โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
ยานUFOที่เป็นข่าวดังๆ(ถ้าคิดว่าไร้สาระห้ามเข้า)
tao
#21
01-11-2009 - 10:54:54

#21 tao  [ 01-11-2009 - 10:54:54 ]




ดัน



ตัวจริง comeback now sir
Nanny
#22
01-11-2009 - 11:01:54

#22 Nanny  [ 01-11-2009 - 11:01:54 ]




ไม่ไร้สาระหรอก เราไม่เคยรู้ข่าวนี้เลย (ขอบคุณมากๆที่นำมาให้ชม)
ในความคิดส่วนตัวเราว่าไม่แน่อาจจะเป็นยาน จริงๆก็ได้ (ยานเค๊าอาจเป็นคล้ายๆเมฆ) พวกนักวิทยาศาสตร์ก็อย่างนี้แหละไม่เชื่ออะไรง่ายๆ
พวกมนุษย์ต่างดาวอาจ มาสำรวจดูโลก
อาจจะเกี่ยวพันกับเรื่อง ปี 2012 ก็ได้


Nanny
#23
01-11-2009 - 11:06:45

#23 Nanny  [ 01-11-2009 - 11:06:45 ]




นึกถึงซิมส์2 เหมือนกันตอนนั้น ตกใจ+งงมากส่องกล้องอยู่ดีๆมียานมาจับตัวไป แถมซิมส์ผู้ชายยังท้องอีกอ่ะ
(ซิมส์3 จะมีเรื่องแปลกอะไรแบบนี้ซ่อนไว้มั่งปล่าวก็ไม่รู้)
เรื่องแปลกที่พึ่งเจอก็แค่ วิญญาณคนแก่(ผู้ชาย) มาอยู่หน้าโรงพยาบาลตอนซิมส์ที่เล่นอยู่กำลังจะคลอด พอคลอดเสร็จวิญญาณก็มีแสงวาบๆหายไป แล้วซิมส์ที่เล่นก็คลอดลูกมาเป็นลูกชาย (นอกเรื่องไปนิดแต่อยากเล่าเผื่อใครเจอแบบเรามั่ง)


MaiTiKu
#24
01-11-2009 - 11:29:40

#24 MaiTiKu  [ 01-11-2009 - 11:29:40 ]




อันนี้เคยดุแล้วอ่า

อยากเห็นของจริงจัง อิอิ


waoe
#25
03-11-2009 - 15:15:52

#25 waoe  [ 03-11-2009 - 15:15:52 ]




WoW !!!


นะโม
#26
10-11-2009 - 21:58:14

#26 นะโม  [ 10-11-2009 - 21:58:14 ]




นะโมว่ามันต้องมีจิงแน่นอนเลยล่ะ ขนาดคนไทยยังสื่อสารกับเขาได้ แล้วคนสื่อสารกัยเขาได้ก้อยังมานั่งพูดสดออกรายการทีวีอีกด้วย ผมว่าโลกเราคงอยู่ได้ไม่นานดั่งที่เขาทำนายไว้ และคนที่สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวยังบอกว่า กรุงเทพจะจมอยู่ฬต้น้ำ โดยที่มนุษย์ต่างดาวบอกเขา คิดกันเอาเองน่ะทุกคน


พร่อพวกมรึง
#27
พร่อพวกมรึง
10-11-2009 - 22:00:30

#27 พร่อพวกมรึง  [ 10-11-2009 - 22:00:30 ]




ปัญญาอ่อน กาก เสรด หมา ถุย ๆ กร๊ากๆ

ใครอยู่ข้างล่างกรูควาย ข้างบนกรู วรนุช กร๊ากๆ


tao
#28
10-11-2009 - 22:08:08

#28 tao  [ 10-11-2009 - 22:08:08 ]




อิอิกากได้กากดี


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-11-25 23:40:10


ตัวจริง comeback now sir
tao
#29
17-11-2009 - 19:56:29

#29 tao  [ 17-11-2009 - 19:56:29 ]




quote : Nanny
ไม่ไร้สาระหรอก เราไม่เคยรู้ข่าวนี้เลย (ขอบคุณมากๆที่นำมาให้ชม)
ในความคิดส่วนตัวเราว่าไม่แน่อาจจะเป็นยาน จริงๆก็ได้ (ยานเค๊าอาจเป็นคล้ายๆเมฆ) พวกนักวิทยาศาสตร์ก็อย่างนี้แหละไม่เชื่ออะไรง่ายๆ
พวกมนุษย์ต่างดาวอาจ มาสำรวจดูโลก
อาจจะเกี่ยวพันกับเรื่อง ปี 2012 ก็ได้

นั่นแหละผมก็ว่าน่าจะเกี่ยวกัน



ตัวจริง comeback now sir
vchukkrit
#30
17-11-2009 - 20:04:40

#30 vchukkrit  [ 17-11-2009 - 20:04:40 ]








แต่ถ้าเป็นจริงผมว่าอย่างงี้ทั้งโลกก็ตายนะครับ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นครับ อาจเป็นเรื่องจริง ถ้าดาวทุกดวงเคลื่อยตัวพร้อมกันตรงกัน จะเกิดแรงบีบและเกิดการระเบิดของสนามพลัง เอออาจเวอร์ไปหน่อยแต่มันเป็นแค่คำทำนายนะครับ ยังไม่แน่นอน แต่เป็นไปได้ครับ จะเกิดแรงผลักของดาวที่ใหญ่กว่าเรา และอาจทำให้ดาวทุกดวงดึงกันและกันจนอาจเกิดพลังงานคลื่อนแม่เหล็กเปลี่ยนรูปก็ได้ครับทำให้หลุดจากวงโคจรจนทำลายแรงดึงดูดเราด้วย อาจจะ


โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ยังไม่แน่นอน แค่คำทำนาย เพราะปี 2000 ไม่มีอะไรเกิดขึ้น 2006 ก็ไม่มี แต่ปี 2012 อาจเกิดครับ ถ้าเป็นอย่างนี้ผมว่ายังไงโลกก็ไม่รอดครับ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-11-17 20:05:31


vchukkrit
#31
18-11-2009 - 05:46:05

#31 vchukkrit  [ 18-11-2009 - 05:46:05 ]








