▲ Cutscene 2 ▲ ▲ คัทซีน 2 ▲ ▲ "ภารกิจ?!" ▲
@ Falcon Bridge Castle ณ ปราสาท Falcon Bridge หนูน้อยมิคุได้เดินทางมาถึงคนแรกเนื่องด้วยความเลือดเย็นของเธอ เธอทิ้งเพื่อนๆมาจึงทำให้เธอมาถึงเป็นคนแรก (ล้อเล่นก้าบ) เมื่อเธอมาถึง ก็พบสภาพปราสาทอยู่ในอาการที่ไม่ค่อยจะดีนัก กำแพงหินที่เคยตั้งอยู่อย่างแข็งแกร่งก็เริ่มมีรอยร้าว รั้วเหล็กหนาก็ผุกร่อน ปราสาทนี้จะทนการโจมตีได้ถึงเมื่อไหร่กัน!?
ชายชราพามิคุเดินเข้าไปในเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน แต่ทว่าไม่มีผู้ใดเลยที่มีสีหน้ามีความสุข ทุกคนพากันเดินอย่างเร่งรีบ สีหน้าตึงเครียด ไมีค่อยมีใครหยุดเพื่อพูดคุยกัน บรรยากาศก็พลอยอึมครึมไปด้วย หมอกควันบางๆลอยอยู่ทั่วเมือง ไม่เพียงพอที่จะทำให้มองไม่เห็น แต่พอที่ทำให้บรรยากาศยิ่งดูหดหู่เข้าไปอีก
ดูรูปภาพมัลติเบลก มัลติเบลกเดินจูงมือมิคุเข้าไปยังบาร์ใกล้ๆอย่างเร่งรีบ บาร์นั้นตกแต่งสไตล์ยุคกลาง ใช้ไม้สีแดงเข้มเป็นหลัก เปิดไฟในตะเกียงสลัวๆ เขาดึงมิคุไปนั่งที่เก้าอี้ตรงบาร์ใกล้ๆและตะโกนสั่งสาวเสิร์ฟว่า "เบียร์สองขวด! และ เอ่อ..." เขาหยุดชะงักละชำเลืองมองมาทางมิคุ "และน้ำองุ่นแก้วนึง!" ระหว่างที่เด็กเสิร์ฟเดินไปหลังร้าน เขาก็หมุนตัวมามองหน้ามิคุชัดๆ
"มิคุใช่ไหม? เธอคงรู้จักฉันแล้วซินะ จากจดหมายที่บ้านหลังนั้นน่ะ ไหนเธอเล่ามาซิว่าระหว่างที่เธอเดินทางมานี่ เกิดอะไรขึ้นบ้าง" มิคุจึงเริ่มต้นเล่าอย่างหมดเปลือก ตั้งแต่จากที่มิคุตื่นมาบนยอดเขาสูงๆ มีเรือเหาะลอยมา สตาเซียอยู่บนนั้น เรือเหาะลอยลงมาที่บ้านเอลเซีย เจอไคโตะ (เจ้าบ้าไอติม) เดินทางออกจากบ้าน ถึงลำธาร เจอเพชรสีฟ้าๆ ทิ้งสตาเซียกับไคโตะแล้วเดินทางมาคนเดียว และมาจบลงที่มิคุมาถึงประตูเมือง
"อืม... พวกเธอโชคดีมากนะที่รอดมาถึงที่นี่โดยไม่โดนตัวอะไรโจมตีเลยน่ะ ช่วงนี้ตัวอะไรต่อมิอะไรเพ่นพ่านกันยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ที่นี่ก็โดนบุกไปเจ็ดแปดกว่าครั้งแล้วด้วย" มัลติเบลกทำหน้าเบ้แล้วกระดกเบียร์ขวดแรกหมดขวด "รสชาติแย่กว่าของอาทิตย์ที่แล้วแฮะ พอมีสงครามอะไรๆก็พลอยโดนลูกหลงไปหมด"
"เอ่อ... ที่นี่เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?" มิคุถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
"สงครามไงล่ะ" มัลติเบลกตอบสั้นๆพลางเปิดฝาเบียร์ขวดที่สอง
"เอ่อ... สงครามอะไรคะ?"
