหนังสือที่ต้องให้อ่าน ส่วนงานบ้าน ว่างวันอาทิตวันเดียว ก็ทำแล้วไง ซักผ้า กวาดบ้าน ทำทุกอย่าง วันอื่นก๊รู้กันอยุว่าเรียนพิเศษกลับบ้านมาดึก จะให้มากวาดบ้านตอนกลางคืนหรอ?? เรื่องการเรียนอีกเราเรียนอยุโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอันดับ1ของจังหวัด เรียนก็หนัก ยากก็ยาก งานก็เยอะ กดเกรดดีอีก เราได้เกรดประมาณ 3.6 ก็เอาเราไปเปรียบเทียบกับลูกพี่ลูกน้องที่เรียนอยุในชั้นเดียวกันว่าทำไมเขาทำได้ตั้ง3.7 กว่า แล้วเคยไปดูโรงเรียนนั้นบ้างมั้ยละว่าเขาสอนกันยังไง เค้ากดเกรดเมื่อดรงเรียนเรามั้ย ลูกพี่ลูกน้องคนนี้นะ เปนคนมาบอกเราเองว่าเหลืออีก2คะแนนจะได้เกรด4ครูเรยให้ทำใบงาน1แผ่น แล้วเอาเกรด4ไปเลย แต่โรงเรียนเรา ได้แค่ไหนแค่นั้น ทำไมต้องเอาไปเปรียบเทียบตลอด ทำไมไม่ดูมาตรฐานกันบ้าง อยากบอกว่าอยุบ้านก๊เก็บกดนะ ทำอารัยก๊โดนว่าๆๆๆ
เราอยากบอกเลย ว่าบ้างสิ่งบางอย่างเรารุนะว่าเราต้องทำ อย่างกับทำงานบ้านเรารุนะว่าต้องทำ แต่เราขอนอนตื่นสัก8โมง แร้วมาทำไม่ได้หรอไง กว่าจะทำงานเสร็จก๊ดึกแล้ว ยังจะให้ตื่นเช้ามาอีก ถ้าวันไหนเราโดนด่านะ ว่าต้องทำนู้น ทำนี้ ทั้งๆที่เราก๊รุแร้วว่าเราต้องทำ แต่พอมาด่ามาว่ากัน เรารู้สึกขึ้นมาทันทีว่าไม่อยากทำ แล้วเราก็จะไม่ทำมันจิงๆ ไม่ว่าจะเปนเรื่องอารัยเราจะไม่ทำมันเลย
เราเรียนพิเศษเลิกดึก เลิกแร้วก๊กลับบ้านทุกครั้ง ไม่เคยได้ไปเที่ยวไหน วันไหนที่ทำโครงงานเราขอไปทำบ้านเพื่อน ก๊หาว่าเราจะไปเที่ยวกับเพื่อน ทั้งๆทุกวันนี้ เราแทบไม่เคยได้ไปเดินห้างเลยแม้แต่วินาทีเดียว พอโดนกดดันเข้าๆๆๆทุกวัน มันก๊เก็บกดมากๆ วันนั้นเลยไปเที่ยวกับเพื่อนโดยที่ไม่บอกคัยสักคน(ก็แค่ไปดูหนังเรื่องเดียว)พอรู้ก๊โดนด่า บอกว่าห้ามไปอีก เราเลยบอกไปว่า ทำไม?? จะไป อยากด่า อยากว่าอารัยก๊เชิญ พอไม่เคยเที่ยวก็ด่า พอเที่ยวก็ด่า งั้นเลือกเที่ยวดีกว่า เพราะยังงัยก็โดนด่าอยุดี
ทุกวันนี้อยากจม.6เร็วๆ จะได้ไม่ต้องอยุบ้าน อยากจะไปอยุมหาลัย อยากอยุหอ ไม่อยากจะกลับมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก หลายคนบอกว่า บ้านคือวิมาน...แต่ป่าวเรย สำหรับฉัน บ้านคือ นรกชัดๆ
------------------------------------------------------------------------------
คนอื่น ว่าเราแรงๆ เราไม่เคยรู้สึกอะไรเลยน่ะ แต่ทำ เวลาพ่อแม่ด่าคำแรงๆทีไร มันต้องร้องไห้ เคยมั๊ยที่โดน ตี ด่า ว่า แล้วร้องไห้ แล้วยังตีซ้ำบอกให้หยุด ร้อง แล้วพอถามว่าตีทำไม ไม่มีเหตุผล เลย !! เดินหนี ! ผู้ใหญ่ชอบใช้อารมณ์ มาก่อนเหตุผล เฮ้อ ทำอะไรไม่เคยคิด โตมาจนแก่ แล้วน่ะ = =; มีสมองก็คิดบ้างสิ เหอๆๆๆ =__=;
------------------------------------------------------------
เครียดเนอะ! บางที่คิดจะฆ่าตัวตายเลยอ่ะ เก็บกดมากค่ะ
ไม่อยากอยู่บนโลกนี้แล้วอ่ะ ทำไงดี บางที่เคยคิดจะไปจิตแพทย์นะ
เรานะยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นนะ แต่ที่ต้องรับรู้ทุกวันนะมันหนักนะ หนักมากๆๆ
พูดกับใคร ระบายกับใครก็ไม่ได้
นิสัยส่วนตัวเราที่ทุกคน และคนในครอบครัวรู้คือเป็นคนยิ้มแย้ม
หัวเราะได้ทุกเวลา (เหมือนคนบ้า < คนในครอบครัวว่า)
แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่เขยเคยพูดว่า "บ้ารึป่าว ตั้งแต่พี่มาบ้านป้า เห็นเราชอบหัวเราะได้ทั้งวันเลย มีอะไรรึป่าว" ตอนที่พี่เขยพูดก็ยัง งงๆ อยู่เลย แต่พอเข้าใจที่พี่เขยพูดก็ไม่ได้ตอบอะไร เพราะไม่รู้จะตอบอะไร (หัวเราะ กลบเกลือนคะ)
แต่ก็เป็นคนที่มีอะไรก็ไม่ค่อยพูด จะเก็บไว้ในใจมีเรื่องอะไรก็เก็บ จนตอนนี้มันติดเป็นนิสัยไปแล้ว โดนด่า ว่า เพราะอะไรยังไม่รู้เลย แต่ก็ไม่เถียง ไม่พูด เพราะเราไม่ผิด ถ้าพูดไปเขาก็หาว่าเราเถียงอีก
ส่วนที่ระบายก็ ร้อนไห้ ในห้องนอน ห้องน้ำ ไม่ให้ใครรู้ บางที่อยากจะร้องไห้ดังๆ อยากจะกรี๊ดดังๆ
เราเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่จะยิ้มและหัวเราะมากกว่า
บางที่เวลาโดน ด่า โดนว่า เราก็จะไปน้า ไปนั้งดูทีวีทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ข้างในมันร้องไห้ พอน้าถามว่า โดนด่ามาเหรอ เท่าแหละบ้อน้ำตาแตกเลย
อยากจะความคิดเห็นบาง อยากทำอะไรที่วัยรุ่นเขาทำบาง แต่ก็ไม่ได้ ต้องอยู่ในกรอบที่เขาวางไว้ให้ มันไม่มีอิสระเลย เฮ้อ! ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว รู้อย่างเดียว เคลียด!... มากๆ
ต้องเคลียดสักวันแน่ๆ ทุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
------------------------------------------------------------------------------------
ใช่เลยค่ะ พ่อไม่เคยเข้าใจเลย เห็นแต่ด้านดีของตัวเองเท่านั้น วันนี้เราเรียนหมอ พ่อก็มักอวดกับคนอื่นๆว่า เป็นเพราะพ่อต่างหาก เราถึงได้ดีขนาดนี้ พ่อไม่เคยรู้หรอกว่าลึกๆแล้วเราเจ็บปวดมาก ทุกวันนี้เราคนที่ Self-esteem ต่ำ เป็นคนเงียบขรึม ไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวเองเลย พ่อชอบว่าเราไม่ได้เรื่อง โง่ เราเจ็บมาก ไม่งั้นก็มีตบตี บอกกับใครก็ไม่ได้เพราะเขาจะหาว่าเราอกกตัญญู ตอนมอปลายเราเลยประชดพ่อด้วยการทำทุกอย่างกับสิ่งที่พ่อต้องการให้ทำ เราเกลียดพ่อมากเลย อยากให้พ่อออกจากชีวิตเราไปเร็วๆ
------------------------------------------------------------------------------------
เบื่อเซงมากกกกกกกกกกกกอยุ่โรงเรียนพอเวลาเลิกเรียนเสดปุ๊ปก้อต้องทำอย่างอื่นอีกแม่ก้อเอาแต่โทรว่าเมื่อไหร่จะกลับๆๆๆๆๆๆพอถามไปว่าจะรีบกลับไปทำไมแม่ก้อบอกว่าจะได้มาทำความสะอาดบ้าน
โอ้ยอยากจะบ้าตาย มาช่วยกันทำบ้างสิ ช่วยน่ะก้ออยากช่วยแต่เราเรียนก้อเหนื่อยจตายอยุ่แล้วกิจกรรมก้อเยอะก้อยังดันมาบังคับจู้จี้จุกจิกพอถึงเวลาเดี๋ยวก้อทำเองแหละงนี้
