ดูแล้วก็อย่าลืมให้กำลังใจกันด้วยนะ


เห็ดยักษ์ดังกล่าวคือ อาร์มิลลาเรีย ออสโตเย (Armillaria Ostoyae) เป็นเห็ดในตระกูล อาร์มิลลาเรีย หรือที่ชาวอเมริกันเรียกว่า “เห็ดน้ำผึ้ง” ค้นพบเมื่อปี ค.ศ.1988 ในพื้นที่ป่าบลูเมาเท่นใน รัฐโอเรกอน ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา มีการวัดขนาดของมันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 1992 พบว่ามันครอบคลุมพื้นที่ราว 6.5 ตารางกิโลเมตร ต่อมามีการวัดอีกทีในปี 2003 ขนาดของมันขยายขึ้นครอบคลุมพื้นที่เพิ่มมากขึ้นอีกเกือบเท่าตัว ปัจจุบันนี้ เห็ดยักษ์ดังกล่าวที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ครอบคลุมพื้นที่เท่ากับสนามฟุตบอล 1,665 สนาม หรือเกือบเท่าๆ กับ 10 ตารางกิโลเมตร เลยทีเดียว

นักวิทยาศาสตร์ที่ตรวจสอบมันยังไม่แน่ใจว่า อายุของเห็ดยักษ์ที่รัฐโอเรกอนนี้เท่าใดกันแน่ แต่หากใช้อัตราการเติบโตในแต่ละปี ณ เวลานี้มาใช้คำนวณจะได้อายุของเห็ดดังกล่าวนี้ว่าสูงถึง 2,400 ปี มาแล้ว อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้เช่นกันที่ว่าเห็ดต้นนี้จะมีอายุเก่าแก่ถึง 8,650 ปี ทำให้มันได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งยังมีชีวิตอยู่อีกต่างหากทีมของนักวิทยาศาสตร์ด้านป่าไม้และพันธุ์พืชของสหรัฐอเมริกาค้นพบเห็ดยักษ์ดังกล่าวนี้เมื่อเข้าไปตรวจสอบพื้นที่สำหรับจัดทำแผนที่ประชากรในป่าบลูเมาเท่น ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของรัฐโอเรกอน โดยเก็บตัวอย่างจากส่วนต่างๆ ของมันมาตรวจวิเคราะห์ในจานเพาะเลี้ยงเพื่อดูความเข้ากันได้ของมันที่จะแสดงให้เห็นว่ามันเป็นเห็ดต้นเดียวหรือไม่ ส่วนการวัดขนาดนั้น นักวิทยาศาสตร์ใช้วิธีการเก็บตัวอย่างจากริมขอบหลายๆ ด้านมาตรวจดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบว่ามันขยายตัวออกมาไปมากน้อยขนาดไหนจากการตรวจสอบพบว่านอกจากเห็ดดังกล่าวจะมีพันธุกรรมที่ดีแล้วการที่มันยังมีชีวิตอยู่และเติบใหญ่ไปเรื่อยๆ เป็นเพราะสภาวะแวดล้อมที่ไม่เปลี่ยนแปลงในพื้นที่ป่าดังกล่าว นอกจากนั้นการที่มันมีส่วนหนึ่งคล้ายๆ รากอากาศงอกออกมาจากดอกเห็ดสานต่อกันเป็นเครือข่ายออกไปเรื่อยๆ ช่วยทำให้เห็ดชนิดนี้ขยายตัวออกไปไม่หยุดยั้งเพื่อหาแหล่งอาหารใหม่ๆ จนมีขนาดมหึมาดังกล่าว

