ฝรั่งเศส เปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อลิเบีย เมื่อกลางดึกวานนี้ (19 มี.ค.) ตามเวลาในไทย เพื่อกดดันพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ยุติการใช้กำลังปราบปรามพลเรือน

ฝรั่งเศสเป็นชาติแรก ที่เริ่มส่งเครื่องบินรบเข้าโจมตี ภายใต้ปฏิบัติการที่มีชื่อเรียกว่า "ออดิสซี ดอว์น" ตามด้วยการสนับสนุนของอังกฤษ สหรัฐ แคนาดา และอิตาลี โดยมีเป้าหมายมุ่งโจมตีฐานทัพอากาศของลิเบียที่อยู่รอบๆ กรุงตริโปลี และยังมีการยิงจรวดจากเรือรบไปยังเป้าหมายอื่นๆ ในลิเบียด้วย

ปฏิบัติการครั้งนี้มีเป้าหมายในการบังคับใช้เขตห้ามบินในลิเบีย เพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพอากาศลิเบียโจมตีประชาชน ตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น)

พลเรือโท วิลเลียม อี. กอร์ตนีย์ ผู้บัญชาการศูนย์สั่งการส่วนกลางของกองทัพเรือสหรัฐ เผยว่า กองกำลังของสหรัฐ และอังกฤษ ยิงจรวดโทมาฮอร์ค กว่า 110 ลูก เข้าใส่เป้าหมาย ซึ่งเป็นฐานยิงจรวดมิสไซล์ทางอากาศและภาคพื้นดิน และฐานตรวจจับเรดาร์ของกองทัพอากาศลิเบีย รวมมากกว่า 20 แห่ง

นอกจากนี้ มีเรือรบจากหลายชาติราว 25 ลำ ซึ่งรวมถึงเรือดำน้ำจากสหรัฐ 3 ลำ ที่ติดจรวดโทมาฮอร์ค ได้เข้าประจำการในบริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว

แม้ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ จะย้ำว่า กองกำลังสหรัฐ จะมีบทบาทรองในความพยายามบังคับใช้เขตห้ามบินในลิเบีย แต่กระทรวงกลาโหมสหรัฐ บอกว่า สหรัฐจำเป็นต้องเป็นผู้นำในปฏิบัติการดังกล่าวก่อน เพราะมีศักยภาพทางทหารสูงสุด ที่จะสามารถทำลายฐานทัพอากาศลิเบีย ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักหากจะควบคุมน่านฟ้าลิเบีย



กองกำลังผสมนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ,อังกฤษ,ฝรั่งเศส โจมตีกองกำลังของพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี่ ผู้นำลิเบีย แล้วเมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ ซึ่งเป็นไปตามมติการประกาศเขตห้ามบินขององค์ารสหประชาชาติ

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯรายงานว่าเรือรบสหรัฐฯและอังกฤษ รวมทั้งเรือดำน้ำได้ยิงขีปนาวุธโทมาฮอร์คมากกว่า 110 ลูกถล่มระบบป้องกันภัยทางอากาศ และที่ตั้งขีปนาวุธ 20 แห่ง ทางตะวันตกของลิเบีย เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในปฏิบัติการของกองกำลังผสมนานาชาติภายใต้มติการประกาศเขตห้ามบินของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ซึ่งมีเป้าหมายหยุดยั้งการใช้กำลังปราบปรามประชาชนของ พันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี่ ของผ้นำลิเบีย


โดยเครื่องบินรบฝรั่งเศสนำร่องปฏิบัติการถล่มทางอากาศยิงถล่มเป้าหมายทางทหารของฝ่ายกัดดาฟี่ เมื่อเวลา 23.45 น.คืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปฏิบัติการทางหทารชุดแรก เพื่อหยุดยั้งกองกำลังกัดดาฟี่ในการโจมตีเมืองเบงกาซี ฐานที่มั่นของฝ่ายต่อต้านโดยสามารถถล่มรถหทารไปหลายคัน


ขณะที่นายกระฐมนตรีเดวิด คาเมร่อน ของอังกฤษ ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า กองทัพอังฤษก็เข้าร่วมในปฏิบัติการทางทหารในลิเบียด้วยเช่นกัน โดยย้ำว่าปฏิบัติการทางหารครั้งนี้ เป็นไปตามกฏหมายและถูกต้อง และว่าอังกฤษไม่สามารถเพิกเฉยขณะที่จอมเผด็จการกำลังฆาตกรรมประชาชนของตัวเอง โดยอังกฤษได้ส่งเครื่องบินไอพ่นความเร็วสูง ทอร์นาโด จีอาร์โฟร์ บินจากประเทศอังกฤษไปยังลิเบียเป็นระยะทาง 3,000 ไมล์ ในปฏิบัติการทางอากาศที่ลิเบีย ซึ่งนับเป็นภารกิจที่ใช้ระยะเวลาในการเดินทางยาวนานที่สุดของกองทัพอังกฤษนับตั้งแต่ สงครามโฟคแลนด์เมื่อปี 1982


ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯซึ่งอยู่ในระหว่างเดินทางเยือนบราซิล ระบุว่า สหรัฐฯจะใช้ปฏิบัติการทางทหารแบบจำกัดภายใต้ความร่วมมือของกองกำลังผสม โดยย้ำว่า สหรัฐฯจะไม่เพิกเฉยต่อทรราชที่ประกาศว่าจะไม่ปราณีกับประชาชนของตัวเอง และย้ำว่าจะไม่ส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าไปในลิเบีย


หลังจากกองกำลังผสมนานาชาติเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารโจมตีเป้าหมายในลิเบีย พันเอกกัดดาฟี่ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ประชาชนออกมาต่อต้านการคุกคามจากกองกำลังต่างชาติ และอ้างว่า กฏบัตรของสหประชาชาติให้สิทธิ์ลิเบียในการปกป้องตนเองในสมรภูมิรบ และคลังอาวุธได้ถูกเปิดแล้ว พร้อมกันนั้นก็เรียกร้องให้ชายอิสลาม แอฟริกา ละตินอเมริกา และเอเชีย ยืนเคียงข้างลิเบียในการต่อสู้กับการรุกรานครั้งนี้


ขณะที่กองทัพลิเบีย ออกมาอ้างว่าปฏิบัติดังกล่าวทำให้พลเรือนเสียชีวิตไปอย่างน้อย 48 คน ได้รับบาดเจ็บ 150 คน และว่าเป้าหมายที่ถูกโจมตีส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สาธารณะ โรงพยาบาล และโรงเรียน


ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ยังมีเสียงระเบิดและการยิงปืนต่อสู้อากาศยานดังกึกก้องเหนือกรุงทริโปลี เมืองหลวงของลิเบียในช่วงเช้าตรู่วันนี้ แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเป็นเสียงระเบิดจากการยิงขีปนาวุธของกอกำงลังผสมนานาชาติหรือไม่ ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า กองกำลังกัดดาฟี่ในเมืองมิสราต้าพยายามทำลายเป้าหมายที่เป็นสถานีน้ำมัน และไฟฟ้า เพื่อทำให้ประชาชนเชือ่ว่าเป็นฝีมือของกองกำลังผสม