พอเวลาจะทำกำลังจะลงไปข้างล่างเงี้ยแม่ก้อขึ้นมาพอดีบอกว่าเมื่อไหร่จะทำเราก้อบอกว่าก้อกำลังจะทำอยุ่นี่ไงเฮ้อเซงเวบาทำไรไม่ถูกใจอยุ่เฉยๆก้อบ่นๆๆเอาเราไปเปรียบเทียบกับน้องแถวบ้านว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ไม่รุว่าจะเทียบบ้าบอไรนักหนาอ่ะถ้าเค้าดีมากไม่เอาเค้าเป็นลูกไปเลยล่ะ
เครียดดดดดโว้ยยยยยย
ตั้งแต่ขึ้นมัททะยมมามีแต่เรื่องเครียดตลอดอ่ะจนเดี๋ยวนี้ปวดหัวบ่อยมากพอแม่ถามก้อไม่อยากตอบฮือๆๆๆเส้าๆๆๆๆเก็บกด
เดี๋ยวนี้พอโตขึ้นมาก้อคอยเอาแต่จับผิดนุ่นนี่ไปทั่วทิ้งขยะนานก้อถามว่าทำไมทิ้งนานจังก้อเรากดถังขยะอยุ่นี่ขนาดอยุ่แค่หน้าบ้านแท้ๆเฮ้อ แล้วก้อมีอยุ่ครั้งหนึ่งที่เล่นเฟสคุยอยุ่กับเพื่อนที่อยุ่อีกห้องนึงเปนผุชายรุจักกันดีเค้าเปนคนหน่อมแน้มไม่ผุชายเตมตัวเท่าไหร่เราก้อไม่ได้คิดอะไรอยุ่แล้วล่ะพอแม่เปิดประตุเข้ามาก้อถามว่าคุยกับใคร เราก้อว่าป๊อป หยิงรึชายเราก้อบอกว่าชายแต่มันเปนตุ๊ดแม่ก้อไม่ได้ว่าอะไรพอเข้ามาอีกก้อถามอีกว่าคุยกับใครเราก้อบอกว่าป๊อปๆๆแม่ก้อบอกว่าเออคุยกับมันอยุ่ได้คุยไรนักหนาเฮ้อเอากับค้าสิชั้ลล่ะเครียดจริงๆ แล้วก้อมีครั้งหนึ่งคือเราเปลี่ยนโทรสับแล้วทีนี้เบอเพื่อนมันอยุ่อีกเครื่องนึงพอมันโทรมาก้อเปนเบอทำมะดาไม่มีชื่อขึ้นมันเปนผุหยิงวันนั้นแม่ขึ้นไปบนห้องสงสัยจะตรวจดูโทรสับด้วยมั้งแล้วก้อถามว่าเบอคัยเราก้อบอกว่าบุ๋นตอนนั้นมันโทรมาชวนว่ายน้ำน่ะแล้วแม่ก้อบอกว่าอ่าวเรอะนึกว่าเบอผุชายตรงไหนเหนแปลกๆ เฮ้อชั้ลละอยากจะ..จริงๆเลยไม่เคยจะเข้าใจกันอ่ะแล้วก้อมีอีกหลายอย่างที่ประดังประเดเข้ามาในชีวิตอ่ะน่าเบื่อสุดๆวันนั้นเราก้อแค่ขึ้นมาเช็คเฟสพอเสดแล้วก้อจะลงไปแต่แม่ขึ้นมาก่อนพอเปิดประตูแม่ก้อถามว่าทำอะไรน่ากลัวมากอ่ะเราก้อบอกว่าเฟสแม่ก้อบอกว่าอะไรๆๆๆก้อเฟสเล่นอะไรนักหนาอย่างอื่นไม่สนใจวันๆเอาแต่วิ่งเข้าใส่คอมเฮ้อแค่เช็คแปปเดียวกะไม่ได้
-----------------------------------------------------------------------------------
ก็จริงนะ .. เพราะอย่างเราเอง คำด่าที่ไม่ชอบที่สุดและกระทบจิตใจที่สุดคือคำว่า
"อีเ้ย" เพราะเป็นคำที่พ่อเคยด่าใส่เรา แล้วรู้สึกว่ามันแรงที่สุด ,
อย่างแค่ กู - มันก็ไม่ควรเป็นคำของคนในครอบครัวแล้ว
-----------------------------------------------------------------
ผมก็โดนมาเหมือนกันอ่ะครับ แถบยังโดนเปรียบเทียบกับพี่ด้วย ไม่ชอบเลย ถ้าเกิดทนไม่ไหวจริงๆ ซักวันผมก็คงจะฟิวส์ขาดแหล่ะ อยากให้อ่าน แต่ไม่กล้า กลัวโดนด่า ยิ่งอ่านยิ่งเจ็บน่ะครับ เศร้าT^T
-------------------------------------------------------------------------
หัดฟังความคิดลูกซะบ้าง
เอะอะๆ ลงที่ลูก
โว้ยยยยยยย รำคาญ
ที่หน้าทีหลัง
นึกถึงชื่อเพลงของพี่เกต เดอะสตาร์ 6 ด้วย
จำไว้ เกลียดพ่อแม่ที่ชอบทำร้ายลูกทางจิต
--------------------------------------------------------------------------
พ่อแม่ชอบเป็นงี้อ่ะ
พอผมต้องทำงานกลับบ้านเย็น กลับมาถึงบ้านก็ต้องรีบปริ้นท์งาน
แล้วพ่อแม่ก็บอกว่า'งานบ้านมีไม่รู้จักทำ! ถ้าเป็นอย่างนี้อีกจะเอาคอมฯไปขาย!'
โห..อึ้งอ่ะTT แล้วยังชอบเอาเราไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่นว่า ลูกคนอื่นเขาดีอย่างงั้นเขาดีอย่างงี้ พ่อแม่ก็รับเขามาเลี้ยงเลยสิ!! จะห่วงข้อยทำไม!!!TTT[]TTT
บางทีทำอะไรผิดก็โดนด่าๆๆๆ ด่าทีเป็นสเต็ปอ่ะ! ทำเอาเราคิดหนักกว่าเดิม บางทีก็บอกว่า'เอาแม่มันผิดเอง แม่ผิดเองที่เลี้ยงลูกไม่ดีเท่าที่ควร..'
เล่นเอาเราหมองไปเลย แถมยังเอาเรื่องคะแนนสอบของผมไปบอกพวกแม่ของเพื่อนด้วยอ่ะ แล้วท้องห้องมันได้4.00เกือบหมด แล้วเราเป็นคนเดียวที่ได้3.91อ่ะ(แม่คิดว่าเก่ง พอไปเทียบกับลูกคนอื่นแล้วถึงกับหด)
--------------------------------------------------------------------------------
คุณพ่อคุณแม่อาจไม่ได้เข้ามาอ่าน แต่อย่างน้อย แต่พี่เชื่อว่า บทความนี้จะทำให้...น้องๆก็จะพอเข้าใจลักษณะของตนเองมากขึ้น ถ้าน้องๆรู้สึกจริงๆ ว่าด้อยค่า ก็ต้องขอให้คิดมุมกลับด้วยว่าคุณพ่อคุณแม่ของเราเป็นห่วง และอยากให้เราทำสิ่งที่ดี จะได้โตเป้นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต และที่สำคัญ "ไม่มีใครไม่มีคุณค่าแน่นอน"
ดังนั้นน้องๆก็ต้องเชื่อมั่นในตนเองด้วย อย่างไรการที่จะทำให้ตนเองมีความเชื่อมั่นและเชื่อว่าตัวเองมีคุณค่า ก็คือทัศนคติขอตนเองต่อตนเองนี่แหละค่ะ ท่องไปเลย คิดไปเลย จะคิดในในใจ ท่องในใจก็ได้ ถ้าเขิน "เราเป็นคนที่มีคุณค่า เราเป็นคนเก่ง เราเป็นคนดี" ฯลฯ
บทความนี้เขียนสิ่งที่อยากให้พ่อแม่เข้าใจวัยของลูกๆ และพี่ก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่มาอ่านด้วย แต่เว็บเราหลักๆ แล้ว ก็คือ น้องๆ อย่างไรพี่ก็ต้อขอฝากน้องๆบอกต่อ(ใครก็ได้) ด้วยแล้วกัน อิอิ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และเป็นกำลังใจให้กับน้องๆทุกคน
และที่สำคัญที่สุด "สู้ สู้ค่ะ คุณพ่อคุณแม่"
------
ลูกวัยรุ่นเข้าใจยาก แต่เข้าถึงง่าย (ยกมาจาก คห.101 ของเรื่องก่อน)
----------------------------------------------------------------------------
สิบเจ็ดปีที่เราโตมาเหมือนได้แต่มองแฝดผู้ชายอย่างติดจะแค้น
ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ดีเลิศเลอไปเสียทุกอย่าง ส่วนเราดูแล้วแทบไม่มีอะไร
เวลากลับไปที่บ้านดูเหมือนเรามีแต่จะทำให้ครอบครัวร้อนเป็นไฟ แล้วก็ได้แต่รอให้แฝดกลับมา พ่อแม่ก็จะแฮปปีขึ้นมา ส่วนเราก็ได้แต่ถอยไป นั่งเงียบๆ อยู่นอกวง
แล้วพ่อแม่ก็ชอบพูดว่าเราทำตัวอยู่ทุกวันนี้เหมือนครอบครัวตรงไหน
