โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
น่าสงสาร น้องหมาที่ อ.ท่าแร่จังT^T ทุกคนลองมาอ่านความเลวทรามของมนุษย์กัน
พูพู่คร้าบ
#1
พูพู่คร้าบ
02-05-2011 - 12:01:23

#1 พูพู่คร้าบ  [ 02-05-2011 - 12:01:23 ]





ต้นกำเนิดการกินเนื้อหมา

นับเป็นเวลากว่า 100,000 ปีแล้ว ที่หมาได้พิสูจน์คุณค่าของตนเองให้แก่มวลมนุษยชาติได้รับรู้ว่า “หมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์” สมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับสถานภาพการปกป้องชีวิตอย่างดีและปลอดภัยที่สุด แต่เหตุเพราะใดมนุษย์กลุ่มหนึ่งกลับฆ่าเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเองได้อย่างไร้ความปรานี

ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาตร์ของประเทศเกาหลีว่าการกินหมาเป็นประเพณีหรือวัฒนธรรม รู้เพียงแต่ว่าคนเกาหลีใช้เนื้อหมาทำเป็นอาหารมาเป็นเวลานานมากแล้ว หากบอกว่าคนเกาหลีกินเนื้อหมามานานกว่าประเทศอื่นๆ ก็คงจะไม่ผิดนัก อีกทั้งไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ใดๆ ว่าการกินหมามีประโยชน์ต่อสุขภาพ ความเป็นจริงก็คงเป็นแค่ความพิสดารและความเชื่อที่งมงายของมนุษย์กลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง

สมัยก่อนตลาดโมราน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซล ประเทศเกาหลี เป็นแหล่งขายเนื้อหมาโดยเฉพาะ เพื่อนฉันนับร้อยตัว ทุกขนาด ทุกอายุ โดนกักขังอยู่ในกรงอย่างแออัดที่มีอุณหภูมิร้อนถึง 38 องศาเซลเซียส โดยปราศจากน้ำดื่ม เพื่อนตัวใหญ่ของฉันบางตัวโดนกักขังอยู่ในกรงเหล็กที่มีความสูงเพียง 40 เซนติเมตร เรียกว่ายืนไม่ได้เลย ต้องนอนเรียงกัน นอนทับกัน ตัวที่อยู่ล่างสุดก็แย่หน่อย เพราะหายใจไม่ออก บางตัวก็ขาดใจตายในกรงเหล็กก็มีเหมือนกัน แต่ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นหมา เพื่อนฉันต่างพยายามผลัดกันเลียเพื่อนตัวอื่นๆ เพื่อทำให้ร่างกายได้รับความเย็น

การทรมานมีหลายรูปแบบ เช่น ถ้าเป็นลูกหมา จะโดนเจาะเยื่อแก้วหูและหลอดเสียง เพื่อไม่ให้มีเสียงเมื่อโตขึ้น บ้างก็โดนหักแขนหรือขาเพื่อไม่ให้เคลื่อนไหวได้ บ้างก็โดนแขวนคอแล้วตีด้วยไม้กระบอง บ้างก็โดนช๊อตด้วยกระแสไฟฟ้า บ้างก็กินอาหารที่ผสมกรดกัมมะถัน บ้างก็โดนต้มทั้งเป็น หรือแม้กระทั่งแทงที่ต้นขาเพื่อให้เลือดไหลอย่างช้าๆ และถลกผิวหนังขณะที่ยังมีสติอยู่ เรียกได้ว่ากรรมวิธีการฆ่าทุกรูปแบบนั้น เป็นการฆ่าอย่างโหดร้ายป่าเถื่อนมากๆ เท่าที่ “สมองของมนุษย์” จะสรรหาสารพัดวิธีมาทรมานได้ เพียงเพราะความเชื่อที่งมงายของมนุษย์ที่ว่า “ยิ่งเจ็บปวดทรมานมากเท่าไหร่ รดชาดของเนื้อหมาก็จะอร่อยมากยิ่งขึ้นเท่านั้น” ฉันได้ยินมนุษย์พูดกันว่า “ถ้าให้พวกมันตายแบบง่ายๆ ไม่เจ็บปวดอะไรเลย ก็ไม่อร่อยสิ รสชาดก็คงจะไม่แตกต่างจากเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว ทั่วๆ ไป”