"สงครามระหว่างคนกับตัวประหลาดไง"
"... อธิบายเพิ่มหน่อยซีคะ... "
"ก็คนสู้กะสัตว์ประหลาดไง"
ก่อนที่มิคุจะได้พูดอะไรที่ไม่สุภาพอย่างรุนแรงออกไปนั้น ประตูก็ได้เปิดดัง "ปังงง!" ดังลั่นร้าน ทำเอามัลติเบลกที่เริ่มเมาหน่อยๆไถลตกเก้าอี้
"แม่เจ้าโว้ย! จะหยุดทำแบบนั้นได้มั้ย! เจ้าจินเจอร์!" มัลติเบลกโวยวายลั่นร้าน
"อ้าว? ก็ถ้าไม่เปิดประตูดังๆอย่างนั้น ลุงจะได้สติมั้ยล่ะ?" หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา ดูอายุประมาณช่วงยี่สิบกลางๆ เธอมีผมสีแดงเพลิง แต่งตัวแนวสตีมพังก์ (Steampunk) ถือปืนลวดลายวิจิตรบรรจง
ดูรูปภาพจินเจอร์ ตัวอะไรวะ? นี่คือความคิดแรกของมิคุ ผู้หญิงคนนั้น หรือที่มัลติเบลกเรียกว่า "จินเจอร์" นั้น มีเอวที่'โคตร'เล็กขนาดมิสยูนิเวอร์สยังอาย ผมสีแดงเพลิงบาดตาบรรยากาศอึมครึมอย่างรุนแรง ถือปืนที่ยังมีควันลอยกรุ่นออกมา เพิ่งไปเป่าหัวใครมาซิท่า #ผิด สวมชุดพิลึกๆคล้ายๆพวกยิปซีนิดหน่อยแต่ก็ดูเท่ดี
"จินเจอร์" (Ginger) เดินช้าๆเข้ามาหามิคุ เสียงรองเท้าส้นสูงดัง "ก๊อก ก๊อก ก๊อก" ดังสะท้อนทั่วห้อง เธอทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ใกล้ของมิคุแล้วบอกสาวเสิร์ฟว่า "ป้าค้า ขอน้ำแดงมะนาวโซดาแก้วนึงค่า" สาวเสิร์ฟคนนั้นมองจินเจอร์อย่างไม่ชอบใจและหมุนตัวกลับไปหลังร้าน จินเจอร์หันมาทางมิคุอย่างกระตือรือร้น
"เธอเป็นพวกมาใหม่ซินะ!" จินเจอร์พูดกับมิคุอย่างอารมณ์ดี "ดีแล้วละ เราต้องการกำลังคนอยู่พอดี เป็นเดือนแล้วนะเนี่ยที่ยังไม่มีใครมาสมทบกองทัพพวกเราเลย เมืองจะแตกอยู่แล้วเนี่ย"
"จินเจอร์!" มัลติเบลกพูดเสียงเข้ม "ห้ามพูดเรื่องอัปมงคลอย่างนั้น!"
"อ้าว ทำไมล่ะลุง?" จินเจอร์แย้งกลับเสียงแข็ง "อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ถ้าเกิดว่ากำลังคนยังร่อยหรอลงไปเรื่อยๆอย่างนี้ มีหวังอีกไม่กี่อาทิตย์พวกเราตายชัวร์" จินเจอร์พูดจบก็หันกลับมาหามิคุอีกครั้ง
"โทษทีจ้ะ ลุงของฉันออกจะหัวโบราณในเรื่องพวกนี้ไปหน่อยน่ะ ฉันชื่อจินเจอร์ ตาคนนี้ [ชี้มือไปทางมัลติเบลก] เป็นลุงฉันเอง เขาไปเจอฉันในถังขยะตอนฉันขวบเดียวเอง" เธอกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ "ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันตามกลับไปเป่าหัวเจ้าผู้ชายคนที่มันเอาฉันมาทิ้งแล้วล่ะ"
มิคุชักไม่แน่ใจแล้วซิว่าจินเจอร์นี่เป็นคนประเภทไหนกันแน่ เธอก็ดูอารมณ์ดีดีนะ ยังไงก็มิคุก็ว่าดีกว่ามัลติเบลกล่ะ แต่เธอบอกว่ากลับไปเป่าหัวคนที่ทิ้งเธอเนี่ยนะ บรึ๋ย...