ก็มันแล้วแต่อารมณ์เราจริงๆ บางวันอารมณ์ดีหน่อยก็พยายามทน บางวันเราเหนื่อย เราขี้เกียจพูด ไม่อยากมาอยู่ด้วย เพราะกลัวว่าพูดอะไรออกไปเดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก บางทีพ่อแม่ถามอะไรเรามา เราไม่รู้ หรือเราตอบแบบที่เขามองว่าเด็กๆ เขาก็ว่าเข้าให้ว่าคิดอะไรโง่ๆ สมองมีบ้างไหม ไม่เคยใส่ใจอะไรรอบตัวเลย ไม่ว่าจะเรื่องเรียน ชิงทุน ออกกำลังกาย สังคม เพื่อน สุขภาพ มีปัญหาได้ทุกอย่าง แล้วพ่อแม่ก็จะชอบยกแฝดมาเทียบ
ก็เออ...มันหล่อ มันหุ่นดี มันหัวดี มันรักดี มันขยัน มันเทพ มันเสน่ห์แรง เล่นกีฬาเก่ง เพิ่งจะรู้ว่าพระเอกนิยายมีจริง ก็มีจริงๆ อ่ะ แล้วเราดันเกิดมาอยู่ร่วมบ้าน กินข้าวหม้อเดียวกัน อายุเท่ากัน เลยยิ่งน่าเปรียบเทียบเข้าไปใหญ่
เราไม่เคยแหกกฎโรงเรียน ไม่เคยทำตัวเสเพลเหลวไหล เราพูดภาษาอังกฤษได้เหมือนฝรั่ง เรียนได้เกรดสี่โรงเรียนดัง แต่พ่อแม่ก็ไม่เคยพอใจ เวลาเพื่อนมันชมว่าเราฉลาด เราเก่ง เรากลับรู้สึกละอาย รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับคำชมเลย มันเพราะอะไรกันนะ มันเพราะว่าที่เรามีวันนี้ืพ่อแม่วางแผนมาให้ทุกอย่าง เรารู้สึกว่าเราเหมือนไม่ได้ทำอะไรเลย เราเป็นเด็กธรรมดาๆ จริงๆ เราไม่ได้แตกต่างจากใครเท่าไหร่เลย บางครั้งที่เราท้อใจมาก เราคิดด้วยซ้ำว่าเด็กคนไหนอยากเป็นอย่างเรา เรายินดีแลก
แต่เจ็บจี๊ดเลยก็เพราะแม่ชอบเปรยว่า ถ้าคุณจะเป็นแบบนี้ สู้คุณเป็นเด็กธรรมดาๆ ซะยังดีกว่า
ตกลงจะเอาไงกันแน่ ชีวิตตู - -"
เจ็บสุดๆ เวลาโดนเปรียบเทียบ
แต่เจ็บยิ่งกว่า วันที่พ่อแม่บอกว่าเลิกคาดหวัง ไม่ยุ่งอีกต่อไปแล้ว จะทำอะไรก็ทำ
เจ็บที่สุด ที่พ่อแม่บอกว่า คุณทำให้พวกเราเกลียดขี้หน้าคุณได้ คุณไม่ต้องหวังว่าจะประสบความสำเร็จอะไรในชีวิตนี้แล้วล่ะ
นี่เพิ่งจะเร็วๆ นี้เองนะ เราก็ว่าช่วงนี้เราพยายามประนีประนอม พยายามทำอย่างที่เขาต้องการบ้างแล้วนะ ได้ฟังแบบนี้มันเหมือนกับกรีดใจซ้ำ เจ็บจนชา
เตือนเพื่อนๆ เด็กดีเอาไว้ ว่าจงดีใจที่พ่อแม่ยังพอว่า ดุด่าเราอยู่บ้าง เพราะวันไหนที่เขาเลิกว่า วันนั้นเราจะเจ็บและท้อจนไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตเลย
------------------------------------------------------------------------------
โดนแม่ด่าทุกวันเหมือนกัน ไม่เข้าใจผู้ใหญ่ว่าทำไมชอบเปรียบเทียบ
เวลาทำอะไรผิด ไม่สบาย ยังซ้ำเติมกันได้ เวลาเป็นอะไรไม่กล้าบอกเลย
-----------------------------------------------------------------------------------
เพื่อนรุ่นน้องผมคนหนึ่งพ่อของเธอเป็นคนอารมณ์เสีย
เพราะ เมียเค้าทิ้งไป เค้ามีลูก 3 คน
ทุกๆ วันเค้าจะตีลูก(แม้แต่ตอนหลับ!!!)
จนลูกคนที่ 1 กัน 2 ไปหมดแล้ว
เหลือแต่คนที่ 3 เธอเคนโดยพ่อทุบตีจนแขนหักเลย ..
เธอจึงหนีตามผู้ชายเพื่อหนีพ่อ ...
นี่คือเรื่องจริง .. จากเพื่อนรุ่นน้องผม !
----------------------------------------------------------------
บ้านเราก็เป็น
แต่ไม่ได้แย้ขนาดนั้น พ่อทำงานอยู่ต่างประเทศ แล้วเราขอไปเรียนต่างประเทศพ่อก็พูดว่าต้องเรียนให้เก่ง ต้องหัดดูแลกตัวเองต้องนู้ต้องนี้ แล้วเรื่อยเรียนนี้เครียดสุดเลย เราได้ A* มาหนึ่ง Aและ B อย่างละสองตัวและ C ตัวเดียว(ภาษาไทยนี้เอง TT-TT) พ่อก็ยังบอกว่าเดียวไปแข่งกับคนอื่นแล้วต้องทำให้ดีกว่านี้ เออใช้เราไม่เก่งแบบเพื่อนเราที่ได้B แค่ตัวเดียวและAกับ A* นี้น่า บอกอยู่เรื่องจนเรารู้1สึกกว่าไม่เอาแล้ว ถ้าใครบอกให้อ่านหนังสือเราก็จะไม่อ่านต่อหน้าค่อยไปอ่านที่หลัง เพราะพวกเราไม่เคยเห็นเราดีเลย
เรายังดีที่ไม่เคยโดนเปรีบเทียบแต่ใจเรามันเปรียบเทียบกับเพื่อนเองและ เพื่อนคนที่ได้ A หลายๆตัวไม่ได้เรียพิเศษเลยเราเลยรู้สึกอย่างแย้เลย ว่าทั้งๆที่เราเรียนพิเศษแต่ทำไหมไม่เคยดีกว่ามันเลย ทั้งเรียนวาดรูป ทั้งเรียนเคมี ทั้งเรียนภาษาอังกฤษก็ไม่เคยชนะมันได้เลย จนตอนนี้ไม่อยากไปเรียนต่อเมื่อนอกและ
ส่วนแม่ก็ใช้อารมตลอด อยู่บ้านนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลย พอเราทำอะไรไม่เข้าตาก็อารมขึ้น ถึงแม้จะไม่แสดงออกมากแต่กูรู้ได้จากวิธีขับรถ ที่จะเหยีบไม่หยุด อะไรไม่เข้าตาตัวก็โวยวาย และเรื่องเรียนก็ไม่เคยชมเลย ทั้งๆที่ำพ่านตลอดได้คะแนนดีอีกด้วย แต่ไม่เคยได้รับคำชมหรืออะไรเลย
และเราเป็นพวกที่ชอบชิวบนเน็ตก่อนทำการบ้านก็จะโดนด่าเสมอถ้าง่วงตอนเช้าว่าทำไหมไม่หันทำงานให้เร็วกว่านี้ เจ็บจนปีนี้เลยตั้งใจอ่านหนังสือสอบ (แต่ก็ไม่รอด หลังสอบวันแรกก็ไม่อ่านแล้วโวยยยย)
สุดท้ายนี้รู้ว่ารัก รู้ว่าห่วง รู้ว่าไม่อยากให้ไปไกล รู้ว่าอยากให้เรามีอนาคตดี อยากให้เราเก่งภาษาทังไทยและเทศ มากว่านี้ แต่เข้าใจด้วยว่าเรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่ รู้ว่ามีการบ้าน รู้ว่ามีงานต้องส่ง ไม่ต้องคอยมาเตือนตลอกเพราะรู้สึกว่าเป็นเด็กนะ และสุดท้ายชมบ้าง ปล่อยเราบ้าง เราเก็บกดนะ
-------------------------------------------------------------------------------
หลังจากอ่านของหลายๆคนรู้สึกดีขึ้นเพราะรู้ว่าเราไม่ใช้คนเดียว
ปล.ในสายตาเรา(นะ) ผู้ใหญ่ชอบบอกว่าวัยรุ่นเข้าใจยาก แต่วัยรุ่นคงบอกว่าผู้ใหญ่เข้าใจยากกว่าอีก (มั้ง)
--------------------------------------------------------------------------------------
ผมมีพี่น้องอยู่สองคน(นับตัวเองด้วย) น้องมักจะทำอะไรได้ดีกว่าผมทางด้านวิชาการ ส่วนผมมักเก่งไปทางวิชาศิลปะ แม่ผมบอกว่าผมโง่แล้วไปเอาไปด่าให้คนอื่นๆฟัง ส่วนน้องผมน่ะเหรอถูกชมไม่ขาดสายเลยจากแม่ว่าเรียนเก้งเก่ง แต่ถามจริงเหอะ น้องผมคงจะได้ศิลปะเกรด1ไปด้วยซ้ำถ้าผมไม่ช่วยทำการบ้านของน้องให้น่ะ
ด้านดีๆของผมมันคงไม่มีสักอย่างมั้งพูดแต่ด้านลบให้คนอื่นฟังนี้มันสนุกเนอะ!!