เป็นเรื่องจริงนะทำนายมาแล้วจากนักทำนายระดับโลก และนักดาราศาสตร์


ทฤษฏีที่โด่งดังมากสุดคงต้องยกให้กับคำทำนายที่ว่า โลกบูดเบี้ยวใบนี้จะแตกดับในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 หรืออีกแค่ 5 ปีข้างหน้า ด้วยชุดเลขสวย 212012
ทฤษฎีนี้คิดค้นขึ้นโดยชนเผ่ามายัน วันดังกล่าวถือเป็นวันสิ้นสุดปฏิทินลอง เคาต์ (Long Count) หรือ ปฏิทินลำดับที่ 3 ของชาวมายัน โดยปฏิทินลอง เคาต์ เล่มล่าสุดนั้น เริ่มต้นในปี 3114 ก่อนคริสตกาล และจะดำเนินต่อเนื่องเป็น 13 รอบบักตุน (baktun) กินเวลาทั้งสิ้นราว 5,126 ปี บวกลบออกมาแล้วก็ตรงกับปี 2012 พอดี
ก่อนเริ่มต้นของ 13 รอบบักตุน เรียกได้อีกอย่างว่า “อาทิตย์ดวงที่ 5” ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะเวียนมาบรรจบเพื่อก่อกำเนิดดวงอาทิตย์ครบ 5 ดวง ในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 โดยคำทำนายระบุเอาไว้ว่า ในวันนั้นโลกจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬารไล่เรียงตั้งแต่ภัยธรรมชาติที่จะทำลายทุกสิ่งไปจนถึงสงครามอภิมหาโลกาวินาศ จนไม่มีมนุษย์คนได้มีชีวิตรอด ซึ่งอย่างหลังนี้อาจเชื่อมโยงได้กับทฤษฎีสงครามโลกครั้งที่ 3 ของนอสตราดามุส โหราจารย์ชื่อดัง
น่าแปลกที่นอกจาก 212012 จะเป็นวันสุดท้ายของปฏิทินชนเผ่ามายันแล้ว ยังมีข้อมูลทางดาราศาสตร์ที่ระบุไว้ว่า จะเกิดพลังงานลึกลับที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล โดยในเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุดในช่วงฤดูหนาวของปี 2012 นั้น ดวงอาทิตย์จะอยู่ระนาบเดียวกับใจกลางของทางข้างเผือกเป็นครั้งแรกในรอง 2.6 หมื่นปี ซึ่งหมายความว่า พลังงานทุกประเภทจากใจกลางของทางช้างเผือกจะถาโถมและเกิดการปะทะกับพลังงานทั้งที่มองเป็นและมองไม่เห็นของโลกในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 เวลา 23.11 น. (11.11 pm ตามเวลาสากล)
สมมุติว่า มีมนุษย์เหลือรอดบนโลก ก็ไม่อาจรู้ว่าจะจำตัวเองได้หรือไม่ เนื่องจากพลังงานทั้งหลายแหล่ข้างต้น จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ ดีเอ็นเอ นำมาซึ่งการกลายพันธุ์ หรือสรุปคร่าว ๆ ได้ว่า ถึงตอนนั้นโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง คนที่รอดต้องดิ้นรนสร้างสิ่งต่าง ๆ นับจากศูนย์
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลทางธรณีวิทยาที่ชี้ว่า ปี 2012 คือปีที่ซูเปอร์โวลคาโน หรือภูเขาไฟใต้น้ำ ครบกำหนดเวลา 7.4 หมื่นปีที่จะทำงานหรือระเบิดตัวเอง โดยสัญญาณเตือนภัยครั้งล่าสุด คือโศกนาฏกรรมคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2004 ที่บอกให้ชาวโลกรู้ว่า โครงสร้างพื้นผิวโลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และการระเบิดของซูเปอร์โวลคาโน อาจไม่ใกล้ไม่ไกลบริเวณที่เคยเกิดสึนามิมาก่อน
และเป็นที่น่าสักเกตว่า ระยะหลังมานี้ เกิดเหตุแผ่นดินไหว ดินถล่ม และน้ำในแม่น้ำหรือทะเลสาบเหือดแห้งบ่อยครั้งทั่วโลก เป็นไปได้ที่ส่วนหนึ่งเกิดจาก “ภาวะโลกร้อน” แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่าโครงสร้างของพื้นผิวโลกกำลังขยับและเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยที่มนุษย์ไม่รู้ตัว
ด้านนักวิทยาศาสตร์บางรายกลับมองว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโลกจะเป็นภัยคุกคามที่ย้อนกลับมาทำลายล้างมนุษยชาติเองในท้ายที่สุด โดยในบทความเรื่อง “วันสิ้นโลก” ของ ไมเคิล แฮนลอน ในเว็บไซต์เดลี เมล์ ระบุว่า วันสิ้นโลกที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้มาจากการระเบิดครั้งใหญ่ของโลกตามคำทำนายใด ๆ ทั้งสิ้น ทว่า กลับเป็นภัยเงียบที่ก่อตัวมานาน ที่มนุษย์กลับไม่เคยใส่ใจหรือรู้สึกต่างหาก

ย้อนเวลากลับไปเมื่อปี 1990 ที่คอมพิวเตอร์ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพและเป็นจุดกำเนิดของการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ หลังจากนั้น โลกเราได้รู้จักอินเทอร์เน็ตและสามารถคิดค้นเครื่องจักรและหุ่นยนต์ที่มีศักยภาพทัดเทียมหรือเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที
และช่วงศตวรรษที่ 20 ได้เกิดปรากฏการณ์เครื่องจักรที่เคยถูกสร้างเพื่อเป็นทาสรับใช้ ผันตัวเองมาเป็นผู้ควบคุณมนุษย์โลก และจุดจบของโลกจะเริ่มขั้นในวันศุกร์ ที่ 13 มีนาคม 2065 ที่บรรดาหุ่นยนต์อันชาญฉลาดได้หันมาเปลี่ยนแปลงโลกให้เป็นบ้านหลังใหม่สำหรับพวกมัน และเริ่มเข้าควบคุมมนุษย์โลก จนในช่วงปลายศตวรรษเดียวกัน มนุษย์นับพันล้านคนต้องขาดแคลนอาหาร และในท้ายที่สุดในปี 2100 ต้องผันตัวเองกลับไปใช้ชีวิตในถ้ำอย่างในอดีต ขณะที่เมืองต่าง ๆ ก็ตกเป็นของเหล่าเครื่องจักรที่มนุษย์สร้างขึ้นนั่นเอง