ที่มา http://blog.eduzones.com/logist/1348


Megaloprepus caerulatus เป็นแมลงปอเข็ม ที่ในป่าที่มีสภาพอากาศ เปียก ชื้น บริเวณตอนกลาง และทางเหนือของอเมริกา และเป็น แมลงปอเข็ม ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดความกว้างปีกมากกว่า 19 เซ็นติเมตร ( ตัวผู้มีขนาดใหญ่ กว่าตัวเมีย ) และจุดสังเกตของสายพันธุ์นี้ก็คือที่ปีก จะมีแต้มสีดำ ตัวเต็มวัยกินแมงมุม orb-weaver spiders โดยการจับแมงมุมดึงออกจากใย
แมลงปอพันธุ์นี้จะวางไข่ในน้ำที่ขังอยู่ในโพรงไม้ และตัวโม่งที่เกิดขึ้นก็จะเป็นผู้ล่าลำดับสูงสุด ในห่วงโซ่ในโพรงน้ำนั้น โดยจะกิน พวกลูกอ็อต แมลงน้ำ ลูกน้ำ เป็นอาหาร


เมืองเบอร์ลิน ( Berlin ) ประเทศเยอรมนี ( Germany ) กระต่ายตัวใหญ่ที่สุดในโลก ชื่อว่า เฮอร์แมน มีน้ำหนักตัว 7.7 กิโลกรัม มีหูยาว 21 เซ็นติเมตร และความความยาวรวม 1 เมตร และลูกๆของมันทุกตัวก็มีขนาดใหญ่ทุกตัว คือมีน้ำหนักประมาณ 6 กิโลกรัม แต่ไม่มีตัวไหนหนักเท่าเฮอร์แมนเลยซักตัว เฮอร์แมนพักในบ้านพิเศษที่สร้างจากไม้โอ๊ต ( Oak Wood ) และกินอาหารกว่าวันละ 2 กิโลกรัม โดยเฉพาะอาหารที่มันโปรดปรานเป็นพิเศษก็คือผักกาด (Lettuce)
เฮอร์แมน ถูกเลี้ยงดูโดยชายชื่อ Hans Wagner กระต่ายสายพันธ์ เยอรมัน ไจแอ้นท์ ไม่มีอยู่ตามธรรมชาติ แต่ได้จากการเพาะเลี้ยง และปรับปรุงสายพันธ์จากมนุษย์ พวกมันมีอายุยืนถึงประมาณ 12 ปี


เป็น ปูที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดตัวเมื่อโตเต็มที่ เมื่อวัดความกว้างเมื่อกลางขา กว้างได้ถึง 4 เมตร กระดองกว้าง 37 เซ็นติเมตร และมีน้ำหนักตัว 20 กิโลกรัม ลำตัวมีสีส้ม มีจุดแต้มสีขาว มีขา 8 ขา และก้าม 2 อัน ถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ ที่มหาสมุทรแปซิฟิก ( Pacific Ocean ) ที่ความลึก 300 – 400 เมตร บริเวณรอบๆ เกาะญี่ปุ่น อาหารของปูแมงมุมญี่ปุ่น ก็จะเป็นพวกซากสัตว์ที่ตาย และพวกสัตว์มีเปลือก เช่น กุ้ง หอยต่างๆ ปูแมงมุมสามารถมีอายุยืนได้ถึง 100 ปี

สำนักข่าวต่างประเทศได้เปิดเผย ชายหนุ่มที่เตี้ยที่สุดในโลกคนใหม่ จากการบันทึกสถิติล่าสุดของกินเนสส์ เวิร์ล เรคคอร์ดส โดยหนุ่มวัย 17 ปีคนนี้อยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเขามีความสูงแค่เพียง 56 เซนติเมตร

จุนเรย์ บาลาววิง หนุ่มวัยรุ่นชาวฟิลิปปินส์คือชายที่เตี้ยที่สุดในโลกคนล่าสุด โดยหนุ่มคนดังกล่าวมีความสูงเพียง 22 นิ้ว หรือประมาณ 56 เซนติเมตรเท่านั้น ปัจจุบันจุนเรย์อาศัยอยู่กับพ่อแม่และน้องๆ ในจังหวัดแซมโบอันก้า เดล นอร์ท ทางตอนเหนือของประเทศ ถึงแม้เขาจะเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัว แต่ตอนนี้น้องสาวคนสุดท้องของเขา ก็ตัวสูงกว่าเขามากแล้ว “เวลาจุนเรย์จะเดินต้องเข้าไปช่วยเขา เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนนานๆ ได้เพราะเขาจะเจ็บมาก” แม่ของเขากล่าว

