ในที่นี่ผมขอเปรียบเทียบกับภาคธุรกิจของ The Sims 2 นะครับ ถ้าใครเคยเล่นซีรี่นั้นมาก่อนจะรู้ดีว่ามันน่าขัดใจอยู่หลาย
ขอแบ่งเป็นข้อๆละกัน โดยแบ่งเป็นข้อความแตกต่างระหว่าง Sims 4 และ Sims 2
1. ปรับราคาสินค้าชิ้นต่อชิ้นไม่ได้ มีแค่ให้เลือกปรับมูลค่า Percent ทั้งร้าน
ถ้าเป็น Sims 2 เราสามารถเลือกกำหนดราคาสินค้าเป็นชิ้นต่อชิ้นได้เลยเช่น ในร้านผมขายโทรทัศน์จออ้วนจากราคาปรกติ 500 ขายเป็น 1000 และโทรทัศน์จอแบนพลาสม่าราคาปรกติ 3000 ตั้งขายเป็น 300000 ก็ยังได้
ซึ่งเรามาดูความแตกต่างระหว่างปรับราคาเป็นเปอร์เซนต์ทั้งร้านกับปรับราคาสินค้าชิ้นต่อชิ้นดีกว่า
ปรับเป็นเปอร์เซนต์ทั้งร้านมันจะคิดกำไรที่ได้จากมูลค่าสินค้าต้นฉบับ 10% 20% 50% 100% อะไรแบบนี้ซึ่งภาพรวมระบบราคาสินค้าทั้งหมดในร้านก็จะกลายเป็นว่าราคาสินค้ามีระดับ ถูกมาก ถูก ปานกลาง แพง แพงมากตามที่เราเลือกไว้
เช่น เก้าอี้ราคาปรกติ 500 ถ้าเราปรับกำไรร้านค้าเป็น 100% ก็เท่ากับว่าเราขายในราคา 1000 ซิมโมริออน ซึ่งระบบ AI ตัวซิมส์ลูกค้าที่มันมาเลือกซื้อของมันจะคิดว่าร้านนี้ขายแพง(มันไม่ได้คิดว่า 1000 แพงนะ แต่มันคิดว่าร้านนี้ขายของแพงทั้งร้านในราคา 100%) ซึ่งถึงแม้เราจะมีของราคา 1 ซิมโมริออนอยู่ในร้านแต่ถ้าร้านเราปรับกำไร 100% ราคาสินค้าตัวนี้ก็จะเป็น 2 ซิมโมริออน ลูกค้ามันก็ว่าโครตแพงอยู่ดี และก็ไม่ซื้อ นี่คือข้อเสียใหญ่ของระบบนี้เลย
ซึ่งหากระบบเปลี่ยนเป็นปรับราคาสินค้าชิ้นต่อชิ้นแบบ The Sims 2 ลูกค้ามันจะไม่เหมารวมว่าของทั้งหมดในร้านแพง มันก็จะเดินดูเลือกซื้อของตามกำลังจ่ายของมัน ซึ่งของในร้านก็จะมีทั้งถูกและแพงปนๆไปตามที่เราตั้งราคา
**เห็นได้ชัดว่าทีมงาน EA ชุดใหม่มีความผิดพลาดด้านการออกแบบระบบฟีเจอร์ต่างๆของเกมค่อนข้างมาก(ทีมงานชุด Sims 1 กับ 2 เวิคสุดแล้วตามความคิดผม) ไม่แปลกเลยที่มีผู้เล่นบ่นกันเยอะในคอมมิวนิตี้ของเว็บ The Sims
2. แคชเชียร์ดูเหมือนเป็นแค่ของประดับร้าน (ถึงจะเดินไปเลือกใช้งานฟังก์ชันกับมันได้ก็เถอะ)
ต่างจาก The Sims 2 ที่ลูกค้าต้องมาคิดเงินที่เคาท์เตอร์เท่านั้น โดยยืนต่อคิวเป็นลำดับ ถ้าลูกค้ารอนานก็อาจจะโมโหโยนถุงสินค้าทิ้งและเดินจากไปได้ ฉะนั้นพนักงานเราจึงต้องคิดเงินให้ไวหรือมีเคาเตอร์บริการสัก 2-3 อันก็ได้เพื่อรองรับลูกค้าจำนวนมาก
3. ลูกค้าซื้อของแค่คนละ 1 ชิ้นเท่านั้นก็หนีออกพื้นที่ไปทันที
ซึ่งโดยปรกติใน Sims 2 เมื่อตัวซิมส์มันเลือกสินค้า 1 ชิ้นแล้วมันจะเดินถือถุงกระดาษเดินไปดูสินค้าชิ้นอื่นต่อและอาจจะเลือกซื้ออีกหรือไม่ซื้อก็ได้ (ลูกค้าบางครอบครัวมันรวยจัดและความต้องการซื้อมันสูง มันเหมาทั้งร้านเลย