"คุณช่วยเล่าสถานการณ์ให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ พอดี 'คุณลุง' เขาเมาและกวนทีนมิคุไปหน่อยน่ะค่ะ มิคุเลยไม่ได้อะไรสักอย่างจากเขาเลย"
"โอ้ ได้สิจ๊ะ!" จินเจอร์ตอบรับอย่างอารมณ์ดี และหันกลับไปบอกมัลติเบลกว่า "ฉันชอบเด็กนี่นะ!"
"ก็... ไหนดูซิ ถ้าเกิดหนูให้คุณลุงของพี่เล่านะ เขาคงจะเกริ่นอะไรยาวยืด ไม่เป็นไร พี่จะช่วยปลดเปลื้องหนูออกจากความทรมานนั้นเอง ถ้าเอาย่อๆนะ ก้อ... เริ่มต้นคือมีเจ้า Dark Lord อะไรนี่ละมันจะมายึดที่นี่ อ้อ ลืมบอกไป อาณาจักรนี้ชื่อ "Lindenbrock" (ลินเดนบร็อก) นะ ก็นั่นละ เจ้าดาร์กลอร์ดนี่มันมีสมุนร้ายชื่อ Balrog (บัลร็อก) แม่ทัพหญิงไดเลนปราบมันได้ จับมันขังคุก บลาๆๆ ต่อมาอีกกี่ร้อยปีไม่รู้ มีราชินีสั่วๆชื่อ "Otrera" (โอเทรร่า) มาตกลงกะเจ้าตัวบัลร็อกว่าเขาจะปล่อยมันไปถ้าเกิดว่าเจ้าบัลร็อกทำตามคำสั่งของเขา เพราะอีราชินีนี่มันต้องการบัลลังก์ เลยใช้บัลร็อกนี่สังหารกษัตริย์ "Nighten" (ไนท์เทน) แล้วก็สั่งมันให้สร้างสมันขึ้นมาเยอะๆเพื่อจะยึดครองอาณาจักรนี้ และสร้างกองทัพจะได้เปิดประตูมิติไปยึดครองโลกของพวกเจ้าอ่ะนะ แล้วคราวนี้เมืองอื่นๆก็แตกไปเกือบหมดแล้ว เหลือไม่กี่เมืองนี่ละที่ยังเหลืออยู่รวมถึงเมืองเรานี่ละ จบละ" จินเจอร์เล่าอย่างหน้าตาชื่นบาน ราวกับนี่เป็นเรื่องเล่าที่สนุกมาก
มิคุอ้าปากค้าง เนี่ยนะ
สั้น? เล่าก็เร็ว แถมแขวะลุงอีก หลานอะไรเนี่ย?
"นี่เธออย่ามองฉันอย่างนั้นซิ!" จินเจอร์โวยวายเมื่อเห็นมิคุอ้าปากค้าง "นี่ฉันย่อโคตรย่อแล้วนะ นี่ก็กินเวลาไป..." จินเจอร์ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ "... ห้านาทีเอง ถ้าลุงแกเล่านะ ชั่วโมงนึงไม่จบหรอก" จินเจอร์นั่งนิ่งๆสักพักนึงส่วนมัลติเบลกนั่งแยกเขี้ยวใส่จินเจอร์
"โอ้ย! เมื่อไหร่น้ำฉันจะมาซะที!" จินเจอร์แผดเสียงพอดีกับที่สาวเสิร์ฟเดินออกมาจากหลังร้านและสะดุ้งทำน้ำหกหมด "ไม่เอาแล้ว! ฉันก็มีธุระเหมือนกันนะ! ฉันไปละ!" ว่าแล้วเธอก็ลุกขึ้นจ้ำออกไปนอกร้าน
"เฮ้อ... ปวดหัววุ้ย..." มัลติเบลกพูดขึ้นมาหลังจากจินเจอร์เดินออกไปไม่นาน "เจ้าหลานสาวคนนี้..."