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าคำทำนายจะน่าสะพรึงกลัวสักเท่าใด ก็ไม่สำคัญเท่ากับความจริงที่ว่าเวลานี้ โลกของเราอาการหนักจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ หรือแม้แต่เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเกินไปจนทำให้หลายชาติต้องออกมาแสดงแสนยานุภาพของตัวเอง
หากโลกไม่แตกอย่างคำทำนาย ก็คงมีสักวันที่ต้องล่มสลายตามอายุขัย เพราะถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเคยทำนายได้เลยว่า จริง ๆ แล้ว โลกมีอายุยืนยาวกี่ปีกันแน่ ?
ที่มา : Posttoday

http://atcloud.com/stories/37749

2012 วันสิ้นโลก..เรื่องจริงอิงจากนักดาราศาสตร์


ด้วยความสงสัยของผมว่าทำไม 2012 จะมีข่าวลือเกี่ยวกับวันสิ้นโลกมากมายเหลือเกิน
บางแหล่งก็อ้างน้ำท่วมจาเหตุโลกร้อน
บางแหล่งก็อ้างไบเบิ้ลเพราะพระเจ้ากำหนดมา

แต่มีสิ่งที่นึงที่มีทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พร้อมเกี่ยวปรากฎการณ์ที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้
และถ้าเกิดขึ้นก็จบ... ไม่เหมือนกับ LHC ที่กลัวโอกาสว่าจะเกิดหรือเปล่าเท่านั้น

เรื่องนี้คือเรื่อง ดาวปริศานาดวงที่ 12 ของ ระบบสุริยะจักรวาล
ถ้าใครได้พอดูความปี 2002 จะได้ทราบว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ ดาวดวงที่ 12 ขึ้นมาอยู่ในระบบกาแล็คซี่เราดื้อๆ
แต่ความเป็นจริงนักดาราศาสตร์รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี 1982 แล้ว
ซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมากช่วงเดือน พฤษภาคม เพราะผมก็ได้ดูเหมือนกัน
มันคือดาวที่มีชื่อตั้งทางวิทยาศาตร์ว่า นิบิรุ (Nibiru)



และด้วยหลักฐานโบราณวัตถุและนักโบราณคดีได้กล่าวไว้เนืองๆ ว่า...
สิ่งของที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้เกิดจากดาวดวงนี้

แต่สิ่งที่เรารับรู้คือเจอดาวเคราห์ดวงใหม่ แล้วก็จบ...
ทำไมถึงกล่าวอ้างเช่นนั้น?

สิ่งที่เราไม่รู้มันคือสิ่งนี้ครับ....

ดาวดวงนี้ทุนเดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็คซี่ทางช้างเผือกมาแต่เนิ่นๆ อยู่แล้ว
แต่... มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็คซี่นี้

แปลว่า... ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นเพิ่มมาดวงก็แปลว่ามันโคจรเข้ามาใกล้กาแล็คซี่เราสินะ

ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงมันเเข้ามาทับวงโคจรทั้งแถบเลย








(ลักษณะทางกายภาพที่เป็นไปได้ของดาวนิบิรุครับ)

อันนี้ใช้เทคโนโลยี้ขั้นสูงในการถ่ายซูมครับ ทำให้รู้ได้ว่า ดาวนี้เป็น ดาวฤกษ์ครับ

และทับเข้ามาแค่ไหน

เส้นทางการเดินทางของวงโคจรดาว นิบิรุ เข้ามาทับเส้นเดียวกับโลกเลยครับ
แปลว่า... มันมีสิทธิชนโลกเราอย่างแน่นอน!!!



รูปนี้คือเส้นวงโคจรของดาวนิบิรุครับ

มันเข้าใกล้มาจริงเร้อ?

เส้นทางวงโคจร ทำให้เรารู้ได้ว่าทางเราส่องดาวบริเวณทิศใต้สุดของดาวโลกเราจะเห็น

แต่ปัจจุบันนี้ ปีนี้สามารถเห็นได้ด้วยเปล่าแล้ว



(เส้นขาวๆ คือลูกศรชี้ตำแหน่งดาวนิบิรุครับ)

และสำหรับคนที่อยากเห็นแต่ไม่มีตังไปออสเตรเลียหรือประเทศอะไรที่อยู่ทางใต้ของโลกนะ
ครับ
แนะนำให้ลองใช้โปรแกรม googleSky ดู ท่านจะเห็นเป็นวงแดงๆ อยู่วงเดียวทั้งท้องฟ้า นั่นหละครับ นิบิรุ...

แล้วทำไม? มันเกี่ยวอะไรกับโบราณสถานและวัตถุในอดีตหละ
นักโบราณฯ สันนิษฐานว่า นิบิรุเคยโคจรเข้ามาใกล้ทีนึงแล้วในเมื่อหลายแสนปีก่อน

แต่มารอบนี้ มาเทียบและทาบวงโคจรของดาวนิบิรุ คาดว่ามีโอกาสที่จะชนกันสูง
หรือแม้เฉียดกันก็เกิดอันตราย

เพราะแกนของดาวมีสนามแม่เหล็กอยู่ อาจจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวน เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ
เกิดภาวะน้ำขึ้นกระทันหัน เกิดพายุต่างๆ นา

และเค้าคาดการณ์ไว้แล้วว่า ปี 2012 เราสามารจะเห็นดาวนิบิรุ ใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ได้เลย เพราะมันเข้าใกล้เรามากแล้ว

ข้อมูลอาจจะยังไม่แน่นพอ เพราะ NASA :Xปิดข่าว แต่นักดาราศาสตร์ออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้กันอย่างจ้าละหวั่น

ข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอก ดาวฤกษ์ และ อุกกาบาต เพราะขนาดของมันใหญ่กว่าดาวพฤหัส 2 เท่า!!!
(ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)