-----------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้เราก็เหนื่อยเหมือนกันตอนนี้เราเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรแล้วเห้อ........เวลาพ่อแม่เราถ้าอารมเสียอยู่นะจะมาพาลใส่เราคนเดียว พี่สาวเราเป็นคนที่เก่งพอสมควร แต่อายุห่างกัน6ปี พ่อแม่เราก็จะบอกว่าดูพี่เธอเป็นตัวอย่างสิเห็นไหมพี่เค้าเรียนหนักมากๆเราก็เลย&

นักจิตวิทยาได้ทำการศึกษาว่า Self-esteem มีความสำคัญต่อความเชื่อในตนเอง เห็นคุณค่าในความสามารถของตนเอง คนที่มี Self-esteem สูง จะเป็นคนที่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องและสามารถรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองได้ มีความภาคภูมิใจในตนเอง มีความมุ่งมั่นในการทำงาน เป็นคนที่พร้อมที่จะรักคนอื่น ซึ่งต่างจากคนที่มี Self-esteem ต่ำ จะเป็นคนที่ทำงานอะไรไม่สำเร็จ และชอบโทษว่าเป็นความผิดคนอื่น ไม่กล้าริเริ่มสิ่งใหม่ เพราะกลัวล้มเหลว และเชื่อว่าตนเองทำไปก็ไม่สำเร็จ
การเห็นคุณค่าในตนเอง หรือเจ้า Self-esteem นี้มาจากการบ่มเพาะความเชื่อมั่นจากผู้ใหญ่ค่ะ ทั้งผู้ปกครอง ครู ญาติ ฯลฯ โดยเฉพาะจากพ่อแม่ของลูกเอง ถ้าลูกทำดีก็ต้องชม ถ้าลูกเจอเรื่องแย่ๆ ก็ต้องให้กำลังใจ แต่ก็ไม่ใช่การชมทุกเรื่อง อวยทุกงาน หรือเข้าข้างทุกอย่างนะคะ
คุณพ่อคุณแม่หลายๆ ท่านอาจจะเหนื่อยจากการทำงาน จนเวลาที่พูดกับลูกก็ไม่ได้ใส่ใจลูกเท่าที่ควร หรือมีคำพูดติดปากที่ไม่ได้ตั้งใจ เช่น "ไม่ได้เรื่อง" อากาศไม่ดีก็ว่า "อากาศไม่ได้เรื่อง" เห็นคนอื่นทำไม่ถูกต้องก็ว่าไม่ได้เรื่อง ลูกน้องทำงานไม่ถูกใจ ก็มาเล่าที่บ้านว่า "ลูกน้องไม่ได้เรื่อง"และสุดท้าย เห็นลูกทำไม่ถูกต้องก็เริ่มต้นประโยคแล้วว่า "ลูกไม่ได้เรื่อง...ลูกทำแบบนั้นมันไม่ถูกนะ ต้องแบบนั้นสิ แบบโน้นสิ" คำว่า "ไม่ได้เรื่อง" อาจไม่ใช่คำหยาบ แต่มันเป็นคำเชิงลบ หากพูดติดปาก และนำมาพูดกับลูกบ่อยๆ มันจะสั่งสมให้คำเหล่านั้นเป็นจริงในใจลูก
นี่หนูคงจะไม่ได้เรื่องจริงๆ ด้วยสินะ
คำเหล่านี้ทำร้ายลูกได้โดยไม่จำเป็นต้องออกมาจากอารมณ์โกรธด้วยซ้ำ ที่สำคัญคำพูดที่เป็นคำเชิงลบ (โดยเฉพาะคำหยาบคาย) ที่ออกมาจากปากพ่อแม่ มันก็เสมือนการอนุญาตให้ลูกพูดคำไม่ดีนั้นเอาอย่างได้

ที่สำคัญคำพูดที่ลูกได้ยินมาแต่เด็กจะทำให้ลูกเลือกที่จะมีบุคลิกภาพบางอย่างที่ทำให้ห่างจากพ่อแม่ด้วยค่ะ

ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการศึกษามาแล้ว ว่าคนที่ Self-esteem ต่ำ บางคนจะกลายเป็นคนเงียบขรึม ไม่กล้า หรืออาจพูดเก่งเพื่อปกป้องความอ่อนแอของตนเอง ในขณะเดียวกัน เมื่อคน Self-esteem ต่ำ ที่โตขึ้นจะมีอัตราการตกงานสูงกว่าคนทั่วไป หรือเปลี่ยนงานบ่อย เพราะรู้สึกไม่พอใจต่องาน ต่อคนรอบข้าง ด้วยเพราะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเสียที
การพูดกับลูกจึงมีวิธีการค่ะ
1. วิจารณ์ให้ถูกทาง ไม่ใช่ตำหนิทุกทีไป การวิจารณ์กับตำหนิใกล้เคียงกัน การวิจารณ์ คือ การบอกว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร แต่ดำหนิ คือ การเอาสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาพูด เวลาที่พ่อแม่ต้องการบอกหรือเตือนอะไรลูก ก็มักจะเริ่มที่สิ่งไม่ดีของลูกก่อน ซึ่งมันก็จะกลายเป็นว่าไปเพ่งที่จุดไม่ดีของลูกมากกว่าที่จะบอกหรือสอนธรรมดา ดังนั้น ถ้าอยากจะบอกจะเตือนอะไรสักอย่าง ให้ใช้การวิจารณ์ที่ดี คือ วิจารณ์ที่เหตุการณ์ที่กำลังเกิด ไม่ใช่สิ่งที่ลูกทำผิดไป เช่น ทำวิ่งเข้ามาในห้อง แล้วทำแจกันตกแตก พ่อแม่น่าจะพูดว่า "ลูกเดินระวังๆ ไปเอาไม้กวาดกับกระดาษหนังสือพิมพ์มาเก็บแจกันที่แตกนะ แม่เสียดายแจกันนี้จัง ป้าซื้อมาให้เสียด้วย" เชื่อได้ว่าลูกจะรับรู้ว่าทำผิด แล้วคราวหน้าจะระวังมากขึ้น การบอกวิธีแก้ไขสั้นๆ และรับมือด้วยความสงบ จะทำให้ลูกรู้สึกผิด และรับผิดชอบต่อเหตุการณ์มากขึ้น

สำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรเลิกติทุกจุด หากคุณพ่อคุณแม่ไม่พอใจพฤติกรรมใดๆ ของลูก อย่าเพิ่งพูดไป ติไปตรงๆ (วัยรุ่นต้องการคำพูดตรงไปตรงมาในเรื่องดี ส่วนที่ไม่ดีต้องอ้อมให้มาก อิอิ) เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว เวลาจะตำหนิ เราจะใช้คำพูดเชิงลบ ที่มันออกมาจากปากเราง่ายๆ แบบไม่ต้องคิดอยู่แล้ว
2. ลดเลิกการพูดเปรียบเทียบ โดยเฉพาะการเปรียบเทียบกับคนวัยเดียวกับลูก ที่เป็นลูกหลานคนรู้จัก เพื่อนลูก หรือคนข้างบ้านก็ตาม เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการการยอมรับจากคนวัยเดียวกันมากที่สุด หากมีการเปรียบขึ้นมา ใจลึกๆ ของลูกจะค้านและต่อต้านให้ถึงที่สุด แม้มันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม ที่สำคัญการถูกเปรียบเทียบก็มักเป็นไปในเชิงด้อยกว่าทั้งนั้น ดังนั้นมันจึงกระทบจุดความเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเองในลูกวัยรุ่นอย่างจังๆ ทุกที

3. ชมให้มากขึ้น พ่อแม่หลายคนอาจเป็นคนชมคนยาก เหมือนที่เราชอบเปรียบเปรยกันเสมอว่า ทำดีเท่าไหร่มันก็เท่าตัว ไม่เหมือนทำชั่วครั้งเดียวโดนตราหน้ากันยันตาย เช่นเดียวกันถ้าลูกของเราทำดี เก่ง มีความสามารถเท่าไหร่ แต่ไม่มีใครบอก ใครชมเลย และยิ่งได้รับรู้แต่เวลาทำผิดทำพลาดสุดท้ายเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีคุณค่าจะรู้แต่ว่าตัวเองแย่ เพราะฉะนั้นชมบ้าง อย่าเขินอาย อย่าคิดว่าลูกจะเหลิง ถือว่ายังไม่สายที่จะทำให้ลูกรับรู้ว่า "ตนเองมีความสามารถ" และเรารักลูกมากขนาดไหน
แต่การชมก็มีเทคนิคอีกเหมือนกัน ถ้าชมจริงใจแต่ใช้คำพูดผิดก็กลายเป็นประชดประชันได้ ที่สำคัญการชมเชยสำหรับวัยรุ่นแล้ว อาจเหมือนการถูกตั้งความคาดหวังหรือกำลังถูกตรวจสอบ ดังนั้น การชมจึงไม่ควรชมอย่างดูไร้สาเหตุ คือ เหมือนชมๆ ไปงั้น ลูกก็อาจคิดว่าพ่อชมเฉยๆ เรื่องแบบนี้ใครก็ทำได้ หรือมีคำพูดชมติดปากอยู่คำเดียว ชมจนคำดังกล่าวดูเกลื่อน เช่น ลูกยอดมาก (แล้วอะไรที่ยอดก็ไม่รู้) ดังนั้น เวลาที่จะชม ก็ให้บอกความรู้สึกตนเองและ ก็ให้ชมไปที่พฤติกรรมของลูกไปเลยค่ะ เช่น ลูกตื่นเช้าเอง ก็บอกไปเลยว่า "วันนี้ลูกตื่นเช้า อาบน้ำแล้ว แม่ชื่นใจมาก"

4.สัมผัสให้กำลังใจ บางครั้งลูกวัยรุ่นอาจไปพบเจอเรื่องที่ทำให้เสียใจ ถูกเพื่อนดูถูก พ่อแม่ควรรับฟังเรื่องของเขาด้วยท่าทีใส่ใจ บอกเขาว่าเรารู้ว่า "ลูกรู้สึกอย่างไร" แต่ถ้าเป็นคนพูดไม่เก่งนัก การสัมผัสใช้แทนได้ ถ้าลูกโตเกินกว่าจะกอด ก็จับมือ จับหลัง พร้อมส่งสายตาปิ๊งๆ ก็ถือเป็นคำชมหรือให้กำลังใจได้เหมือนกัน ทำให้บ่อยมากขึ้น!!