"เขา... แปลกๆนะคะ" มิคุไม่รู้จะใช้คำอะไรดีอธิบายขยายความผู้หญิงคนนี้
"ช่าย เขาแปลกละ แต่เก่งมากนะด้านต่อสู้ เป็นนักรบคนสำคัญเลยละ เป็นส่วนสำคัญมากที่ทำให้เมืองยังไม่แตกเนี่ย เขาใช้อาวุธได้เก่งมากเลยนะ แต่เขาชอบใช้ปืนมากที่สุด"
มิคุกับมัลติเบลกนั่งเงียบๆเป็นเวลาสองสามนาที และจู่ๆจินเจอร์ก็พุ่งเข้ามาแล้วก็บอกว่า "ทายซิว่าใครมา! เพื่อนๆมิคุไง!" แล้วกลุ่มคนจำนวนมากก็พุ่งเข้ามาในบาร์
มีทั้ง สตาเซีย,ไคโตะ,เลดี้,มินนี่,แมดิลินน์,ปราชญ์,มิร่า และสไมลี่ มิคุถูกสตาเซียกับไคโตะโจมตีเป็นกลุ่มแรก สตาเซียวิ่งเข้ามากอดมิคุส่วนไคโตะก็เดี้ยวฟันกรอดๆอย่างโมโห
"เอาละๆ" มัลติเบลกเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนเริ่มเจี๊ยวจ๊าวกันเกินไป "ทุกคนมาที่นี่ คงหวังว่าจะได้รับการคุ้มกันซินะ ไม่ผิดหรอก แต่ก็ต้องมีค่าตอบแทน" ทุกคนเงียบ
"โอเค จำนวนคนทั้งหมดมี... 9 คนนะ ทุกคนจะถูกแบ่งงานกันทำนะ บางคนก็จะได้งานกลุ่ม บางคนก็งานเดี่ยว"
"ยังกะงานโรงเรียนแน่ะ ยกเว้นอีตาลุงนี่น่าเบื่อกว่าครูที่โรงเรียนเยอะ" มินนี่กระซิบบอกแมดิลินน์และหัวเราะคิกคักกันสองคน
"งานมีทั้งหมด อย่างนะ ก็มี 1.ช่วยป้องกันเมือง จะมีศัตรูอีกระลอกมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉันต้องการจำนวน 4 คน 2.ไปตามหาคนที่ลี้ภัยไปอยู่ที่โลกของพวกเธอ ใช่แล้ว คนบางคนที่มันปรับสภาพเข้ากับโลกของพวกเธอได้มันก็หลบไปอยู่ที่นั่นน่ะนะ ฉันต้องการคนเดียวพอ 3.ไปที่ Fairy Cavern เพื่อไปหาสามพี่น้องนางฟ้าตระกูล "Garcia" (การ์เซีย) ไปทำไมเดี๋ยวฉันบอกทีหลัง เอาสองคนนะ และสุดท้าย 4.ไปหาอาวุธลับในทุ่งเพเลนอร์ ซึ่งก็เป็นสถานที่ลับแต่ทางไปนั้นซุกซ่อนอยู่ซักที่ใน Mist Forest พูดง่ายๆคือไป Mist Forest น่ะแหละ สองคนเช่นกัน อ้อ ลืมบอกไป คนที่จะทำภารกิจ 3 กับ 4 ฉันให้ยืมเรือเหาะได้นะ (Flying Utopia)" มัลติเบลกยิ้มกริ่มเมื่อเห็นสีหน้าของสตาเซียกับมิคุ เรือเหาะเป็นของหมอนี่นี่เองเหรอ!
"เอาละ พวกเธอตัดสินใจกันเองแล้วกันนะ ฉันรออยู่ในบาร์นี่แหละ ใครอยากทำภารกิจอะไรก็รีบมาจองละกันนะ ใครอยากเดินสำรวจเมืองทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เชิญเลย! ฉันรออยู่นี่ละ" มัลติเบลกบอกทุกๆคน
"นี่! ถ้าใครต้องการตัวฉัน ฉันอยู่ที่ร้านเครื่องรางนะ!" จินเจอร์โบกมือลาและผลุบหายออกไปนอกร้าน
quote :
มิคุ,สตาเซีย,ไคโตะ,เลดี้,มินนี่,แมดิลินน์,ปราชญ์,มิร่า,สไมลี่ ออกคำสั่งต่อไปได้เลย อยู่ในเมืองออกคำสั่งได้ไม่อั้น รีบเลือกนะใครอยากทำภารกิจอะไร จะเดินเล่นรอบเมืองก็ได้
Ps. มิคาเอล พอมาถึงแล้วจะมีภารกิจลับให้ทำ