ปล. งานนี้ก้อถึงเวลาที่ธรรมชาติเลือกเราของแท้แล้วละนะครับ

ส่งต่อๆกันมานะครับ....มีแถมให้หน่อย
อย่างที่รู้ๆกันว่า ดาวฤกษ์ที่ชื่อว่า นิบิรุ จะโคจรเข้ามาใกล้โลก ซึ่งมีผลกระทบอย่างแน่นอน แต่ใครมีความรู้ดีๆเรื่องมั้ง มาคุยกันดีกว่าเนอะ (ก่อนหน้านั้นเผลอปิดกระทู้ไป -*-)ดาวนิบิรุ (Planet X Nibiru)สันนิฐานว่าถูกดวงอาทิตย์จับไว้เมื่อ 500,000 ปีก่อน
ก่อนและหลังจากการเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กโลก
ผลกระทบ (เท่าที่รู้มา)
เนื่องจากมันเป็นดาวฤกษ์ ซึ่งถ้ามันโคจรเข้าใกล้ๆวงโคจรของระบบสุริยะนี้ ก็สร้างความปั่นป่วนได้แล้ว (ปัจจุบัน ดาวยูเรนัสกับเนสจูนโดนเป็นประจำ) และวิถีโคจรของมันโดย

องค์กรนาซ่าบอกว่า...จะโคจรเข้า มาใกล้มาๆและมันจะโคจรเข้าเป็นเส้นตรงพอดีในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 (ช่วงจบกึ่งกลางพุทธกาลพอดี) ก็คือ ดวงอาทิตย์ โลก และนิบิรุ อยู่ในระนาบเดียวกันพอดี วันนั้นจะเป็นวันวิบัติซึ่งจะมีผลดังนี้

1.สร้างความปั่นป่วนให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า
2.น้ำจะขึ้นสูงมากๆจนเกิดวิกฤติการ์ที่เรียกว่า น้ำท่วมโลกหรือซุปเปอร์ซึนามิ
3.แผ่นดินไหวและภูเขาไฟไปทั่วโลก
4.ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ ,computer)
5.การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
6.ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนอย่างมาก
7.สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
8.กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมายจะเฉียดเข้าใ กล้โลกได้ง่ายขึ้น
9.แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม (มนุษย์น่าจะกระโดดได้สูงขึ้นกว่าเดิม)


ไม่หมดเพียงเท่านี้ หลังจากเหตุการณ์นี้ไม่กี่เดือน เราจะเจอพายุสุริยะเข้าอย่างจัง ซึ่งอย่างที่รู้ๆกันว่า สนามแม่เหล็กโลกช่วยป้องกันไม่ให้มันมีผลกระทบมากนัก เมื่อไม่มีก็วิบัติ มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือชนเผ่ามายาหรือมายันนี่เอง พวกเขาได้ทำปฏิทินไว้สองแบบก็คือ

แบบที่หนึ่ง สามารถเทียบเคียงได้กับปฏิทินจริงที่เราใช้กันในปัจจุบัน และมีความคลาดเคลื่อนกันน้อยมาก
แบบที่สอง คือปฏิทินที่ข้างบนๆได้กล่าวไว้ (หมายถึงมีถึงแค่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012)
เรื่องราวต่างเป็นที่รู้ดีกันนานแล้วในวงการแต่เรื่องผลกระทบต่างๆเป็นแค่การคาดการ์ณลาวงหน้าเท่านั้น.....
แต่ที่แน่ๆเรามีภาพเหตุการ์ณนั้นมาให้ดูว่าจะเกิดเหตุการณ์ประมาณไหนในปี 2012 เขาทำมาเป็นหนังทุนสร้างสูงเรื่องยิ่งใหญ่เรื่อง

เพราะฉะนั้นยังมีเวลาผมขอให้ทำบุญไว้ก่อนครับ พยายามมองโลกในแง่ดีครับคิดว่าเราขอบคุณคุณพ่อ และ แม่แล้วเพราะอาจเกิดหรือไม่เกิดก็ได้

กรุงเทพมหานครในอนาคตที่จะจมอยู่ใต้น้ำ
http://www.oknation.net/blog/tanigool/2009/08/07/entry-1


เรื่องจริงผ่านจอที่ทุกคนต้องดู
http://video.mthai.com/player.php?id=6M1249887692M0
http://www.oknation.net/blog/tanigool/2009/08/07/entry-1
http://board.palungjit.com/f178/2012-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C-194385.html





tao
#32
18-11-2009 - 07:39:24

#32 tao  [ 18-11-2009 - 07:39:24 ]





เอามาให้ดูกันตอนนี้เลยครับ



ตัวจริง comeback now sir
gudekload
#33
18-11-2009 - 13:08:42

#33 gudekload  [ 18-11-2009 - 13:08:42 ]




ถ้ามีจริงๆๆก็น่าสนใจดีอะนะ ที่ไม่แน่อนาคตอาจมีตัวตาเดียว ตัวสีเขียว มีมือคล้ายหนวดหมึก หรือตัวสูงโย่งพูดภาษาอะลึมกึมดุ๊ย ที่เราฟังมะรุเรื่องมาเดินเที่ยวแถวบ้านเรา ฮี่ๆๆๆ


vchukkrit
#34
18-11-2009 - 18:44:02

#34 vchukkrit  [ 18-11-2009 - 18:44:02 ]