หมาท่าแร่

สำหรับการกินหมาในประเทศไทยนั้น คนไทยเชื้อสายญวนกลุ่มหนึ่งที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดสกลนครเมื่อปีพ.ศ. 2427 มีค่านิยมในการกินเนื้อหมาในช่วงฤดูหนาว เพราะเชื่อกันว่าเนื้อหมาจะทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่เมื่ออาหารการกินขาดแคลน หมาที่เคยเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้าน ก็กลายมาเป็นอาหารการกินภายในครอบครอบครัวและทำขายกินภายในหมู่บ้าน จนถึงขั้นพัฒนาเป็นการค้าหมาข้ามชาติจนถึงทุกวันนี้

นับเป็นเวลากว่า 50 ปี ที่การฆ่าชำแหละหมาเพื่อการค้าเนื้อและหนังได้เกิดขึ้นในประเทศไทย บ้านท่าแร่ ถนนสายท่าแร่-ศรีสงคราม ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งศูนย์กลางการฆ่าชำแหละหมารายใหญ่ จนถึงกับได้ขนานนามว่าเป็น “เมืองกินหมา” ทั้งที่ความเป็นจริงคนสกลนครเพียงต้องการหนังของหมาเพื่อการส่งออกเท่านั้น ส่วนเรื่องการกินเนื้อหมานั้นเป็นเพียงผลพลอยได้

เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2538 หนังสือพิมพ์ Sunday Express ของประเทศอังกฤษ ได้ลงข่าวเรื่องการฆ่าชำแหละหมาอย่างทารุณที่โรงฆ่าหมา จังหวัดสกลนคร และในเดือนกันยายนปีเดียวกันนั้นเอง สื่อมวลชนต่างประเทศอีกแห่งหนึ่งก็ได้เผยแพร่กระบวนการฆ่าชำแหละหมาอย่างทารุณ โดยการนำไปถ่ายทอดเป็นบทความและสารคดี ทั้งในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา จนมีการร้องร้องเรียนผ่านสถานทูตไทยในประเทศต่างๆ เป็นเหตุให้กระทรวงการต่างประเทศมีคำสั่งให้ตรวจสอบเรื่องการฆ่าหมาเพื่อการค้าในจังหวัดสกลนคร

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ข่าวคราวเรื่องการกินหมากลายเป็นประเด็นสำคัญที่ถกเถียงกันมาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามที่จะหาทางยุติการการฆ่าชำแหละหมาเพื่อการค้าเนื้อและหนัง แต่ก็ไม่มีกฎหมายใดๆ สามารถเอาผิดอะไรกับกลุ่มพ่อค้าหมาและผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังนี้ได้เลย ในทางตรงกันข้าม กลับดูเหมือนว่าอาชีพหรือธุรกิจนี้จะยังคงทำไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด เพียงเพราะเหตุผลสั้นๆ ว่า “คือวัฒนธรรม”