ถึงแม้ตอนนี้อาจจะคิดว่าลูกวัยรุ่นกำลังขาดความเชื่อมั่นในคุณค่าตนเอง และกำลังจะห่างเหิน หรือดูกลายเป็นเด็กมีปัญหาไปแล้ว แต่ยังไม่สายหรอกค่ะที่จะกู้ความเชื่อมั่นของลูกคืนมาได้ เพราะความรัก คำชมเชย คำพูดที่จริงใจ คำสัญญาที่มั่นคงของพ่อแม่ จะยิ่งใหญ่ในใจลูกเสมอ พูดกับลูกด้วยคำพูดเชิงบวกเสียแต่วันนี้!!
--------------------------------------------------------ลั้ลลาคอมเม้นท์-----------------------------------------------------------------------------
หลังจากได้ลองอ่านเรื่องราวของเพื่อนหลายๆคน
ก็ทำให้รู้ว่า ชีวิตของเราเนี่ย
มันสุดยอดที่สุดแล้ว เป็นครอบครัวที่อบอุ่นที่สุดแล้ว
แม้ว่าจะโดนอะไรแบบนี้บ้างเป็นบางครั้งก็ตามที
อันที่จริง พ่อแม่ แบบนี้ ก็คือวัยรุ่นมาก่อน
อาการหรือนิสัย อาจจะเกิดจากการเลี้ยงดูที่ไม่ค่อยดีในวัยเด็ก
ไม่มีใครบอกว่าอะไรถูกหรือผิด
และนั่นมันทำให้เราเข้าใจได้ว่า
ถ้าเราโตเป็นผู้ใหญ่ เราจะต้องทำตัวให้มันดีมากกว่านี้
จะทำความเข้าใจเด็กๆ จะไม่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
จะไม่ทำอะไรที่เป็นการบั่นทอนกำลังใจของเด็ก
อาจจะจริงอยู่ว่า สภาพสังคม สภาพเศรษฐกิจของปัจจุบันนี้
มันทำให้ต้องใช้ชีวตที่เร่งรีบ สนแต่งาน ไม่งั้นไม่มีกิน
จนอาจจะลืมไปว่า ควาสุขที่แท้จริงแล้ว ไม่่ใช่อะไรเลย...
นอกจาก ความรัก ความเข้าใจกันในครอบครัว
จริงมั้ยคะ?
อยากให้เพื่อนๆ เก็บความรู้สึกน้อยใจในวัยเด็กนี้
ไปเป็นสิ่งเตือนใจต่อการกระทำในอนาคตข้างหน้า
แต่อย่าฝังใจเอาไปขัดขวางชีวิตที่ดีของตนเองนะคะ
-----------------------------------------------------------
ผมคิดว่า ต่อให้พ่อแม่เค้าว่าอย่างไร ยังไง เขาก็ยังรักพวกเราอยู่ดีครับ ผม
แต่ที่พูดนั้นอาจจะเป็นเพราะอารมณ์ เราก็ควรจะเข้าใจและพัฒนาส่วนที่ไม่ดี
ของเรา ให้ดียิ่งขึ้น ถ้าเขาไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจแหละ 55 แต่ผมเชื่อนะ ถ้าเราคิดดี
ตั้งใจทำให้มันดี ซักวัน สิ่งดีๆที่เราทำ เราตั้งใจ พัฒนา มันจะส่งผลดีต่อเรา แล้ววัน
นั้น พ่อแม่ ก็จะเข้าใจเราเอง เชื่อมั่น ในสิ่งที่ดีไว้ครับ และที่สำคัญ
ลูกที่ดีควรกตัญญูต่อพ่อแม่ ครับ ความกตัญญูเป็นคุณสมบัติของสัตบุรุษ
---------------------------------------------------------------------------------
ว้าว ตรงมากเลย
แล้วจนเราเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายอ่ะ เราจะคิดมากตลอดเลย ตอนนี้เราย้ายมาอยู่กับน้าที่อเมริกา แล้วไม่รู้เป็นอะไรนะ เวลาน้าว่าน้อง เราก็จะคิดว่า ว่าเราด้วย อะไรเงี้ย เช่น ทำไมไม่เก็บบ้าน (ว่าน้อง) แต่เราก็หันไป แล้วไปเก็บให้น้องแทน ประมาณนี้ -*- คือเราจะรู้สึกว่า ตัวเองผิดตลอดเลย ไม่ว่าตัวเองจะทำหรือไม่ทำก็ตาม ไม่รู้เป็นไร หรือเราโรคจิตไปแล้วเนี้ย???
---------------------------------------------------------------------------------------------------
เจอเปรียบเทียบตั้งแต่เด็กยันโต จนเบื่อละ อยากพูดอะไรก็พูดไปเลย ที่พูดมาในคอลัมนี้โดนทุกอย่างค่ะ เมื่อไหร่จะหลุดพ้นน้า โดนทั้งด่า เปรียบเทียบ เห็นพ่อแม่ตีกันมาแต่เด็ก ทำอะไรผิดไปโหม๊ดดดด เรียนได้ที่ดีๆ ก็บอกว่าแย่กว่าคนอื่น ไม่เคยชมบ้างเล้ยยย มีแต่ด่า อยากให้เป็นอย่างคนนู้นคนนี้ อยากให้เรียนเก่ง แต่ไม่เคยสนใจ ขอเรียนพิเศษนู่นนี่ ก็ไม่ให้หาว่าไร้สาระ แล้วอยากให้เก่ง คนไม่เคยเรียนไม่เคยคลุกคลี ไม่ใช่พระพุทธเจ้าซะหน่อยที่เกิดมาก็เดินได้เลย อุตส่าห์หางานอยากได้งานดีๆ พอไม่ได้ก็โดนดูถูก แล้วจะกล้าไปหางานต่อไหม ด่ากันตลอดดดด เซ็ง มีหลายครั้งที่คิดว่าตายเลยดีไม๊ จะได้ไม่ต้องรู้สึกอะไร ก็ดีนะ แต่ไม่ดีกว่าเดี๋ยวก็ผ่านมันไปได้ ทนๆไปเหอะ พอบอกอยากเป็นแบบนั้นก็บอกไส้แห้งเป็นทำไม อ่าว???? โตขึ้นมาบอกเริ่มลงมือทำแล้วคาดหวังว่าอยากเป็นแบบนั้นบ้าง ก็ถูกมองด้วยสายตาแบบว่า.... แล้วก็แค่นหัวเราะในลำคอ เฮอะ เอาเล้ยยยยย เรามันไม่มีอะไรดีอยู่แล้ววววววววว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พ่อเราก็เคย-_-
ตอนนั้นเราขอให้พ่อช่วยทำอะไรให้สักอย่างพ่อก็ด่าเราด่าเยอะ แต่เจ็บสุดคือตอนที่พ่อด่าว่า "ควายเอ๊ย"แบบว่าจี๊ดมาก ปรอทแตก ตอนนั้นเราตอบกลับไปว่า "เออ!!ก็หนูเป็นแบบนี้นี่ ใครมันจะเพอร์เฟ็คแบบที่พ่อบอกล่ะ ถ้าหนูมันแย่มาก ไม่หาเด็กคนอื่นมาเลี้ยงเลยล่ะ!" แล้วเราก็เข้าห้องเรา หลังจากนั้นเราก็กล้าใช้คำว่า "ควาย" ในที่สุด- -
----------------------------------------------------------------
เราก๊เหมือนกัน ดดนเหมือนกันเรย เราเรียนอยุสายวิทย์ คณิต เรียนก็หนัก งานก็เยอะ ไหนจะเรียนพิเศษอีก ว่างก๊แค่วันเดียวคือวันอาทิตที่จะได้พักผ่อน ก็โดนด่า โดนว่า ว่าไม่ทำงานบ้าน นอนดึก สาระพัดมากมาย ใจจิงนะ ก๊ไม่อยากนอนดึกหรอกถ้าไม่มีการบ้าน ไม่มีหนังสือที่ต้องให้อ่าน ส่วนงานบ้าน ว่างวันอาทิตวันเดียว ก็ทำแล้วไง ซักผ้า กวาดบ้าน ทำทุกอย่าง วันอื่นก๊รู้กันอยุว่าเรียนพิเศษกลับบ้านมาดึก จะให้มากวาดบ้านตอนกลางคืนหรอ?? เรื่องการเรียนอีกเราเรียนอยุโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอันดับ1ของจังหวัด เรียนก็หนัก ยากก็ยาก งานก็เยอะ กดเกรดดีอีก เราได้เกรดประมาณ 3.6 ก็เอาเราไปเปรียบเทียบกับลูกพี่ลูกน้องที่เรียนอยุในชั้นเดียวกันว่าทำไมเขาทำได้ตั้ง3.7 กว่า แล้วเคยไปดูโรงเรียนนั้นบ้างมั้ยละว่าเขาสอนกันยังไง เค้ากดเกรดเมื่อดรงเรียนเรามั้ย ลูกพี่ลูกน้องคนนี้นะ เปนคนมาบอกเราเองว่าเหลืออีก2คะแนนจะได้เกรด4ครูเรยให้ทำใบงาน1แผ่น แล้วเอาเกรด4ไปเลย แต่โรงเรียนเรา ได้แค่ไหนแค่นั้น ทำไมต้องเอาไปเปรียบเทียบตลอด ทำไมไม่ดูมาตรฐานกันบ้าง อยากบอกว่าอยุบ้านก๊เก็บกดนะ ทำอารัยก๊โดนว่าๆๆๆ