อันนี้เป็นรายการเรื่องจริงผ่านจอครับ 2012 ที่ทุกคนต้องดู

"อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริง ปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การ NASA โดยสื่อสารทาง "โทรจิต" ในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (มนุษย์บางคนเท่านั้นที่ถูกเลือกให้รอด) "อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่าโลกมนุษย์เรา ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลอื่นๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวประมาณ 200 จักรวาล ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงจักรวาลเล็กๆ 1 จักรวาล เท่านั้น เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ
"อาจารย์ สุมิตร" บอกว่า มนุษย์โลกสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานแล้วโดยทาง "โทรจิต" แต่ทาง "สหรัฐอเมริกา" นั้นค่อนข้างปกปิด เรื่องนี้ ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้ ก็จะมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล "อาจารย์ สุมิตร" เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA มาหลายปีแล้ว ท่านเคยไปบอกให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของไทยควรเร่งสร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพคนไทยจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 โดยเร็ว เพราะ "คุณสุวิช" มีเทคโนโลยีในการสร้างแล้ว ขาดก็แต่งบประมาณเท่านั้น แต่กลับไม่มีใครเชื่อ แถมมองว่าท่านเป็นบ้าอีกด้วย พวกฝรั่งเขารู้กันมานาน เขาสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกในค.ศ. 2012 เกือบเสร็จแล้ว แต่คนไทยยังไม่เชื่อ จะจมน้ำตายกันอยู่แล้ว ไม่รู้วันๆ คนไทยทำอะไรกันอยู่ น่าสงสารคนไทยจริงๆ"อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริง ที่ฝรั่งเค้าตื่นตัวกันมาก โดยเฉพาะในหมู่นักวิทยาศาสตร์อวกาศ แต่คนไทยเกือบทั้งหมดยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ น่าสงสารคนไทยจริงๆ"อาจารย์ สุมิตร" กล่าวว่า คนไทยน่าจะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว อีก 3 ปี ได้จมน้ำตายแน่ๆ เพราะอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012นั้นเป็นวันหายนะที่ร้ายแรงมาก ร้ายแรงขนาดล้างโลกเลยทีเดียว ไม่งั้นมนุษย์ต่างดาวเค้าคงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การ NASA เพื่อช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล เพราะ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA จริง มีตัวตนจริงๆ
ลองหาข้อมูลของ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ใน Google ดูนะ



แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-11-18 19:10:31


tao
#35
18-11-2009 - 19:54:07

#35 tao  [ 18-11-2009 - 19:54:07 ]




ประสบการณ์ 29 ปี ตำแหน่ง A&P Mechanic / IA/Avionic ในอุตสาหกรรมการบินและอยู่ในทีมศึกษาการพัฒนาสิ่งแวดล้อม

คุณวุฒิ

• ประสบการณ์ 6 ปีในแผนกซ่อมบำรุง กองทัพอากาศไทย รวมถึงประสบการณ์ 2 ปี ในโรงเรียนฝึกช่างเทคนิคการบิน

• ประสบการณ์ 23 ปีในเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่/ Heavy jet/ Airbus , Boeing และเครื่องบินหลายประเภท

• เครื่องจักรกลการบิน B- 737-400, B- 777, B- 747-200/300/400, DC -10, SAAB -340, Dash- 7, ART -42/72

• ใบอนุญาติวิศวกรการบิน Airbus , Boeing

• วิศวกรควบคุม/วิทยากรแนะนำสำหรับเครื่อง B- 737-400, B -777, B- 747-200/300/400, DC- 10, SAAB -340, Dash- 7, ATR -42/72

• ได้รับการยกย่องในการแก้ไขปัญหาเครื่องบินประเภทต่าง ๆ ตามบท ATA รวมถึงการอ่านและแปล MM , IPC , SRM , WDM , FIM

• ได้รับการยกย่องในการแก้ไขปัญหาและซ่อมบำรุง ระบบ Avionic System (ไม่แน่ใจว่าใช่ระบบเสียงบนเครื่องบินหรือเปล่า) FMS/GPS , TCAS , Auto Pilot System (ที่ขีดเส้นใต้ระบบนักบินอัตโนมัติ), Automatic Flight Control System ( AFCS ) (ที่ขีดเส้นใต้คือระบบการบินอัตโนมัติ), Radar System (ระบบเรดาร์), Communication System (ระบบการสื่อสาร), Navigation System (ระบบการนำเครื่องบิน), Electronic Flight instrument System ( EFIS ) (ระบบเครื่องมือไฟฟ้าเกี่ยวกับความสูงและอื่น ๆ ในการบิน) and sophisticated avionic system (ระบบ
เครื่องมืออื่น ๆ )

• มีความเชี่ยวชาญในการปรับเปลี่ยนแก้ไขเครื่องจักรกลเครื่องบินหลายประเภท

• สามารถอ่านคอมพิวเตอร์ในโปรแกรม Word , Excel ในการใช้ portable maintenance Aid ( PMA ) สำหรับการแก้ไขปัญหาบนเครื่อง B -777, B -737-400, B -747-400

• สามารถซ่อมบำรุงถังเชื้อเพลิงบนเครื่องบินหลายประเภท

• มีสิทธิอนุญาตการตรวจสอบ ( IA )

• สามารถแก้ไขและบำรุงรักษาอุปกรณ์การบินภาคพื้นดิน Aerospace Ground Equipment ( AGE )

การศึกษา

• จบการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา

ระดับปริญญาโทสาขาศิลปกรรม ด้านวิศวกรการบิน (19 มีนาคม 2550)

• จบการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา

ระดับปริญญาตรีสาขาศิลปกรรม ด้านวิศวกรการบิน (13 มิถุนายน 2545)

• ประกาศนียบัตรจากบริษัทการบินไทยจำกัด มหาชน ( 12 กุมภาพันธ์ 2533 – 2542)

• A -300- B 4/ A- 300-600 Familiarization Course

• B -747-400 Basic course

• B -737-400 ใบอนุญาติวิศวกรท่าอากาศยาน

• ประกาศนียบัตรจากโรงเรียนฝึกช่างเทคนิคการบิน

• จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดราชบุรี

ประสบการณ์
A-tech Aviation Corporation , Beaumont , CA92223 15 มกราคม 2551 – 25 กรกฎาคม 2551

* ปฏิบัติด้านการบำรุงรักษาและตรวจสอบเครื่อง A 320, B 777-300, B 767, B 737-300, B 737-400 รับช่วงจากอุตสาหกรรมการบินไทย ประเทศไทย ( Thai Aviation Industry , Bangkok , Thailand

A-tech Aviation Corporation , Beaumont , CA92223 30 ตุลาคม 2551 – 15 กรกฎาคม 2551

* ปฏิบัติด้านการบำรุงรักษาและตรวจสอบเครื่อง B 777-300, B 767, B 737-300, B 737-400, B 737-800, DC -9, B 747-200 รับช่วงจาก Baysys West Technologies , San Bernardino Airport , CA