มือนี้ที่เลี้ยงดู มือนี้แหล่ะที่ฆ่าฉัน

“พอเค้ารู้ว่าแม่ท้อง เค้าหาข้าวหาน้ำให้แม่กินมากเป็นพิเศษ เค้าบำรุงสุขภาพให้แม่เป็นอย่างดี เค้าพาแม่ไปหาหมอ วันที่ลูกออกจากท้องแม่ เค้านี่แหละ ใช้มือของเค้าอุ้มลูกขึ้นมาเช็ดตัวอย่างทะนุถนอม มือนี้แหล่ะ หาน้ำหานมให้ลูกกิน มือนี้แหล่ะดูแลลูกแทนแม่” แม่ฉันเล่าเรื่องราวดีๆ ของมนุษย์ให้ฉันฟัง แม่บอกด้วยว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐที่สุดในโลก “พอลูกโตขึ้น มือนี้แหล่ะ ที่คลุกข้าวให้ลูกกิน จูงลูกไปเดินเล่น ไปวิ่งเล่น มือนี้แหล่ะ ลูบหัวลูกด้วยความรักและเอ็นดู” แต่แม่จ๋า แม่คงไม่รู้หรอกว่า.... มือนี้แหล่ะ ที่ฆ่าลูก!!

แม่เคยบอกว่า “ไม่มีใครรู้ว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่?” ฉันแย้งกับความคิดของแม่ เพราะฉันต้องนั่งรอความตายที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความหวาดกลัว ฉันมองเห็นเพื่อนๆ ที่ตายไปทีละตัวอย่างทรมานต่อหน้าต่อตา ในขณะที่สายตาของมนุษย์กลับจ้องมองเพื่อนฉันด้วยความเปรมปรีดิ์

ฉันเคยเป็นหมาบ้านที่มีเจ้าของเลี้ยงดูมาก่อน แต่แล้ววันหนึ่ง “หมาแลกครุ ใครมีหมา มาแลกครุกันเร็วพวกเรา” เสียงรถเร่ขับเข้ามาในหมู่บ้าน พร้อมกับเสียงมนุษย์ตะโกนประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้จบ “เอาตัวนี้ให้เขาไปละกัน มันชอบวิ่งไล่กัดเป็ดไก่ของชาวบ้าน” มนุษย์ที่ฉันเรียกอย่างเต็มปากว่าเจ้าของ ยอมแลกฉันกับถังน้ำพลาสติกราคา 9 บาทเพียงใบเดียว เพียงเพราะฉันทำความเดือดร้อนให้งั้นหรือ?

คนแลกหมาใช้บ่วงคล้องคอฉันและเหวี่ยงฉันเข้าไปในรถดั่งประหนึ่งว่าฉันเป็นเพียงสิ่งของชิ้นหนึ่ง ในขณะที่เจ้าของของฉันก็ไม่ได้แม้แต่สนใจฉันหรือห่วงความรู้สึกของฉันแม้แต่นิดเลย มนุษย์บางคนยอมให้คนแลกหมาเข้าไปอุ้มเพื่อนฉันจากในบ้านเองก็มี บ้างก็ส่งเพื่อนฉันถึงมือคนแลกหมา หรือมากไปกว่านั้นก็คือส่งเพื่อนฉันถึงรถคนแลกหมาเลย ฉันมองหน้าเพื่อนๆ ที่โดนกักขังอยู่ในรถเร่ “นี่กำลังเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราหรือเนี่ย ใครก็ได้ ช่วยตอบฉันทีเถอะ?” เดิมทีนั้นอาชีพคนแลกหมาเรียกว่า “อาชีพคนแล่นหมา” เพราะความหมายของแล่นคือวิ่ง คนแล่นหมาก็คือมนุษย์ที่ประกอบอาชีพโดยการเอารถไปวิ่งเพื่อแลกหมา แต่ในปัจจุบันนี้มักจะเรียกกันว่า “ผู้ค้าหมา”