เราอยากบอกเลย ว่าบ้างสิ่งบางอย่างเรารุนะว่าเราต้องทำ อย่างกับทำงานบ้านเรารุนะว่าต้องทำ แต่เราขอนอนตื่นสัก8โมง แร้วมาทำไม่ได้หรอไง กว่าจะทำงานเสร็จก๊ดึกแล้ว ยังจะให้ตื่นเช้ามาอีก ถ้าวันไหนเราโดนด่านะ ว่าต้องทำนู้น ทำนี้ ทั้งๆที่เราก๊รุแร้วว่าเราต้องทำ แต่พอมาด่ามาว่ากัน เรารู้สึกขึ้นมาทันทีว่าไม่อยากทำ แล้วเราก็จะไม่ทำมันจิงๆ ไม่ว่าจะเปนเรื่องอารัยเราจะไม่ทำมันเลย
เราเรียนพิเศษเลิกดึก เลิกแร้วก๊กลับบ้านทุกครั้ง ไม่เคยได้ไปเที่ยวไหน วันไหนที่ทำโครงงานเราขอไปทำบ้านเพื่อน ก๊หาว่าเราจะไปเที่ยวกับเพื่อน ทั้งๆทุกวันนี้ เราแทบไม่เคยได้ไปเดินห้างเลยแม้แต่วินาทีเดียว พอโดนกดดันเข้าๆๆๆทุกวัน มันก๊เก็บกดมากๆ วันนั้นเลยไปเที่ยวกับเพื่อนโดยที่ไม่บอกคัยสักคน(ก็แค่ไปดูหนังเรื่องเดียว)พอรู้ก๊โดนด่า บอกว่าห้ามไปอีก เราเลยบอกไปว่า ทำไม?? จะไป อยากด่า อยากว่าอารัยก๊เชิญ พอไม่เคยเที่ยวก็ด่า พอเที่ยวก็ด่า งั้นเลือกเที่ยวดีกว่า เพราะยังงัยก็โดนด่าอยุดี
ทุกวันนี้อยากจม.6เร็วๆ จะได้ไม่ต้องอยุบ้าน อยากจะไปอยุมหาลัย อยากอยุหอ ไม่อยากจะกลับมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก หลายคนบอกว่า บ้านคือวิมาน...แต่ป่าวเรย สำหรับฉัน บ้านคือ นรกชัดๆ
------------------------------------------------------------------------------
คนอื่น ว่าเราแรงๆ เราไม่เคยรู้สึกอะไรเลยน่ะ แต่ทำ เวลาพ่อแม่ด่าคำแรงๆทีไร มันต้องร้องไห้ เคยมั๊ยที่โดน ตี ด่า ว่า แล้วร้องไห้ แล้วยังตีซ้ำบอกให้หยุด ร้อง แล้วพอถามว่าตีทำไม ไม่มีเหตุผล เลย !! เดินหนี ! ผู้ใหญ่ชอบใช้อารมณ์ มาก่อนเหตุผล เฮ้อ ทำอะไรไม่เคยคิด โตมาจนแก่ แล้วน่ะ = =; มีสมองก็คิดบ้างสิ เหอๆๆๆ =__=;
------------------------------------------------------------
เครียดเนอะ! บางที่คิดจะฆ่าตัวตายเลยอ่ะ เก็บกดมากค่ะ
ไม่อยากอยู่บนโลกนี้แล้วอ่ะ ทำไงดี บางที่เคยคิดจะไปจิตแพทย์นะ
เรานะยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นนะ แต่ที่ต้องรับรู้ทุกวันนะมันหนักนะ หนักมากๆๆ
พูดกับใคร ระบายกับใครก็ไม่ได้
นิสัยส่วนตัวเราที่ทุกคน และคนในครอบครัวรู้คือเป็นคนยิ้มแย้ม
หัวเราะได้ทุกเวลา (เหมือนคนบ้า < คนในครอบครัวว่า)
แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่เขยเคยพูดว่า "บ้ารึป่าว ตั้งแต่พี่มาบ้านป้า เห็นเราชอบหัวเราะได้ทั้งวันเลย มีอะไรรึป่าว" ตอนที่พี่เขยพูดก็ยัง งงๆ อยู่เลย แต่พอเข้าใจที่พี่เขยพูดก็ไม่ได้ตอบอะไร เพราะไม่รู้จะตอบอะไร (หัวเราะ กลบเกลือนคะ)
แต่ก็เป็นคนที่มีอะไรก็ไม่ค่อยพูด จะเก็บไว้ในใจมีเรื่องอะไรก็เก็บ จนตอนนี้มันติดเป็นนิสัยไปแล้ว โดนด่า ว่า เพราะอะไรยังไม่รู้เลย แต่ก็ไม่เถียง ไม่พูด เพราะเราไม่ผิด ถ้าพูดไปเขาก็หาว่าเราเถียงอีก
ส่วนที่ระบายก็ ร้อนไห้ ในห้องนอน ห้องน้ำ ไม่ให้ใครรู้ บางที่อยากจะร้องไห้ดังๆ อยากจะกรี๊ดดังๆ
เราเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่จะยิ้มและหัวเราะมากกว่า
บางที่เวลาโดน ด่า โดนว่า เราก็จะไปน้า ไปนั้งดูทีวีทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ข้างในมันร้องไห้ พอน้าถามว่า โดนด่ามาเหรอ เท่าแหละบ้อน้ำตาแตกเลย
อยากจะความคิดเห็นบาง อยากทำอะไรที่วัยรุ่นเขาทำบาง แต่ก็ไม่ได้ ต้องอยู่ในกรอบที่เขาวางไว้ให้ มันไม่มีอิสระเลย เฮ้อ! ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว รู้อย่างเดียว เคลียด!... มากๆ
ต้องเคลียดสักวันแน่ๆ ทุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
------------------------------------------------------------------------------------
ใช่เลยค่ะ พ่อไม่เคยเข้าใจเลย เห็นแต่ด้านดีของตัวเองเท่านั้น วันนี้เราเรียนหมอ พ่อก็มักอวดกับคนอื่นๆว่า เป็นเพราะพ่อต่างหาก เราถึงได้ดีขนาดนี้ พ่อไม่เคยรู้หรอกว่าลึกๆแล้วเราเจ็บปวดมาก ทุกวันนี้เราคนที่ Self-esteem ต่ำ เป็นคนเงียบขรึม ไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวเองเลย พ่อชอบว่าเราไม่ได้เรื่อง โง่ เราเจ็บมาก ไม่งั้นก็มีตบตี บอกกับใครก็ไม่ได้เพราะเขาจะหาว่าเราอกกตัญญู ตอนมอปลายเราเลยประชดพ่อด้วยการทำทุกอย่างกับสิ่งที่พ่อต้องการให้ทำ เราเกลียดพ่อมากเลย อยากให้พ่อออกจากชีวิตเราไปเร็วๆ
------------------------------------------------------------------------------------
เบื่อเซงมากกกกกกกกกกกกอยุ่โรงเรียนพอเวลาเลิกเรียนเสดปุ๊ปก้อต้องทำอย่างอื่นอีกแม่ก้อเอาแต่โทรว่าเมื่อไหร่จะกลับๆๆๆๆๆๆพอถามไปว่าจะรีบกลับไปทำไมแม่ก้อบอกว่าจะได้มาทำความสะอาดบ้าน
โอ้ยอยากจะบ้าตาย มาช่วยกันทำบ้างสิ ช่วยน่ะก้ออยากช่วยแต่เราเรียนก้อเหนื่อยจตายอยุ่แล้วกิจกรรมก้อเยอะก้อยังดันมาบังคับจู้จี้จุกจิกพอถึงเวลาเดี๋ยวก้อทำเองแหละงนี้
พอเวลาจะทำกำลังจะลงไปข้างล่างเงี้ยแม่ก้อขึ้นมาพอดีบอกว่าเมื่อไหร่จะทำเราก้อบอกว่าก้อกำลังจะทำอยุ่นี่ไงเฮ้อเซงเวบาทำไรไม่ถูกใจอยุ่เฉยๆก้อบ่นๆๆเอาเราไปเปรียบเทียบกับน้องแถวบ้านว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ไม่รุว่าจะเทียบบ้าบอไรนักหนาอ่ะถ้าเค้าดีมากไม่เอาเค้าเป็นลูกไปเลยล่ะ
เครียดดดดดโว้ยยยยยย
ตั้งแต่ขึ้นมัททะยมมามีแต่เรื่องเครียดตลอดอ่ะจนเดี๋ยวนี้ปวดหัวบ่อยมากพอแม่ถามก้อไม่อยากตอบฮือๆๆๆเส้าๆๆๆๆเก็บกด