A&P Mechanic ,องค์การอวกาศนาซ่า ( Lyndon B.Johnson Center ), ฝ่ายปฏิบัติการขับเคลื่อน B 101 Boeing Bivd. , EI Paso , Texas 79925, ประเทศสหรัฐอเมริกา

• เข้าร่วมการอบรมการบำรุงรักษาห้องเครื่อง T -38

• เข้าร่วมการอบรมนักบินอวกาศบนเครื่อง T -38 และ การปล่อยจรวดขึ้นสู่อวกาศและการนำกลับคืนภาคพื้นดิน

A&P Mechanic /วิทยกร/ IA สำหรับ Avtel service กองทัพทหารบกสหรัฐอเมริกา,เท็กซัส

ประเทศสหรัฐอเมริกา กรกฎาคม 2543 – เมษายน 2548

• ปฏิบัติเกี่ยวกับการบำรุงรักษาและตรวจสอบเครื่อง Dash -7 Turbo - Prop US ARMY , CRJ , G -5

• ปฏิบัติเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของระบบเครื่องบิน,ระบบเสียงและสายงานการบินเกี่ยวกับการนำเครื่องขึ้นและลง

หมายเหตุ : ในส่วนของประสบการณ์ขอให้อาจารย์ช่วยพิจารณาความเหมาะสมว่าถ้าจะลงหนังสือเพียงเท่านี้เหมาะสมหรือไม่ หรือควรมีประสบการณ์ที่สำคัญอื่น ๆ เพิ่มเติม อาจารย์กรุณาเพิ่มเติมให้ด้วยครับ (ขอเป็นภาษาไทยครับเพราะผมเกรงว่าถ้าแปลเองอาจจะผิดพลาดในเรื่องของตำแหน่ง หน่วยงาน และหน้าที่ครับ )

ใบอนุญาติ

• ใบอนุญาติวิศวกรการบินประเภท 2 ( CAA - License # 0472 ), กองการบิน (ไม่แน่ใจว่าเป็นกรมหรือกองหรือทบวงหรือกระทรวงหรือแผนก หาคำตอบด้วย) ,ประเทศไทย

• ใบอนุญาต FAA A&P # 2409497, ใบอนุญาตช่างเครื่องเครื่องบิน, การบินสหพันธรัฐ ประเทศสหรัฐอเมริกา

รางวัล

• รางวัลปฏิบัติการยอดเยี่ยม ปี 1982 , Wing 23 ฐานการบินอุดร ,การบินไทย

• พนักงานยอดเยี่ยม 1988 US Air Force สหรัฐอเมริกา

• รางวัลยอดเยี่ยมของผู้บังคับการกองทัพทหารบก สหรัฐอเมริกา กองทัพอัจฉริยะ ครั้งที่ 204 ,การสำรวจแผนที่จากอากาศ

โครงการและสิ่งประดิษฐ์

• ระบบควบคุมน้ำอัจฉริยะ (อยู่ในระหว่างจดสิทธิบัตร)

• น้ำ-ไฮโดรเยน พลังงานเชื้อเพลิงในอนาคต สำหรับโครงการมนุษยชาติในประเทศไทย

• Fuel Cell (พลังงานเชื้อเพลิง)

• รถวิ่งโดยใช้น้ำ

ประวัติของอาจารย์สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ครับ



ตัวจริง comeback now sir
tao
#36
18-11-2009 - 19:55:59

#36 tao  [ 18-11-2009 - 19:55:59 ]




เมื่อราวเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ.2551 (ค.ศ.2008) อาจารย์สุมิตร หรือ พ.อ.อ.สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา กลายเป็นที่รู้จักของคนไทย จากการเป็นผู้คิดค้นรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนในประเทศไทยเป็นคนแรก โดยพัฒนาอุปกรณ์แยกไฮโดรเจนจากน้ำ ทำให้รถยนต์สามารถใช้พลังงานน้ำแทนน้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนได้สำเร็จ หรือเรียกง่ายๆ ว่า รถใช้น้ำที่ใครหลายคนฝันไว้ ได้เกิดขึ้นได้จริงจากนักวิจัยท่านนี้

แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่านอกจากการเป็นนักวิจัยของไทยที่นับว่ามีความรู้ความสามารถท่านหนึ่งแล้ว อาจารย์สุมิตรยังทำงานอยู่ในองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือองค์การนาซ่า ในสายงานที่อาจเรียกว่าพิเศษก็ไม่ผิดนัก กล่าวคือ ต้องทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก สร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือ ปี ค.ศ.2012 (พ.ศ.2555) ซึ่งเป็นเรื่องที่รู้กันในวงจำกัดเท่านั้น!!!

อาจารย์สุมิตร บอกเล่าผ่านรายการ The Taxi ทางช่องเอ็นบีที เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติของโลก ว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า โลกจะเกิดหายนะขึ้นจากเหตุอุทกภัย น้ำจะท่วมโลกอย่างแน่นอน ซึ่งคนในองค์การนาซ่าทุกคนต่างทราบเรื่องนี้มานานแล้ว จึงได้พยายามสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนหนีภัยน้ำท่วมโลก โดยอาจารย์สุมิตร เผยว่า ยานอวกาศดังกล่าวใกล้เสร็จแล้ว แต่ไม่ได้ระบุว่าสร้างไว้ทั้งหมดกี่ลำ

พร้อมกันนี้ อาจารย์สุมิตร ยังระบุด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริง และปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การนาซ่า โดยใช้วิธีสื่อสารทางโทรจิตในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (พ.ศ.2555) อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ ทางสหรัฐอเมริกา ค่อนข้างปกปิด ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ เนื่องจากอาจมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล

"โลกมนุษย์เรา ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลอื่นๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวประมาณ 200 จักรวาล ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงจักรวาลเล็กๆ 1 จักรวาล เท่านั้น เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ"

เมื่อรู้เช่นนี้ อาจารย์สุมิตร จึงเสนอต่อกระทรวงวิทยาศาสตร์ของไทย เพื่อให้เร่งสร้างยานอวกาศเตรียมไว้สำหรับอพยพคนไทยจากอุทกภัยน้ำท่วมโลก ค.ศ.2012 แต่กลับไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากอาจเห็นว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่มีน้ำหนักมากพอในเชิงหลักฐาน

"อีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริง ที่ฝรั่งเค้าตื่นตัวกันมาก โดยเฉพาะในหมู่นักวิทยาศาสตร์อวกาศ แต่คนไทยเกือบทั้งหมด ยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ มันเป็นวันหายนะที่ร้ายแรง ไม่งั้นมนุษย์ต่างดาวคงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การนาซ่า เพื่อช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่"

นี่เป็นคำยืนยันจากปากของ พ.อ.อ.สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ไทยจากองค์การนาซ่า ที่หลายคนอาจเชื่อ แต่หลายคนอาจไม่เชื่อ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคล อย่างไรก็ดี นอกจากอาจารย์สุมิตรแล้ว ยังมีนักวิทยาศาสตร์อีกลายคนที่พยายามจะมาเตือนคนไทยเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วมล้างโลกก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ทำนายกรุงเทพฯ จมใต้น้ำในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) และอีกท่านที่รู้จักกันดี คือ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ทำนายอนาคตโลกต้องเกิดภัยพิบัติครั้งมโหฬารในปี พ.ศ.2560 (ค.ศ.2017) โดยท่านทำนายไว้เมื่อปี พ.ศ.2548

ย้อนกลับไปดูผลงานรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนของอาจารย์สุมิตร เป็นรถที่ใช้น้ำแทนน้ำมัน วิ่งได้ 56 กิโลเมตร/ลิตร โดยอาศัยหลักการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า ทำให้ได้ก๊าซไฮโดรเจน 2 อะตอม และ ออกซิเจน 1 อะตอม โดยใช้อุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นเรียกว่า "รีแอคเตอร์" เป็นตัวแยก เมื่อนำไปติดตั้งกับรถยนต์จะใช้ไฟฟ้ากระแสตรงจากแบตเตอรี่รถ 12 โวลต์ เข้ามาทำการแยกโดยขั้วบวกจะมีปฏิกิริยาของออกซิเจน ขั้วลบจะเป็นปฏิกิริยาของไฮโดรเจนในการแยกโมเลกุลน้ำ และได้ไฮโดรเจนซึ่งเป็นเชื้อเพลิง แล้วส่งเข้าไปสันดาปในเครื่องยนต์

"จุดประสงค์ที่คิดค้นเกิดจากอยากให้โลกรู้ว่า น้ำสามารถเป็นพลังงานทดแทนได้ในอนาคต จึงได้พัฒนาอุปกรณ์ตัวนี้ขึ้นมา นอกจากนี้รีแอคเตอร์ยังเป็นตัวแก้ปัญหามลพิษ สภาวะปัญหาของโลกในปัจจุบันที่เกิดสภาวะโลกร้อน เพราะการใช้น้ำมาเป็นพลังงานเป็นเชื้อเพลิง จะทำให้ลดภาวะโลกร้อนและแก้ปัญหามลพิษไปด้วย ผลงานชิ้นนี้จะไม่ใช่ชิ้นแรกและชิ้นสุดท้าย ขอให้คนไทยเป็นกำลังใจให้ผมและทีมงานทำหน้าที่ต่อไปให้สำเร็จ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป" พ.อ.อ.สุมิตร กล่าว

สำหรับ อาจารย์สุมิตร หรือ พ.อ.อ.สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เดิมเป็นชาว จ.ราชบุรี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ และเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนจ่าอากาศ เริ่มต้นรับราชการที่กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี เป็นเวลา 6 ปี จากนั้นได้ศึกษาต่อในหลายสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ กระทั่งจบการศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรมอากาศยาน จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีประสบการณ์การทำงานกว่า 30 ปี ในบริษัทผู้ผลิตอากาศยานยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น โบอิ้ง หรือแอร์บัส ทำงานในองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา มีผลงานการประดิษฐ์ที่ทำให้ประหลาดใจหลายอย่าง จนเพื่อนร่วมงานขนานนามว่า "พ่อมด" แห่งองค์การนาซ่า

การศึกษา

• ปริญญาโทสาขาศิลปกรรม ด้านวิศวกรการบิน สหรัฐอเมริกา (19 มีนาคม พ.ศ.2550)
• ปริญญาตรีสาขาศิลปกรรม ด้านวิศวกรการบิน สหรัฐอเมริกา (13 มิถุนายน พ.ศ.2545)
• ประกาศนียบัตรจากบริษัทการบินไทยจำกัด มหาชน ( 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2533 – พ.ศ.2542)
• A -300- B 4/ A- 300-600 Familiarization Course
• B -747-400 Basic course
• B -737-400 ใบอนุญาตวิศวกรท่าอากาศยาน
• ประกาศนียบัตรจากโรงเรียนฝึกช่างเทคนิคการบิน
• จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดราชบุรี

รางวัลที่เคยได้รับ

• รางวัลปฏิบัติการยอดเยี่ยม ปี ค.ศ.1982 (พ.ศ.2525), Wing 23 ฐานการบินอุดร ,การบินไทย
• พนักงานยอดเยี่ยม ค.ศ.1988 (พ.ศ.2531) US Air Force สหรัฐอเมริกา
• รางวัลยอดเยี่ยมของผู้บังคับการกองทัพทหารบก สหรัฐอเมริกา กองทัพอัจฉริยะ ครั้งที่ 204,การสำรวจแผนที่จากอากาศ

โครงการและสิ่งประดิษฐ์

• ระบบควบคุมน้ำอัจฉริยะ (อยู่ในระหว่างจดสิทธิบัตร)
• น้ำ-ไฮโดรเยน พลังงานเชื้อเพลิงในอนาคต สำหรับโครงการมนุษยชาติในประเทศไทย
• Fuel Cell (พลังงานเชื้อเพลิง)
• รถวิ่งโดยใช้น้ำ






ตัวจริง comeback now sir
tao
#37
24-11-2009 - 22:34:59

#37 tao  [ 24-11-2009 - 22:34:59 ]




ค.ศ.33-150 ชาวคริสต์ยุคแรกกลุ้มใจว่าโลกจะแตกสลาย

ค.ศ.992-1000 พระชาวยุโรปคิดว่า โลกจะวินาศในปี ค.ศ.1000 ผู้คนจึงหวาดกลัวกันใหญ่

ค.ศ.1001 ปรากฏว่าโลกยังไม่แตก พระชาวฝรั่งเศสจึงบอกว่า ภัยพิบัติจะเลื่อนไปเกิดปี ค.ศ.1033