ในอดีตนั้นรถเร่แลกหมาเป็นรถสามล้อเครื่อง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป จากรถเร่ก็เปลี่ยนเป็นรถกระบะและรถหกล้อที่ดัดแปลงโดยต่อเติมกรงเหล็กเพิ่มเติม ส่วนสิ่งของแลกหมาจากเดิมทีเป็นโอ่งและไห ก็เปลี่ยนเป็นถังน้ำพลาสติกหรือที่เรียกกันว่า “ครุ” การตระเวนแลกหมาแรกเริ่มนั้นทำกันภายในจังหวัดสกลนครและจังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสานเท่านั้น จนเมื่อต้นปีพ.ศ. 2541 การแลกหมาได้ขยายตัวไปตามชนบททั่วประเทศไทย ตั้งแต่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย จนถึงภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่บ้านท่าแร่ จังหวัดสกลนคร ทำเป็นลักษณะกึ่งอุตสาหกรรม แรกเริ่มนั้นรถเร่ของจังหวัดสกลนครและจังหวัดใกล้เคียงมีเพียงประมาณ 50 คันเท่านั้น แต่หลังจากธุรกิจการค้าเนื้อหมาในประเทศเวียดนามได้ขยายตัวขึ้น ตัวเลขของจำนวนรถเร่จึงสูงขึ้นเกือบ 350 คัน ซึ่งบรรทุกหมาได้คันละ 70-100 ตัว ทำให้ราคาของหมาจากเดิมตัวละ 50 บาท สูงขึ้นเป็นตัวละ 150 บาท แต่ตัวเลขในปัจจุบัน หากเมื่อใดที่หมาโดนส่งข้ามถึงฝั่งลาว ราคาของหมาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นตัวละ 500 บาท


กี่ชีวิตแล้วที่ต้องสังเวย

ในอดีตเพื่อนฉันที่เมืองไทยถูกฆ่าตายเดือนละประมาณ 30,000 ตัว การตระเวนรับหมาในแต่ละครั้งของผู้ค้าหมาจะใช้เวลา 3 วัน เพื่อนฉันจะโดนกักขังอย่างแออัดในกรงเล็กๆ โดยให้อดน้ำอดอาหารอย่างทรมาน เมื่อมาถึงโรงฆ่าที่บ้านท่าแร่ เพื่อนฉันบางตัวก็ตายแล้ว ส่วนเพื่อนฉันที่เหลืออยู่ในสภาพที่ป่วยปางตาย ก็ถูกมนุษย์นำไปกักขังรวมกันอยู่ในคอกไม้ที่ปิดทึบ ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกเป็นเวลาประมาณ 4-5 วัน โดยให้อดน้ำอดอาหารอีกเหมือนเคย เพราะมนุษย์ใจร้ายรู้ว่าวิธีนี้จะทำให้การฆ่าเป็นไปอย่างง่ายดาย

บรรยากาศช่างเงียบและวังเวงเหลือเกิน ไม่มีแม้แต่เสียงเล็ดลอดของเพื่อนฉันออกมาจากในกรงเลย เพื่อนฉันอ่อนเพลียเพราะร่างกายสูญเสียน้ำ มีอาการตื่นตกใจกลัว เซื่องซึม หดหู่ หวาดระแวง เมื่อมนุษย์ใจร้ายเดินเข้ามาใกล้ๆ เพื่อนฉันได้แต่หมอบตัวลงด้วยความสั่นกลัว มนุษย์ใจร้าย 2 คน ดึงเพื่อนฉันออกจากคอกไม้และใช้ไม้ท่อนใหญ่ฟาดที่หัวเพื่อนฉันอย่างแรง เพื่อนฉันบางตัวที่ป่วยหนักก็จะตายทันที ในขณะที่เพื่อนฉันบางตัวก็กรีดเสียงร้องที่โหยหวนและล้มลง แต่เพื่อนฉันก็ยังกระดิกหางร้องขอชีวิตจากมนุษย์ใจร้าย แต่มนุษย์ใจร้ายกลับใช้ไม้ฟาดหัวอีกครั้งหนึ่งและก็เชือดคอ จนเพื่อนฉันขาดใจตาย เพื่อนฉันบางตัวโดนเชือกรัดคอและนำไปจุ่มในหม้อน้ำเดือดสุกๆ และท้ายสุดมนุษย์ใจร้ายก็จะทำการแยกเนื้อ หนัง และกระดูกออกจากกัน



