อาจเป็นเพราะการผ่าเหล่าผ่ากอของญี่ปุ่นประเทศเดียวก็เป็นได้ ที่ฉุดแนวคิดเรื่องการสร้างสรรค์เอเซียให้กลายเป็นดินแดนแห่งเทคโนโลยี ภายใต้แนวคิดของชาวยุโรป ที่ว่า วัตถุนิยม และ ทุนนิยม หากแต่ชาวญี่ปุ่นไม่ได้ทำเพียงแค่นั้น

ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและวิทยาศาสตร์
1 ตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นแซงหน้าสหรัฐอเมริกา นับแต่ปี 2006 เป็นต้นมา
2 มูลค่าการส่งออกสินค้าของญี่ปุ่นมากกว่าการนำเข้าถึง 70% ถือเป็นยอดที่สูงที่สุดในโลก
3 ยอดการจดสิทธิบัตรของญี่ปุ่นสูงที่สุดในโลก เทียบเป็น % คือ 40% ของงานวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกขณะนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของชาวญี่ปุ่น
4 เครื่องใช้ไฟฟ้ากว่า 80% ของโลก ผลิตโดยบริษัทญี่ปุ่น
5 หนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นสูงที่สุดในโลก มียอดขายเป็น 15 เท่าของ New york times และมีค่าเครดิตสูงที่สุดในโลก อ้างอิง http://en.wikipedia.org/wiki/Asahi_Shimbun
http://www.asahi.com/ ไม่รู้จะแปลให้ยังไง - -เอาเป็นว่าข้อ 4 มาจากเว็บนี้ด้วยแหละ

ผลพลอยได้
1 ญี่ปุ่นมีจำนวนประชากรคุณภาพสูงมากที่สุดในโลก เมื่อเฉลี่ยอัตราส่วนประชากร ให้เท่ากับประเทศต่างๆ
2 ชาวญี่ปุ่นมีระเบียบวินัยมากที่สุดในโลก
3 ธุรกิจและการค้าของญี่ปุ่นมีอิทธิพลมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ( เนื่องจากไม่ใช่กลุ่มการค้า อย่าง สหภาพยูโรป อาเซี่ยน เอแปค ฯลฯ แต่เป็นประเทศเดียว ) ผลัดลงผลัดขึ้นอยู่กับอเมริกาและจีน
4 ชาวญี่ปุ่นเข้าถึงข่าวสารทั่วโลก และตามสถานการณ์ทั่วโลกได้ รวดเร็วเป็นอันดับ 1 เนื่องจากสื่อ หนังสือพิมพ์ มีอิสระและตรงไปตรงมาที่สุดในโลก
5 ญี่ปุ่นพัฒนาระบบรถไฟฟ้า ทั้งใต้ดิน บนดิน ไปจนถึงความเร็วสูง ให้กับประเทศต่างๆเกือบครบทุกประเทศ ยกเว้น เนเธอร์แลนต์ รวมถึงเป็นประเทศแรก และประเทศเดียวในโลก ที่คิดค้นรถไฟความเร็วสูงขึ้นมาใช้ จนได้รับความนิยมไปทั่วโลก อ้างอิง ( http://en.wikipedia.org/wiki/Shinkansen )


Shinkansen technology outside Japan

Shinkansen 700T train on a test run on the Taiwan High Speed Rail in June 2006
Class 395 in the United Kingdom, September 2009Railways using Shinkansen technology are not limited to those in Japan.

Taiwan
Taiwan High Speed Rail operates 700T Series sets built by Kawasaki Heavy Industries.

China
The China Railways CRH2 EMU, built by CSR Sifang Loco & Rolling stocks corporation, with the license purchased from a consortium formed of Kawasaki Heavy Industries, Mitsubishi Electric Corporation, and Hitachi, is based on the E2-1000 Series design.

United Kingdom
Class 395 EMUs were built by Hitachi based on Shinkansen technology for use on high-speed commuter services in Britain on the High Speed 1 line.

Brazil
Japan is currently promoting its Shinkansen technology to the Government of Brazil for use on the planned high speed rail link system set to link Rio de Janeiro, São Paulo and Campinas.[12] On 14 November 2008, Japanese Prime Minister Taro Aso and Brazilian President Luiz Inácio Lula da Silva talked about this rail project. President Lula asked a consortium of Japanese companies to participate in the bidding process. Prime Minister Aso concurred on the bilateral cooperation to improve rail infrastructure in Brazil, including the Rio-São Paulo-Campinas high-speed rail line.[13] The Japanese consortium includes the Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism, Mitsui & Co., Mitsubishi Heavy Industries, Kawasaki Heavy Industries and Toshiba.[14][15]