ค.ศ.1033 โลกยังหมุนต่อไป

ค.ศ.1186 (พ.ศ.1729)เกิดดาวเคราะห์เรียงตัวกัน ชาวยุโรปนึกว่าโลกจะล่มสลาย

ค.ศ.1346-1418 (พ.ศ.1889-1961) เกิดโรคกาฬโรคขึ้น ประชากร 1 ใน 3 ของยุโรปตาย และคร่าชีวิตประชากรครึ่งประเทศในอังกฤษ แต่มนุษย์โลกก็เพิ่มจํานวนกลับคืนมาตามเดิม

ค.ศ.1501 (พ.ศ.2044) คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ค้นพบรหัสไบเบิ้ล เรียกมันว่า"ไบเบิ้ลโค้ด" ได้ผลทํานายออกมาว่า โลกจะแตกใน ปีค.ศ.1656 (พ.ศ.2199)

ค.ศ.1656 (พ.ศ.2199) คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ทํานายผิด

ค.ศ. 1844 วิลเลียม มิลเลอร์ บอกสาวก50,000 คนว่า โลกจะพินาศในปีนี้แล้ว แต่ก็ผิดหวัง

ค.ศ.1848 วิลเลียมบอกว่า มันจะเลื่อนมาเกิดปีนี้ต่างหาก .. แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วิลเลียมจึงบอกว่า มันเลื่อนไปเกิดปีหน้า

ค.ศ.1849 วิลเลียมไม่ได้รับความเชื่อถืออีกต่อไป

ค.ศ.1910 ดาวหางฮัลเล่ห์ปรากฏ ผู้คนต่างหวาดกลัวว่าจะเกิดวันสิ้นโลก

ค.ศ.1925 แม่ชี โรเบิร์ต ไรท์บอกว่า พระเจ้ามาบอกว่า โลกจะพินาศในปีนี้ เผอิญปีนั้น เกิดโรคระบาด แผ่นดินไหวถี่ผิดปกติ ภาวะบ้านเมืองอึมครึม คนเลยเชื่อใหญ่ บางคนร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร บางคนขายบ้าน ขายที่นา พอถึงวันที่แม่ชีว่าจะเกิด แม่ชีไรท์พาลูกศิษย์หลบเข้าป่าจําศีลภาวนา แต่แล้วก็ผิดพลาดอีก

ค.ศ.1945 ชาร์ล ลอง นักฟิสิกส์อังกฤษ บอกว่า โลกจะพินาศ ซึ่งในระยะเดียวกันนั้น บังเอิญเกิดดาวหางบ่อยๆ เกิดสุริยคราสและจันทราคราส บ่อยๆ
น้ำท่วมเป็นประจํา แผ่นดินไหวถี่ผิดปกติ จึงเป็นเหตุผลที่ชาวโลกควรเชื่อ แต่ก็ผิดพลาดหนักเข้าไปอีก

ค.ศ.1975 กลุ่มชาวคริสต์ออกมาทํานายว่าปีนี้โลกจะพินาศ หลังจากทายผิดติดต่อกันมาแล้ว 10 ปี

ค.ศ.1996 ไมเคิล ดรอสนินท์และเอลิยา ริปป์ ตีความไบเบิ้ลโค้ด แล้วบอกว่า จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3ในวันที่ 25 กรกฏาคม ...แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไมเคิลและริปป์จึงบอกว่า สงครามโลกครั้งที่ 3และภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้นแน่ แต่เลื่อนไปในปีค.ศ.1999

ค.ศ.1999 นอสตราดามุส บอกว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3... นอกจากนอสตราดามุสแล้ว ยังมีไมเคิลกับริปป์ที่หน้าแหกเป็นเพื่อนอีกตั้งหาก

ค.ศ.2000 ดาวเคราะห์เรียงตัวกันในวันที่ 5 พฤษภาคม ผู้คนบนโลกเชื่อว่าโลกจะแตก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

กันยายน 2005 - สิงหาคม 2006 กลุ่มไบเบิ้ลโค้ดเชื่อว่า จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามที่คัมภีร์ทํานายว่าจะเกิดใน สิงหาคม 2006 แต่ก็ผิดอีก

ค.ศ.3420 มีคนพบกลอนที่นอสตราดามุสเขียน ทํานายว่าโลกจะพินาศในปีนี้

ค.ศ.3797 มีคนพบกลอนว่านอสตราดามุสทํานายว่าโลกจะพินาศปีนี้ตะหาก

******************************************

นักโลกแตกวิทยา นี่มีมาก่อนเราเกิดอีกนะเนี่ย

ด้วยความเคารพเพื่อนสมาชิก น้ำท่วม กทม ไหม ณ ตอนนี้ยังไม่ท่วม ต่อไปไม่แน่

แต่ทุกวันนี้น้ำท่วมโลกอยู่แล้วครับ 2 ใน 3 ของพื้นผิวของโลก เป็น น้ำ นะครับ


เดรดิตhttp://www.chiangraifocus.com/



ตัวจริง comeback now sir
biguvix
#38
25-11-2009 - 16:46:25

#38 biguvix  [ 25-11-2009 - 16:46:25 ]




เอเลี่ยนนะไม่ใช่เจ้าที่


tao
#39
25-11-2009 - 18:25:44

#39 tao  [ 25-11-2009 - 18:25:44 ]




ไม่ไช่เจ้าที่ยังไงงง



ตัวจริง comeback now sir
tao
#40
25-11-2009 - 23:39:02

#40 tao  [ 25-11-2009 - 23:39:02 ]




ลองอ่านข้อความที่37ดูสิ
เป็นคำทำนายที่ชาวคริสต์ทำนายผิดตลอด
แต่2012นี้เผ่ามายันทำนายเอาไว้
ซึ่งปฏิทินของชนเผ่ามายันได้มาเป็น0ซึ่งตรงกับวันที่21ธันวา2012
เดี่ยวจะหาข้อมูลเพิ่มเติมมาอีกนะ



ตัวจริง comeback now sir

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