ฮือๆๆๆสงสารน้องหมาที่ อ.ท่าแร่จัง เราอ่านไปอ่านมาน้ำตาแทบไหลเลย บางคนไม่รู้หรอกว่า การที่นำเค้ามาทรมาน เค้ารู้สึกยังไง เค้าต้องการมั้ย กับการที่ว่าเอาเค้ามาขายให้กับคนที่มารับซื้อ แค่นั้นเราก็บาปแล้ว แล้วมันคุ้มมั้ย กับการที่เอาชีวิตเขามาแลกกับกะลามังที่ใครๆก็หาซื้อได้
เรายิ่งอ่าน เราก็ยิ่งเศร้า เพราะว่าเราเป็นคนนึงที่รักน้องหมา เราไม่อยากเห็นน้องหมาเหล่านั้นโดยทรมาน แต่เราก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ ฮือๆๆๆ อยากให้ผู้อ่านได้ลองอ่านกันดู


เครดิต http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/J3088672/J3088672.html


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-05-02 13:41:02
eyekung

pattisier
#2
02-05-2011 - 12:03:53

#2 pattisier  [ 02-05-2011 - 12:03:53 ]





กินไม่ลง สงสารมัน


forgetme112
#3
02-05-2011 - 12:09:39

#3 forgetme112  [ 02-05-2011 - 12:09:39 ]




ง่า...น้องหมา


พูพู่คร้าบ
#4
พูพู่คร้าบ
02-05-2011 - 12:09:44

#4 พูพู่คร้าบ  [ 02-05-2011 - 12:09:44 ]





ฮือๆๆๆ ไม่เม้นไม่เป็นไร แค่อยากให้ทุกคนได้อ่านกัน ได้รับรู้ความรู้สึกของน้องหมา


winney369
#5
02-05-2011 - 12:11:57

#5 winney369  [ 02-05-2011 - 12:11:57 ]




แงงงงงงงงงงงงงงงงง สงสารน้องหมา


bmnet011
#6
02-05-2011 - 12:12:11

#6 bmnet011  [ 02-05-2011 - 12:12:11 ]





พวกที่กิน อยากรู้จริง ๆ จิตใจทำด้วยอ่ะไร
อีกหน่อยคงไม่กิน เพื่อนมนุษย์ด้วยกันเหรอนั้น "โรคจิต" คนที่กินเนื้อหมา
ส่วนใหญ่ จิตจะไม่อยู่นิ่ง คนพวกนี้มักจะชอบทำอ่ะไร พิศดาร

ยิ่งเจ็บปวดทรมานมากเท่าไหร่ รดชาดของเนื้อหมาก็จะอร่อยมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ไอ้คนที่คิดข้อความนี้
อยากรู้จริง สมอง มึงมีเเค่นี้เหรอ [ขอโทษที่ใช้คำหยาบ]

มันอร่อยว่างั้น เดี๋ยวไปลองกินดีกว่า [ล้อเล่น ๆ ]

ปล. ยิ่งอ่าน เเล้ว น้ำตาจะไหล


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-05-02 12:42:54

mmjjSense
#7
02-05-2011 - 12:15:21

#7 mmjjSense  [ 02-05-2011 - 12:15:21 ]





ไอ้พวกเลววว



:3
ka3z
#8
02-05-2011 - 12:16:59

#8 ka3z  [ 02-05-2011 - 12:16:59 ]







เป็นคนนึงที่ชั่วชีวิตคงไม่กินอะไรแบบนี้
สำหรับเราหมาไม่ใช่แค่สัตว์ตัวนึง แต่เป็นเพื่อน
เพื่อนที่แม้จะพูดไม่ได้แต่มันเข้าใจเราทุกคนพูด
เวลาเราเสียใจนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว
เจ้า3ตัวที่บ้านนี่แหละจะเข้ามานั่งเล่นด้วย
(แต่ส่วนใหญ่ชอบลามปามเลียหน้านั่งตัก หนักนะเฟร้ย =_=")
มันเข้าใจเจ้าของนะจะบอกให้ ไม่เข้าใจเลยว่าเอาเพื่อนที่ดีที่สุดของคนไปแลกกะขันใบละ9บาทได้ไง มันคุ้มมั๊ย


eyekung
#9
02-05-2011 - 12:18:41

#9 eyekung  [ 02-05-2011 - 12:18:41 ]