United States
The U.S. Federal Railroad Administration is in talks with a number of countries with high speed rail, notably Japan, France and Spain. On 16 May 2009, FRA Deputy Chief Karen Rae expressed hope that Japan would offer its technical expertise to the United States. Transportation Secretary Ray LaHood indicated interest in test riding the Japanese Shinkansen in 2009.[16][17]
On 1 June 2009, the Chairman of Central Japan Railway Company, Yoshiyuki Kasai, announced plans to export both the N-700 high speed train system and the JR-Maglev to international export markets, including the United States.[18]
Vietnam
Vietnam Railways will use Shinkansen technology for a high-speed rail link between the capital Hanoi and the southern commercial hub of Ho Chi Minh City, according to the Nihon Keizai Shimbun, citing an interview with Chief Executive Officer Nguyen Huu Bang. The Vietnamese government had already given basic approval for the Shinkansen system, although it still required financing and formal consent from the prime minister. Funding for the 56-billion-dollar project remained riddled with uncertainties, the report said, with Hanoi seeking Japanese Official Development Assistance and funds from the World Bank and Asian Development Bank. The 1,560-kilometre (970 mile) line would replace the current colonial-era rail line. Vietnam hopes to launch the high-speed trains by 2020 and plans to start by building three sections, including a 90-kilometre stretch between the central coastal cities of Da Nang and Hue, seen as potentially most profitable. Vietnam Railways began dispatching engineers to Central Japan Railway Company for technical training.[19][20]

ซึ่งรวมถึง BTS และ MRT บ้านเราด้วย

ตัวชี้วัดด้านการรักษาวัฒนธรรม
1 บ้านทุกหลังในประเทศญี่ปุ่น ใช้วัสดุที่คิดค้นภายในประเทศเท่านั้น ( แต่สั่งทำจากนอก เพราะทรัพยากรจำกัด )
2 ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีโบราณสถานอายุเกิน 500 ปี ที่ยังคงสภาพเดิม มากที่สุดในโลก
3 ชาวญี่ปุ่นไม่ยอมใช้สถาปัตยกรรมตะวันตกในการสร้างสิ่งก่อนสร้างทุกชนิด ( แต่เหตุผลเพราะสร้างไม่ได้ เพราะหากสร้างโดยไม่ออกแบบโดยชาวญี่ปุ่น รับรองโดนแผ่นดินไหวพังหมด ) เพราะฉะนั้น อาคารทุกหลังที่อยู่ในญี่ปุ่นขณะนี้ ไม่ได้ใช้สถาปัตยกรรมตะวันตกแม้แต่น้อย แต่อาจมีบ้างที่ตกแต่งแบบตะวันตก
4 วัยรุ่นญี่ปุ่นฟังเพลงบรรเลงพื้นบ้าน มากกว่าฟังเพลงสมัยใหม่ทุกชนิด
5 ชาวญี่ปุ่นแต่งตัวตามเทรนด์ของประเทศตัวเองเท่านั้น ไม่สนใจใคร นอกจากจะมีใครไปปรับตัวให้เข้ากับชาวญี่ปุ่นเอง เช่นกรณี ดงบังชินกิ กลายเป็นโทโฮชินกิ เลดี้ กาก้าในลุคคิตตี้ เปลี่ยนชื่อเป็นกาก้าซัง
6 ไม่ใช่แค่วงการเพลง แต่รวมถึงวงการการศึกษา ธุรกิจ สังคม วิทยาศาสตร์ ชาวญี่ปุ่นมักถือว่า หากต้องการทำธุรกิจกับตนเอง ก็ต้องพูดภาษาของตนเองให้ได้ เป็นเหตุผลที่ภาษาอังกฤษ หรือภาษาต่างประเทศ ไม่ว่าภาษาใด มักวิบัติและเปลี่ยนเป็นสำเนียงญี่ปุ่นหมด
7 วัยร่นชาวญี่ปุ่น พกตะเกียบส่วนตัว เพื่อทานอาหารทุกชนิด ตามประเพณีดั้งเดิม
8 ทรงผมอีโม และแฟชั่นพังคทั้งหมด แม้จะเกิดขึ้นครั้งแรกที่อังกฤษ แต่แฟชั่นอีโม พังค์ ร๊อค ในปัจุบันทั้งหมด ถูกปรับปรุงโดยชาวญี่ปุ่นหมดแล้ว นอกจาก ทรงผมโมฮอค์ และกีย์ต้าไฟฟ้า กับการเหวี่ยงตัวแรง ที่เป็นสัญลักษณ์เดิมของร๊อคอังกฤษ สรุปได้ก็คือ ไม่ว่าแฟชั่นเกาหลี อังกฤษ อเมริกา ทั้งหมดที่เรานิยามในปัจุบัน เกิดขึ้นจากญี่ปุ่นทั้งสิ้น
9 วัฒนธรรมมือถือส่วนตัว เพ้นท์เล็บมือเป็นลวดลาย เกิดขึ้นจากประเพณีเพ้นท์ลายถ้วยชาของญี่ปุ่น
10 บ้านญี่ปุ่นได้รับการสร้างตลอดเวลา ไม่ว่ายุคสมัยใด
11 ชาวญี่ปุ่นเลือกจะอยู่กับบ้านญี่ปุ่น มากกว่าอยู่ในคฤหาสถ์หรู นอกจากโอกาสเหมาะเท่านั้น
12 การ์ตูนญี่ปุ่น เป็นการ์ตูนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และสามารถทำให้เข้ากับวัฒนธรรมอื่นๆได้มากที่สุด เช่น Mario Bomberman sanrio gandum ซึ่งหลายๆคนแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นของญี่ปุ่น แต่การ์ตูนญี่ปุ่นก็ได้รับความนิยมทั้งที่เป็นแบบวัฒนธรรมญี่ปุ่นเอง และแบบเข้ากับวัฒนธรรมต่างๆ
13 วีดีโอเกมส์ ทั้ง Game boy Play station WII Nintendo PSP ฯลฯ สร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่น โดยมีแนวคิดแรก จากเทศกาลงานวัดในศาลเจ้าชินโต
14 ร้านอาหารญี่ปุ่น มีจำนวนมากที่สุดในโลก ทุกเมืองในโลก มีร้านอาหารญี่ปุ่น และปริมาณของร้านอาหารญี่ปถ่น มักกลายเป็นการชี้วัดความศิวิลัยของเมืองไปโดยปริยาย
ซึ่งทั้งหมดนี่ ไม่ได้เกิดจากความถือตัวหรือหยิ่งของชาวญี่ปุ่น หากแต่เกิดจากความรักชาติของชาวญี่ปุ่นทั้งสิ้น ด้วยการปฏิบัติตามประเพณีอันยาวนาน เราจะพบว่า ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น แม้จะมีสงครามบ่อยครั้ง แต่ก็เป็นสงครามที่ทำเพื่อถวายจักพรรดิ ซึ่งสถิติอีกอย่างก็คือ ราชวงศ์ญี่ปุ่น ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1300 ปี