เดี๋ยวนี้พอโตขึ้นมาก้อคอยเอาแต่จับผิดนุ่นนี่ไปทั่วทิ้งขยะนานก้อถามว่าทำไมทิ้งนานจังก้อเรากดถังขยะอยุ่นี่ขนาดอยุ่แค่หน้าบ้านแท้ๆเฮ้อ แล้วก้อมีอยุ่ครั้งหนึ่งที่เล่นเฟสคุยอยุ่กับเพื่อนที่อยุ่อีกห้องนึงเปนผุชายรุจักกันดีเค้าเปนคนหน่อมแน้มไม่ผุชายเตมตัวเท่าไหร่เราก้อไม่ได้คิดอะไรอยุ่แล้วล่ะพอแม่เปิดประตุเข้ามาก้อถามว่าคุยกับใคร เราก้อว่าป๊อป หยิงรึชายเราก้อบอกว่าชายแต่มันเปนตุ๊ดแม่ก้อไม่ได้ว่าอะไรพอเข้ามาอีกก้อถามอีกว่าคุยกับใครเราก้อบอกว่าป๊อปๆๆแม่ก้อบอกว่าเออคุยกับมันอยุ่ได้คุยไรนักหนาเฮ้อเอากับค้าสิชั้ลล่ะเครียดจริงๆ แล้วก้อมีครั้งหนึ่งคือเราเปลี่ยนโทรสับแล้วทีนี้เบอเพื่อนมันอยุ่อีกเครื่องนึงพอมันโทรมาก้อเปนเบอทำมะดาไม่มีชื่อขึ้นมันเปนผุหยิงวันนั้นแม่ขึ้นไปบนห้องสงสัยจะตรวจดูโทรสับด้วยมั้งแล้วก้อถามว่าเบอคัยเราก้อบอกว่าบุ๋นตอนนั้นมันโทรมาชวนว่ายน้ำน่ะแล้วแม่ก้อบอกว่าอ่าวเรอะนึกว่าเบอผุชายตรงไหนเหนแปลกๆ เฮ้อชั้ลละอยากจะ..จริงๆเลยไม่เคยจะเข้าใจกันอ่ะแล้วก้อมีอีกหลายอย่างที่ประดังประเดเข้ามาในชีวิตอ่ะน่าเบื่อสุดๆวันนั้นเราก้อแค่ขึ้นมาเช็คเฟสพอเสดแล้วก้อจะลงไปแต่แม่ขึ้นมาก่อนพอเปิดประตูแม่ก้อถามว่าทำอะไรน่ากลัวมากอ่ะเราก้อบอกว่าเฟสแม่ก้อบอกว่าอะไรๆๆๆก้อเฟสเล่นอะไรนักหนาอย่างอื่นไม่สนใจวันๆเอาแต่วิ่งเข้าใส่คอมเฮ้อแค่เช็คแปปเดียวกะไม่ได้
-----------------------------------------------------------------------------------
ก็จริงนะ .. เพราะอย่างเราเอง คำด่าที่ไม่ชอบที่สุดและกระทบจิตใจที่สุดคือคำว่า
"อีเ้ย" เพราะเป็นคำที่พ่อเคยด่าใส่เรา แล้วรู้สึกว่ามันแรงที่สุด ,
อย่างแค่ กู - มันก็ไม่ควรเป็นคำของคนในครอบครัวแล้ว
-----------------------------------------------------------------
ผมก็โดนมาเหมือนกันอ่ะครับ แถบยังโดนเปรียบเทียบกับพี่ด้วย ไม่ชอบเลย ถ้าเกิดทนไม่ไหวจริงๆ ซักวันผมก็คงจะฟิวส์ขาดแหล่ะ อยากให้อ่าน แต่ไม่กล้า กลัวโดนด่า ยิ่งอ่านยิ่งเจ็บน่ะครับ เศร้าT^T
-------------------------------------------------------------------------
หัดฟังความคิดลูกซะบ้าง
เอะอะๆ ลงที่ลูก
โว้ยยยยยยย รำคาญ
ที่หน้าทีหลัง
นึกถึงชื่อเพลงของพี่เกต เดอะสตาร์ 6 ด้วย
จำไว้ เกลียดพ่อแม่ที่ชอบทำร้ายลูกทางจิต
--------------------------------------------------------------------------
พ่อแม่ชอบเป็นงี้อ่ะ
พอผมต้องทำงานกลับบ้านเย็น กลับมาถึงบ้านก็ต้องรีบปริ้นท์งาน
แล้วพ่อแม่ก็บอกว่า'งานบ้านมีไม่รู้จักทำ! ถ้าเป็นอย่างนี้อีกจะเอาคอมฯไปขาย!'
โห..อึ้งอ่ะTT แล้วยังชอบเอาเราไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่นว่า ลูกคนอื่นเขาดีอย่างงั้นเขาดีอย่างงี้ พ่อแม่ก็รับเขามาเลี้ยงเลยสิ!! จะห่วงข้อยทำไม!!!TTT[]TTT
บางทีทำอะไรผิดก็โดนด่าๆๆๆ ด่าทีเป็นสเต็ปอ่ะ! ทำเอาเราคิดหนักกว่าเดิม บางทีก็บอกว่า'เอาแม่มันผิดเอง แม่ผิดเองที่เลี้ยงลูกไม่ดีเท่าที่ควร..'
เล่นเอาเราหมองไปเลย แถมยังเอาเรื่องคะแนนสอบของผมไปบอกพวกแม่ของเพื่อนด้วยอ่ะ แล้วท้องห้องมันได้4.00เกือบหมด แล้วเราเป็นคนเดียวที่ได้3.91อ่ะ(แม่คิดว่าเก่ง พอไปเทียบกับลูกคนอื่นแล้วถึงกับหด)
--------------------------------------------------------------------------------
คุณพ่อคุณแม่อาจไม่ได้เข้ามาอ่าน แต่อย่างน้อย แต่พี่เชื่อว่า บทความนี้จะทำให้...น้องๆก็จะพอเข้าใจลักษณะของตนเองมากขึ้น ถ้าน้องๆรู้สึกจริงๆ ว่าด้อยค่า ก็ต้องขอให้คิดมุมกลับด้วยว่าคุณพ่อคุณแม่ของเราเป็นห่วง และอยากให้เราทำสิ่งที่ดี จะได้โตเป้นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต และที่สำคัญ "ไม่มีใครไม่มีคุณค่าแน่นอน"
ดังนั้นน้องๆก็ต้องเชื่อมั่นในตนเองด้วย อย่างไรการที่จะทำให้ตนเองมีความเชื่อมั่นและเชื่อว่าตัวเองมีคุณค่า ก็คือทัศนคติขอตนเองต่อตนเองนี่แหละค่ะ ท่องไปเลย คิดไปเลย จะคิดในในใจ ท่องในใจก็ได้ ถ้าเขิน "เราเป็นคนที่มีคุณค่า เราเป็นคนเก่ง เราเป็นคนดี" ฯลฯ
บทความนี้เขียนสิ่งที่อยากให้พ่อแม่เข้าใจวัยของลูกๆ และพี่ก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่มาอ่านด้วย แต่เว็บเราหลักๆ แล้ว ก็คือ น้องๆ อย่างไรพี่ก็ต้อขอฝากน้องๆบอกต่อ(ใครก็ได้) ด้วยแล้วกัน อิอิ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และเป็นกำลังใจให้กับน้องๆทุกคน
และที่สำคัญที่สุด "สู้ สู้ค่ะ คุณพ่อคุณแม่"
------
ลูกวัยรุ่นเข้าใจยาก แต่เข้าถึงง่าย (ยกมาจาก คห.101 ของเรื่องก่อน)
----------------------------------------------------------------------------
สิบเจ็ดปีที่เราโตมาเหมือนได้แต่มองแฝดผู้ชายอย่างติดจะแค้น
ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ดีเลิศเลอไปเสียทุกอย่าง ส่วนเราดูแล้วแทบไม่มีอะไร
เวลากลับไปที่บ้านดูเหมือนเรามีแต่จะทำให้ครอบครัวร้อนเป็นไฟ แล้วก็ได้แต่รอให้แฝดกลับมา พ่อแม่ก็จะแฮปปีขึ้นมา ส่วนเราก็ได้แต่ถอยไป นั่งเงียบๆ อยู่นอกวง
แล้วพ่อแม่ก็ชอบพูดว่าเราทำตัวอยู่ทุกวันนี้เหมือนครอบครัวตรงไหน
ก็มันแล้วแต่อารมณ์เราจริงๆ บางวันอารมณ์ดีหน่อยก็พยายามทน บางวันเราเหนื่อย เราขี้เกียจพูด ไม่อยากมาอยู่ด้วย เพราะกลัวว่าพูดอะไรออกไปเดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก บางทีพ่อแม่ถามอะไรเรามา เราไม่รู้ หรือเราตอบแบบที่เขามองว่าเด็กๆ เขาก็ว่าเข้าให้ว่าคิดอะไรโง่ๆ สมองมีบ้างไหม ไม่เคยใส่ใจอะไรรอบตัวเลย ไม่ว่าจะเรื่องเรียน ชิงทุน ออกกำลังกาย สังคม เพื่อน สุขภาพ มีปัญหาได้ทุกอย่าง แล้วพ่อแม่ก็จะชอบยกแฝดมาเทียบ