เลวอะ เลวมาก พวกมนุษย์นี่ก็แปลก
เนื้อสัตว์ที่มีให้กินอยู่แล้ว ก็น่าจะพอใจได้แล้ว
หมาคือสัตว์เลี้ยง ไม่ใช่อาหารอะ
เราเกลียดคนพวกนี้ที่สุดเลย



I'm come back again.
พูพู่คร้าบ
#10
พูพู่คร้าบ
02-05-2011 - 12:22:25

#10 พูพู่คร้าบ  [ 02-05-2011 - 12:22:25 ]





ทุกคนพูดได้ถูกต้อง เพราะน้องหมาเป็น ถือว่าเป็นสัตว์ ที่ดีที่สุดของมนุษย์ T^T


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-05-02 12:32:28

พูพู่คร้าบ
#11
พูพู่คร้าบ
02-05-2011 - 12:31:27

#11 พูพู่คร้าบ  [ 02-05-2011 - 12:31:27 ]





“ตอนที่ผมเข้าไปช่วยหมา ผมเห็นหมาร้องไห้ น้ำตาไหล และเมื่อผมเอาหมาออกจากกรง หมาร้องไห้ มีอาการกลัว บางตัวผวา เห็นคนไม่ได้ เห็นคนแล้ววิ่งหนี ผมน้ำตาซึม” นี่คือคำพูดของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของชุดเฉพาะกิจของกรมปศุสัตว์กับการช่วยชีวิตหมา 802 ตัว

สิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจพูดภาษามนุษย์ได้ แต่มาใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบเดียวกับมนุษย์ กาลเวลาทำให้พวกเขาเริ่มเข้าใจภาษามนุษย์ จริงอยู่ที่พวกเขาพูดภาษามนุษย์ไม่ได้ แต่ดวงตาพวกเขาบอกความรู้สึกในใจได้ ผู้เขียนมีโอกาสแวะไปเยี่ยมหมาที่ด่านกักกันสัตว์ระหว่างประเทศ จังหวัดหนองคายและจังหวัดนครพนม สัมผัสแรกที่พบพวกเขานั้น ผู้เขียนน้ำตาซึม เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริงๆ ดีใจที่พวกเขารอดชีวิตมาหรือเสียใจที่พวกเขาเกือบต้องตาย

หมาคือสิ่งมีชีวิตสิ่งเดียวในโลกนี้ที่รักมนุษย์มากกว่ารักชีวิตของตนเอง พวกเขาเป็น “เพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์” เป็นสัตว์เลี้ยง ไม่ใช่สัตว์เศรษฐกิจ แต่เพราะเหตุผลอันใดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลับมีคนไทยกลุ่มหนึ่งประกอบอาชีพการฆ่าชำแหละหมาเพื่อการค้าเนื้อและหนัง โดยไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ใช่วิสัยของคนไทยและผืนแผ่นดินไทยนี้คือ “เมืองพุทธ” อย่าลืมว่า เขาก็ชีวิต เราก็ชีวิต


เห็นด้วยมั้ย ทุกคน T^T

เครดิตhttp://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/J3088672/J3088672.html


bmnet011
#12
02-05-2011 - 12:46:44

#12 bmnet011  [ 02-05-2011 - 12:46:44 ]