ปล 3. ซิมส์ลูกค้าบางตัวมันไม่มีเงินหรอก แต่มันก็มีแวะมาเดินดูของ อารมณ์เหมือนคนไปเดินห้างแต่ไม่มีตังค์สักแดงเดียว
4. ลูกค้าหยิบของมาแล้วไม่หิ้วถุงสินค้าแบบ The Sims 2 ปัญหาอาจมาจากข้อ 3 (ซื้อชิ้นเดียวก็เผ่นกลับบ้านเลย)
ใน Sims 2 ลูกค้าเดินถือถุงสินค้าหลายถุง 2-3ชิ้น แต่อยู่ๆก็โยนทิ้งเนื่องจากอารมณ์ไม่ดี ก็ถือยังเป็นเสน่ห์ของเกมได้
5. ทักษะความก้าวหน้าของกิจการ เอาแต้มคะแนนมาแลกอัพแบบอิสระไม่จำกัด
ซึ่งน่าจะเป็นให้อัพแบบ The Sims 2 (Skill Tree) ซึ่งเราสามารถเลือกสายความโดดเด่นของร้านตนเองได้ โดยต้องอัพทักษะนี้ก่อนถึงจะอัพทักษะต่อไปได้ (ทำให้มีจุดมุ่งหมายกับร้านค้า) และแต้มที่ให้มาจะมีจำกัด ทำให้ร้านค้าแต่ละร้านมีจุดเด่นจุดด้อยต่างกัน
6. ขณะทำการเชียร์สินค้า เหมือนมันคุยเรื่อยเปื่อยสนุกๆซะมากกว่าการใช้บทสนทนาเชิงตอบโต้การขายกับลูกค้า
Sims 2 เราต้องใช้คำสั่งที่เกี่ยวกับทักษะการขายจูงใจลูกค้ามีหลายแบบให้เราเลือกใช้ และนั่งลุ้นว่ามันยอมรับหรือไม่ (ซึ่งมันได้ฟิลลิ่งของเซลล์แมนแบบสุดๆ)
7. จ้างพนักงานได้แค่สูงสุด 3 คนเท่านั้น
(ผมจะเปิดห้างสรรพสินค้าแบบ Sims 2 ไม่ได้แล้วสิเนี่ย

8. กำหนดผู้จัดการร้านไม่ได้แล้ว ผู้จัดการร้านคือซิมส์เจ้าของกิจการเท่านั้น
ใน The Sims 2 นั้นเราสามารถยกระดับพนักงานเป็นผู้จัดการร้านซึ่งจะคอยควบคุมหน้าที่ในทุกส่วนของร้าน ส่วนเราก็เปรียบเสมือน CEO มาคอยตรวจดูความก้าวหน้า นั่งเคาะเงินนับเงินอยู่บ้านก็ยังได้
9. คะแนนความนิยมของร้านเหมือนจะไม่มีแล้ว เอาแต้มการขายไปแลกคะแนนความนิยมเอาซะงั้น ง่ายดีจนเกินไป
ใน Sims 2 คะแนนความนิยมมีส่วนทำให้มีลูกค้ามาเยือนเยอะมากขึ้น ดาวจะได้จากลูกค้าที่มาอุดหนุนและชื่นชอบร้านเราเท่านั้น (เราต้องบริการเอาใจลูกค้าสุดๆ เพื่อความก้าวหน้าทางธุรกิจ โดยยึดหลักลูกค้าคือพระเจ้า)
เพื่อนๆมีความเห็นว่าไงบ้างครับอยากฟังความเห็นจากคนที่เคยเล่นเปิดธุรกิจใน The Sims 2
ส่วนตัวผมว่าระบบธุรกิจใน Sims 2 น่าสนใจและได้อรรถรสมากกว่าเยอะโขเลย

ปล.ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเจ้าของกระทู้ล้วนๆ (ประสบการณ์เล่นซีรี่ The Sims 1, 2, 3, 4 รวมไม่ต่ำกว่า 10ปี)