ญี่ปุ่นได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้าที่สุดในโลกนับแต่ปี 1999 เป็นต้นมา และเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาขึ้นแข่งขัน ของชาติต่างๆในเอเซียมากมาย โดยเฉพาะเกาหลีใต้ แต่ชาวญี่ปุ่นก็ยังสามารถฟังเพลงดงบังชินกิได้ อย่างสบายๆ ซึ่งแสดงถึงความเป็นจ้าววิศัยทัศน์ ที่เปิดกว้าง และไม่อคติ

ที่นำมาให้อ่านไม่ใช่เพราะปลื้มญี่ปุ่นหรือคลั่งไคล้นะคะ แต่เห็นคนไทยชอบดูถูกคนเอเซียด้วยกันแล้วหันไปยกย่องฝรั่ง ก็ไม่ได้อคติฝรั่งอีกแหละค่ะ แค่อยากบอกให้หันมามองสิ่งดีๆใกล้ตัวบ้าง ประเทศญี่ปุ่นมีพื้นที่น้อยกว่าไทย เคยโดนคนไทยดูถูก ไม่สิ เคยโดนทั้งโลกประนามด้วยซ้ำ ก็จริงอีกที่สมัยสงครามโลก ญี่ปุ่นทำใว้แสบจริงๆ แต่ประชาชนของเค้าไม่เคยทิ้งประเทศชาติ แม้จะมีทั้งภัยพิบัติ โดนทิ้งระเบิด คลื่นสึนามิ กระหน่ำซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็ยังสามารถเป็นประเทศที่เปลี่ยนโฉมหน้าทวีปเอเซียได้ ก็ยังคงมีคนไทยอย่างเราๆบางคน ไปดูถูกเค้า โดยไม่รู้ข้อมูล หรือใช้อคติอีก


อ้างอิง สถาปัตยกรรมญี่ปุ่น http://en.wikipedia.org/wiki/Japanese_architecture
อ้างอิง ราชวงศ์ญี่ปุ่น http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B6
อ้างอิง แฟชั่นญี่ปุ่น http://en.wikipedia.org/wiki/Japanese_street_fashion

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99

อ้างอิง GDP ญี่ปุ่น ลิขสิทธิ์ญี่ปุ่น วิทยาศาสตร์ และเศรษฐกิจญี่ปุ่น http://en.wikipedia.org/wiki/Japan

อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1626737#ixzz1JrIcwugU

เครดิต หาในกูเกิ้ล นะครับ ผมไม่แน่ใจว่า นี้จะเป็น เรื่อง จริงรึป่าว ถ้าผมเครดิต ไป อาจจะมีคนเชื่อ จน ดึงไม่ขึ้น

เก็บไว้วันอื่นมั่งก็ได้ ตั้งหลายกระทู้แล้วนะ แต่ละกระทู้ก็ใช่ว่า

อือ

เจริญก็จริงแต่ผมว่าอนาคตจีนนี้ผู้นำโลกแน่ๆ

มึนเลย ดีมากมีสารละ

ไม่มั้งชาติเขาสังคมนิยมน่ะ(คอมมิวนิส)

จีนติดหนี้ตั้งเยอะนะครับ !
แต่ ประชากรก็ เยอะ -*- เหมือนกันนะครับ^^
ยังไงก็ อาจจะ ดีที่สุดก็ได้

เรื่องอย่างนี้มันต้องคอยดูกันไป