จุนเรย์ พบว่ามีความผิดปกติเกี่ยวกับการเจริญเติบโตตั้งแต่เขาอายุเพียงขวบเศษ โดยพบอาการหลังค่อมผิดปกติและมีอาการเจ็บป่วยอยู่เป็นประจำ กระทั่งครอบครัวนำไปรักษาก็ไม่อาจจะช่วยเยียวยาใดๆ ได้ ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 12 ปี แพทย์จึงแนะนำให้ซื้อวิตามินเสริมมาให้เขาทาน แต่พวกเขาก็ไม่มีเงินพอที่จะซื้อให้ลูกชายคนนี้ทานได้ นอกจากนี้ถึงแม้จุนแรย์จะไม่มีโอกาสได้ไปโรงเรียน แต่เขาก็ยังมีน้องๆ ที่มักจะเล่าเรื่องราวที่ได้เรียนรู้มาจากที่โรงเรียนให้พี่ชายคนโตได้ฟัง

อย่างไรก็ตาม จุนเรย์ กลายเป็นสถิติใหม่ของชายเตี้ยที่สุดในโลก ซึ่งทำลายสถิติเดิมของ กาห์เจนดร้า ธาปา มาการ์ หนุ่มชาวเนปาลวัย 18 ปีที่เพิ่งถูกบันทึกสถิติไปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา กับความสูง 27 นิ้ว หรือราว 68 เซนติเมตร สำหรับในเวลานี้ จุนเรย์ ชายที่เตี้ยที่สุดในโลกดูเหมือนจะมีความสุขและดีใจกับสถิตินี้ โดยจุนเรย์จะได้รับการบันทึุกสถิติอย่างเป็นทางการภายในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งถืิอเป็นวันที่เขาอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์พอดี
ที่มา : http://news.sanook.com/



เผย”น้องแนท”เด็กหญิง ขนดกชาวไทยวัย 11 ขวบ ถูกบันทึกเป็นเด็กที่ขนดก ที่สุดในโลกโดย”กินเนสส์ บุ๊กเวิลด์เร็กคอร์ด” มีขนขึ้นตามตัวและใบหน้า จน หนังสือพิมพ์อังกฤษที่มารายงานข่าวตั้งชื่อว่าเด็กหญิงหมาป่า แพทย์ระบุเป็นโรค”แอมบราส ซินโดรม” เคยพบเพียง 50 คนในโลก หนูน้อยเผยก่อนหน้านี้เคยโดนเพื่อนล้อ แต่ตอนหลังไม่มีปัญหาอะไร และดีใจที่ได้เป็นเจ้าของสถิติโลก โตขึ้นอยากเป็นหมอ ด้านพ่อเด็กรับตอนลูกเกิดใหม่ๆ ก็เครียด และคิดว่าจะมีปัญหา แต่ด้วยความน่ารักและนิสัยดีทำให้เพื่อนๆ และคนในชุมชนรักใคร่ เผยเมื่อปี 2547 คณะแพทย์ไทยเคยพยายามช่วยเหลือตั้งทีมขึ้นมาดูแล และใช้เลเซอร์จัดการแต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยขนตามตัวลดน้อยลงแต่บริเวณใบหน้ายังมีมาก