เป็นสัตว์เลี้ยง ไม่ใช่สัตว์เศรษฐกิจ

เขาก็ชีวิต เราก็ชีวิต = คนที่คิดได้ รับรอง สรรค์ชั้น 7 โย่ว ๆ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-05-02 12:47:50

warapornannann
#13
02-05-2011 - 12:58:55

#13 warapornannann  [ 02-05-2011 - 12:58:55 ]





OMG ! ทำไปได้นะ ๆ


bogie-bogie
#14
02-05-2011 - 13:01:39

#14 bogie-bogie  [ 02-05-2011 - 13:01:39 ]




ไม่ใช่ที่ท่าแร่นะ จีนและเกาหลียังกินกันเลย


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-05-02 13:01:50

พูพู่คร้าบ
#15
พูพู่คร้าบ
02-05-2011 - 13:03:54

#15 พูพู่คร้าบ  [ 02-05-2011 - 13:03:54 ]





ใช่ๆๆ เพราะทุกคนต่างก็มีความเชื่อต่างๆนาๆ พูดง่ายๆนะค่ะ เป็นความ งมงาย ของมนุษย์นั่นเองค่ะ


manny21
#16
02-05-2011 - 13:08:39

#16 manny21  [ 02-05-2011 - 13:08:39 ]





สงสารรรรรร



-*M21*-
แต๋งนะคะ
#17
แต๋งนะคะ
02-05-2011 - 13:26:09

#17 แต๋งนะคะ  [ 02-05-2011 - 13:26:09 ]





ใจร้าย โหดร้าย เราก็มีเหมือนกันค่ะ อยากให้รู้ถึงจิตใจของคนเราเหมือนกัน

http://www.thaithesims3.com/topic.php?topic=43060&cmode=1&page=1#post702912


แต๋งนะคะ
#18
แต๋งนะคะ
02-05-2011 - 13:26:10

#18 แต๋งนะคะ  [ 02-05-2011 - 13:26:10 ]





ใจร้าย โหดร้าย เราก็มีเหมือนกันค่ะ อยากให้รู้ถึงจิตใจของคนเราเหมือนกัน

http://www.thaithesims3.com/topic.php?topic=43060&cmode=1&page=1#post702912


พูพู่คร้าบ
#19
พูพู่คร้าบ
02-05-2011 - 13:30:21

#19 พูพู่คร้าบ  [ 02-05-2011 - 13:30:21 ]





จริงๆ เราก็ไปเจออยู่เว็บนึง

ที่เขาถ่ายรูปขั้นตอนที่กำลังจะฆ่า ลูกสุนัข ตัวน้อยๆนั้น เราไม่อยากเอามาให้ดูค่ะ เพราะว่า มันดูโหดร้ายทารุณ และมีข้อความใต้ภาพ ที่เราเกลียดที่สุด
บรรยายมาอย่างเช่น โอ้ ย่างซะน่ากินเชียวอะไร ประมาณนั้น เราเลยไม่อยากเอามาให้เพื่อนๆได้สะเทือนใจค่ะ T^t


jodykiss1
#20
02-05-2011 - 13:47:09

#20 jodykiss1  [ 02-05-2011 - 13:47:09 ]






น่าสงสารหมาจังเลย เรารักหมามากเลยล่ะ
บ้านเก่าเรามีหมาอยู่ 4 ตัวอ่า
แบบว่ามันรักเรามากเลย เวลาเราลูบหัวมันอ้ะ
พอเราเอามืออกมันก็จะเอาหัวมามุดมือ
ให้เราลูบหัวต่อ เวลาเรากินเข้า
มันก็มานั่งข้างๆเราแล้วเราก็ให้มันกินด้วย
มันน่ารักมายเลย แต่ไอพวกที่กินหมา
แบบนี้อ้ะ จิตใจมันทำด้วยอะไร
ทำด้วยกองขยะพิสดารมากมายเลยใช่ไหม
เกิดชาติหน้าก็ต้องโดนกินแน่เจ้าพวกนี้


  • 1
  • 2

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 22nd April 2025 14:21

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