ก็เออ...มันหล่อ มันหุ่นดี มันหัวดี มันรักดี มันขยัน มันเทพ มันเสน่ห์แรง เล่นกีฬาเก่ง เพิ่งจะรู้ว่าพระเอกนิยายมีจริง ก็มีจริงๆ อ่ะ แล้วเราดันเกิดมาอยู่ร่วมบ้าน กินข้าวหม้อเดียวกัน อายุเท่ากัน เลยยิ่งน่าเปรียบเทียบเข้าไปใหญ่
เราไม่เคยแหกกฎโรงเรียน ไม่เคยทำตัวเสเพลเหลวไหล เราพูดภาษาอังกฤษได้เหมือนฝรั่ง เรียนได้เกรดสี่โรงเรียนดัง แต่พ่อแม่ก็ไม่เคยพอใจ เวลาเพื่อนมันชมว่าเราฉลาด เราเก่ง เรากลับรู้สึกละอาย รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับคำชมเลย มันเพราะอะไรกันนะ มันเพราะว่าที่เรามีวันนี้ืพ่อแม่วางแผนมาให้ทุกอย่าง เรารู้สึกว่าเราเหมือนไม่ได้ทำอะไรเลย เราเป็นเด็กธรรมดาๆ จริงๆ เราไม่ได้แตกต่างจากใครเท่าไหร่เลย บางครั้งที่เราท้อใจมาก เราคิดด้วยซ้ำว่าเด็กคนไหนอยากเป็นอย่างเรา เรายินดีแลก
แต่เจ็บจี๊ดเลยก็เพราะแม่ชอบเปรยว่า ถ้าคุณจะเป็นแบบนี้ สู้คุณเป็นเด็กธรรมดาๆ ซะยังดีกว่า
ตกลงจะเอาไงกันแน่ ชีวิตตู - -"
เจ็บสุดๆ เวลาโดนเปรียบเทียบ
แต่เจ็บยิ่งกว่า วันที่พ่อแม่บอกว่าเลิกคาดหวัง ไม่ยุ่งอีกต่อไปแล้ว จะทำอะไรก็ทำ
เจ็บที่สุด ที่พ่อแม่บอกว่า คุณทำให้พวกเราเกลียดขี้หน้าคุณได้ คุณไม่ต้องหวังว่าจะประสบความสำเร็จอะไรในชีวิตนี้แล้วล่ะ
นี่เพิ่งจะเร็วๆ นี้เองนะ เราก็ว่าช่วงนี้เราพยายามประนีประนอม พยายามทำอย่างที่เขาต้องการบ้างแล้วนะ ได้ฟังแบบนี้มันเหมือนกับกรีดใจซ้ำ เจ็บจนชา
เตือนเพื่อนๆ เด็กดีเอาไว้ ว่าจงดีใจที่พ่อแม่ยังพอว่า ดุด่าเราอยู่บ้าง เพราะวันไหนที่เขาเลิกว่า วันนั้นเราจะเจ็บและท้อจนไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตเลย
------------------------------------------------------------------------------
โดนแม่ด่าทุกวันเหมือนกัน ไม่เข้าใจผู้ใหญ่ว่าทำไมชอบเปรียบเทียบ
เวลาทำอะไรผิด ไม่สบาย ยังซ้ำเติมกันได้ เวลาเป็นอะไรไม่กล้าบอกเลย
-----------------------------------------------------------------------------------
เพื่อนรุ่นน้องผมคนหนึ่งพ่อของเธอเป็นคนอารมณ์เสีย
เพราะ เมียเค้าทิ้งไป เค้ามีลูก 3 คน
ทุกๆ วันเค้าจะตีลูก(แม้แต่ตอนหลับ!!!)
จนลูกคนที่ 1 กัน 2 ไปหมดแล้ว
เหลือแต่คนที่ 3 เธอเคนโดยพ่อทุบตีจนแขนหักเลย ..
เธอจึงหนีตามผู้ชายเพื่อหนีพ่อ ...
นี่คือเรื่องจริง .. จากเพื่อนรุ่นน้องผม !
----------------------------------------------------------------
บ้านเราก็เป็น
แต่ไม่ได้แย้ขนาดนั้น พ่อทำงานอยู่ต่างประเทศ แล้วเราขอไปเรียนต่างประเทศพ่อก็พูดว่าต้องเรียนให้เก่ง ต้องหัดดูแลกตัวเองต้องนู้ต้องนี้ แล้วเรื่อยเรียนนี้เครียดสุดเลย เราได้ A* มาหนึ่ง Aและ B อย่างละสองตัวและ C ตัวเดียว(ภาษาไทยนี้เอง TT-TT) พ่อก็ยังบอกว่าเดียวไปแข่งกับคนอื่นแล้วต้องทำให้ดีกว่านี้ เออใช้เราไม่เก่งแบบเพื่อนเราที่ได้B แค่ตัวเดียวและAกับ A* นี้น่า บอกอยู่เรื่องจนเรารู้1สึกกว่าไม่เอาแล้ว ถ้าใครบอกให้อ่านหนังสือเราก็จะไม่อ่านต่อหน้าค่อยไปอ่านที่หลัง เพราะพวกเราไม่เคยเห็นเราดีเลย
เรายังดีที่ไม่เคยโดนเปรีบเทียบแต่ใจเรามันเปรียบเทียบกับเพื่อนเองและ เพื่อนคนที่ได้ A หลายๆตัวไม่ได้เรียพิเศษเลยเราเลยรู้สึกอย่างแย้เลย ว่าทั้งๆที่เราเรียนพิเศษแต่ทำไหมไม่เคยดีกว่ามันเลย ทั้งเรียนวาดรูป ทั้งเรียนเคมี ทั้งเรียนภาษาอังกฤษก็ไม่เคยชนะมันได้เลย จนตอนนี้ไม่อยากไปเรียนต่อเมื่อนอกและ
ส่วนแม่ก็ใช้อารมตลอด อยู่บ้านนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลย พอเราทำอะไรไม่เข้าตาก็อารมขึ้น ถึงแม้จะไม่แสดงออกมากแต่กูรู้ได้จากวิธีขับรถ ที่จะเหยีบไม่หยุด อะไรไม่เข้าตาตัวก็โวยวาย และเรื่องเรียนก็ไม่เคยชมเลย ทั้งๆที่ำพ่านตลอดได้คะแนนดีอีกด้วย แต่ไม่เคยได้รับคำชมหรืออะไรเลย
และเราเป็นพวกที่ชอบชิวบนเน็ตก่อนทำการบ้านก็จะโดนด่าเสมอถ้าง่วงตอนเช้าว่าทำไหมไม่หันทำงานให้เร็วกว่านี้ เจ็บจนปีนี้เลยตั้งใจอ่านหนังสือสอบ (แต่ก็ไม่รอด หลังสอบวันแรกก็ไม่อ่านแล้วโวยยยย)
สุดท้ายนี้รู้ว่ารัก รู้ว่าห่วง รู้ว่าไม่อยากให้ไปไกล รู้ว่าอยากให้เรามีอนาคตดี อยากให้เราเก่งภาษาทังไทยและเทศ มากว่านี้ แต่เข้าใจด้วยว่าเรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่ รู้ว่ามีการบ้าน รู้ว่ามีงานต้องส่ง ไม่ต้องคอยมาเตือนตลอกเพราะรู้สึกว่าเป็นเด็กนะ และสุดท้ายชมบ้าง ปล่อยเราบ้าง เราเก็บกดนะ
-------------------------------------------------------------------------------
หลังจากอ่านของหลายๆคนรู้สึกดีขึ้นเพราะรู้ว่าเราไม่ใช้คนเดียว
ปล.ในสายตาเรา(นะ) ผู้ใหญ่ชอบบอกว่าวัยรุ่นเข้าใจยาก แต่วัยรุ่นคงบอกว่าผู้ใหญ่เข้าใจยากกว่าอีก (มั้ง)
--------------------------------------------------------------------------------------
ผมมีพี่น้องอยู่สองคน(นับตัวเองด้วย) น้องมักจะทำอะไรได้ดีกว่าผมทางด้านวิชาการ ส่วนผมมักเก่งไปทางวิชาศิลปะ แม่ผมบอกว่าผมโง่แล้วไปเอาไปด่าให้คนอื่นๆฟัง ส่วนน้องผมน่ะเหรอถูกชมไม่ขาดสายเลยจากแม่ว่าเรียนเก้งเก่ง แต่ถามจริงเหอะ น้องผมคงจะได้ศิลปะเกรด1ไปด้วยซ้ำถ้าผมไม่ช่วยทำการบ้านของน้องให้น่ะ
ด้านดีๆของผมมันคงไม่มีสักอย่างมั้งพูดแต่ด้านลบให้คนอื่นฟังนี้มันสนุกเนอะ!!
-----------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้เราก็เหนื่อยเหมือนกันตอนนี้เราเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรแล้วเห้อ........เวลาพ่อแม่เราถ้าอารมเสียอยู่นะจะมาพาลใส่เราคนเดียว พี่สาวเราเป็นคนที่เก่งพอสมควร แต่อายุห่างกัน6ปี พ่อแม่เราก็จะบอกว่าดูพี่เธอเป็นตัวอย่างสิเห็นไหมพี่เค้าเรียนหนักมากๆเราก็เลย&
แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-06-25 17:59:01