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลี่เมล์ของอังกฤษ รายงานเปิดตัวเด็กหญิงไทยเจ้าของสถิติเด็กหญิงที่มีขนดกที่สุดในโลก จากการบันทึกของกินเนสส์ บุ๊ก เวิลด์ เร็กคอร์ด คือด.ญ.สุพัตรา สะสุพันธ์ หรือน้องแนท อายุ 11 ขวบ เรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดราชบพิธ ในกรุงเทพมหานคร โดยน้องแนท เปิดใจว่าดีใจที่ได้เป็นเจ้าของสถิติโลก และทำให้กลายเป็นคนดังของโรงเรียน แม้ก่อนหน้านี้จะเคยโดนล้อว่าหน้าเหมือนลิงก็ตาม

“หนูดีใจมากที่ได้บันทึกสถิติโลกในกินเนสส์ เวิลด์ เร็กคอร์ด เพราะคนมากมายพยายามอย่างยิ่งที่จะไปมีชื่อในกินเนสส์ สำหรับหนู สิ่งที่ต้องทำก็แค่ตอบคำถามเล็กๆ น้อยๆ แล้วในที่สุดเขาก็ใส่ชื่อหนูเข้าไปในสถิติโลก” เด็กหญิงสุพัตรา กล่าวและว่าถึงจะมีคนล้อบ้าง แต่ก็ชินกับการมีขนแบบนี้แล้ว ไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไร จะมีบ้างตอนที่ขนยาวบังตา แต่หวังว่าจะดัดได้ในวันหนึ่ง

สำหรับน้องแนท ทางการแพทย์ระบุว่าเป็นโรค”แอมบราส ซินโดรม” ซึ่งในปัจจุบันมีผู้เป็นโรคดังกล่าวเพียง 50 คน เกิดจากการความผิดปกติของโครโมโซม ซึ่งก่อนยุคกลางที่ผู้คนไม่รู้จักโรคนี้จึงพากันคิดว่าเป็นมนุษย์หมาป่า เพราะมีขนขึ้นหนาทั่วหน้า หู แขน ขาและหลัง ก่อนหน้านี้น้องแนท เคยเข้ารับการรักษาด้วยวิธียิงเลเซอร์เพื่อหยุดยั้งการเจริญเติบโตของขน แต่ไม่สำเร็จ

เดลี่เมล์ซึ่งขนานนามน้องแนทว่า”วูล์ฟ เกิร์ล” หรือเด็กหญิงหมาป่า รายงานด้วยว่าน้องแนท หรือด.ญ.สุพัตรา อาศัยอยู่กับพ่อ แม่ และพี่สาว อายุ 15 ปี ใช้ชีวิตเหมือนกับเด็กในวัยเดียวกัน ชอบว่ายน้ำ เต้นรำ ชอบฟังเพลงและเล่นกับเพื่อนๆ และที่ชอบมากกว่าอะไรทั้งหมดคือชอบดูการ์ตูนทางทีวี เช่น บั๊กบันนี่ เด็กหญิงยังมุ่งมั่นว่าจะไม่ให้รูปลักษณ์ของตนขัดขวางการใช้ชีวิตตามปกติ อนาคตอยากเรียนเลขและถ้าเรียนเก่งก็จะสอนเด็กคนอื่นๆ ที่อายุน้อยกว่า เพื่อจะได้เก่งเหมือนกัน นอกจากนี้ยังอยากเป็นหมอเพื่อจะช่วยคนไข้เวลาเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ

ด้านนายสำเริง อายุ 38 ปีพ่อของน้องแนท กล่าวว่าลูกสาวขนยาวตั้งแต่เกิด และไม่รู้มาก่อน ตอนแรกเกิดลูกไม่ค่อยเข็งแรงมากนัก เพราะมีรูจมูกกว้างเพียง 1 มิลลิเมตร ตอน 3 เดือนแรกต้องอยู่ในตู้อบเพื่อช่วยหายใจ และอยู่ในโรงพยาบาลทั้งหมด 10 เดือน ตอนนั้นห่วงลูกมาก และพอกลับมาบ้าน ก็เจอปัญหาอีก เพราะเพื่อนบ้านตกใจในตอนแรกที่เห็นเพราะมีขนขึ้นเต็มตัว ตอนแรกคิดว่าทำบาปอะไรไว้ และห่วงว่าลูกจะโดนล้อต่างๆ นานา เมื่อโตขึ้น แต่ตอนนี้ลูกสามารถเข้ากับทุกคนในชุมชนได้ดี และต่างก็ชมว่าลูกน่ารัก มีน้ำใจ และมีเพื่อนฝูงมากมาย ตอนนี้แม่เป็นคนคอยตัดขนให้บ่อยๆ ส่วนการสระต้องใช้แชมพูสำหรับเด็กทารก เพราะแชมพูทั่วไปจะมีอาการระคายเคือง

ก่อนหน้านี้น้องแนท เคยเป็นข่าวดังในเมืองไทย ช่วงปี 2547 เมื่อรศ.น.พ.ศิริพงษ์ สวัสดิ์มงคล รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พร้อมด้วยรศ.น.พ.โชคชัย เมธีไตรรัตน์ หัวหน้าภาควิชาโสตนาสิกลาริงซ์วิทยา และรศ.พ.ญ.วาณี วิสุทธิ์เสรีวงศ์ หัวหน้าสาขาโรคผิวหนังเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ และผศ.น.พ.วรพงษ์ มนัสเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์รักษาผิวหนัง ร่วมแถลงข่าวให้การรักษา

รศ.น.พ.ศิริพงษ์ กล่าวว่า จากอาการดังกล่าวพบว่า ขนที่ขึ้นผิดปกติ เกิดจากความผิดปกติของยีน Ambrass syndrome ลักษณะของโรคนี้จะมีขนอ่อนทั้งตัว และจะค่อยๆ หลุดไป เมื่อโตขึ้น แต่ในรายของน้องแนท ไม่ได้เป็นไปตามลักษณะของโรคทั้งหมด มีเพียงขนตามตัวที่หลุดไป แต่ขนบนใบหน้ายังยาวอยู่ รวมทั้งขนกลางหลังที่สั้นลงแต่ไม่หลุด นอกจากนี้น้องแนท ยังมีความผิดปกติในเรื่องของฟัน รวมถึงเรื่องการฝึกพูด การปรับตัวเข้ากับสังคม ซึ่งต้องใช้ทีมแพทย์สหสาขาวิชา ประกอบด้วย แพทย์หู คอ จมูก กุมารแพทย์ แพทย์ผิวหนัง จิตแพทย์ วิสัญญีแพทย์ ทันตแพทย์ ซึ่งจะให้การรักษาเต็มที่โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ อย่างไรก็ตามสุดท้ายแพทย์ก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
ที่มา www.khaosod.co.th

โอ้ววว มันใช่เห็ดใหมนั่น

ง่า ตะลีง !

ทีุ่สุดของทีุ่สุดจริงๆ

โอ้! ยอดเยี่ยม

ขอบคุณ ที่นำของดีมีสาระมาให้ดู

เห็ดดูยังไง มันก็ตัดต่อ แค่แวป เดียวก็มองออกแล้ว

เรื่องจริง หรอคะเนี่ย
สุดยอดไปเลยอ่ะค่ะ

รูปเห็ดจริงๆครับ

โหๆๆ

กระต่ายยักษ์!!!

น่ากอดมากกก

ปูตัวใหญ่น่ากลัวมากจิงๆ

แต่รุปที่มันเอามาโชว์รูปแรกอะจะจิงรึ

ตนที่ขนดกที่สุดในโลกเนี่ย คนไทยเหรอ

เห็ดในภาพแรกเหมือนตัดต่อเอาคนมาไว้ข้างล่างเลยล่ะ

คิดเหมือนกันเลย เราก็อยากได้

ภาพเรียกเนี่ยเนียนจัง อันที่จริงตัดต่อไม่ไช่เรอะ