ต่อ.... quote :
ความผิดปกติที่พบบ่อยในแมว
1. อาเจียน การอาเจียนในแมวอาจพบได้เป็นปกติในกรณีที่แมว รู้สึกไม่สบายตัว แล้วจึงไปกินหญ้าเพื่อให้อาเจียนออกมา แต่ถ้านอกจากนี้ หรือพบว่าแมวอาเจียนบ่อยมาก นั่นหมายถึงว่าเกิดความผิดปกติขึ้นแน่นอน การอาเจียนนั้นจะต้องเกิดหลังจากกินอาหารเข้าไปอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ถ้าเกิดเร็วกว่านั้นมักจะเรียกว่าการสำรอก ซึ่งจะมีสาเหตต่างกัน
สาเหตุของการอาเจียน :แบ่งได้ 3 สาเหตุใหญ่ๆคือ การติดชื้อภายในร่างกาย ความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร และความผิดปกติในระบบการทำงานของร่างกายนอกเหนือจากทางเดินอาหาร
สำหรับการวินิจฉัย : จำเป็นจะต้อง ใช้การตรวจเลือด การเอ็กซเรย์ หรืออาจจะต้องใช้กล่องตรวจภายใน ดังนั้นท่านเจ้าของไม่ควรนิ่งนอนใจเมื่อแมวของท่านเกิดอาเจียนขึ้นมา
2. ท้องเสีย อาการท้องเสีย หรือถ่ายเหลวสามารถพบได้บ่อยในแมว สามารถแบ่งลักษณะการท้องเสียตามอาการและความรุนแรง ได้ 3 ประเภทใหญ่คือ
ถ่ายเหลวเป็นน้ำ สาเหตุมักเกิดจาก อาหาร การติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ป่วยด้วยโรคอื่นๆ
ถ่ายเหลวเป็นเมือก มักเกิดจาก พยาธิ และปาราสิตบางชนิด
ถ่ายเหลวเป็นเลือด มักเกิดจากมีบาดแผลในลำไส้ พยาธิ ปาราสิตบางชนิด ไวรัส หรือแบคทีเรียบางชนิด สำหรับความรุนแรงของโรคนั้นมีตั้งแต่ป่วยเล็กน้อย จนถึงตาย ดังนั้นเมื่อมีอาการท้องเสียควรนำแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุและการรักษาที่ถูกต้อง
3. น้ำลายไหล เมื่อแมวมีอาการน้ำลายไหลออกมามากเกินไป อาจจะมีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น แพ้ยาหรือสารเคมีบางอย่าง ติดเชื้อไวรัสบางชนิด กินยาเบื่อหนู ความรุนแรงอาจจะถึงตายได้ดังนั้นควรนำไปพบหมอเพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาโดยด่วน
4. ไอ แมวที่มีอาการไอ มักจะมีปัญหาที่หลอดลม หรือปอด อาจจะเกิดจากสาเหตุของการติดเชื้อ ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด การวินิจฉัยที่ได้ผลมักจะต้องเอ็กซเรย์ หรือต้องใช้กล้องตรวจภายในส่องดู บางทีอาจจะต้องเช็คเลือดด้วย
5. จาม บางตรั้งแมวที่มีสุขภาพแข็งแรงดีก็อาจจะจามได้ เมื่อรู้สึกระคายเคืองที่จมูก แต่ถ้าการจามนั้นบ่อย หรือร่วมกับการมีน้ำมูก นั่นแสดงว่าป่วยซะแล้ว สาเหตุอาจเกิดจากแบคทีเรีย หรือไวรัส ต้องพาไปตรวจก่อนจะสายเกินไป ไม่งั้นอาจจะลุกลามจนทำให้เป็นปอดบวมได้
6. ท้องผูก แมวพันธุ์ขนยาวมักจะมีปัญหาท้องผูกอยู่เสมอ เพราะมักจะเลียกินเศษขน เข้าไปจนไปอุดตันในลำไส้ นอกจากนี้แมวที่มีปัญหาเรื่องเชิงกรานแคบก็จะมีปัญหาเรื่องท้องผูกอยู่เหมือนกัน การวินิจฉัย: จะใช้การคลำร่วมกับ การถ่ายภาพเอกซเรย์
การป้องกัน: จะต้องให้แมวกินอาหารที่มีกากเยอะๆจะได้ช่วยในการขับถ่ายได้ง่าย นอกจากนี้ก็จะมีผลิตภัณฑ์ สำหรับป้องกันการท้องผูกขายอยู่ด้วย
7. ฉี่ไม่ออก อาการฉี่ไม่ออก มักพบได้บ่อยในแมวตัวผู้มากกว่าตัวเมีย เพราะตัวผู้มักจะมีเศษไขมันที่เกิดในทางเดินปัสสาวะไปอุดตันที่ปลายท่อทำให้ฉี่ไม่ออก เมื่อคลี่ปลายท่อปัสสาวะก็จะสามารถพบเศษไขมันนั่นได้ เจ้าของสามารถดึงเอาออกได้ เองแต่ถ้าไม่แน่ใจควรปรึกษาหมอ
สำหรับสาเหตุอื่นๆ : อาจจะเกิดจากความผิดปกติของไต นิ่ว เป็นต้น
การวินิจฉัย: มักจะใช้การตรวจเลือด การตรวจปัสสาวะ และการเอ็กซเรย์ ไม่ควรปล่อยให้แมวอั้นฉี่ไว้นานเพราะจะมีผลต่อการทำงานของไต และระบบอื่นๆในร่างกายได้ ควรรีบนำแมวไปให้หมอตรวจหากพบว่าแมวพยายามฉี่ แต่ฉี่ไม่ออกอยู่หลายครั้ง
8. ฉี่เป็นเลือด อาการฉี่เป็นเลือด เป็นอาการที่ไม่ค่อยดีนัก สาเหตุมักจะเกิดจากนิ่ว การติดเชื้อ เป็นต้น ไม่ควรนิ่งนอนใจควรพาแมวไปพบหมอโดยด่วน เพราะอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
quote :
โรคไข้หัดแมว
โรคนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าโรคลำไส้อักเสบติดเชื้อไวรัสในแมว เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปและเกิดในแมวทุกอายุ แมวทุกตัวควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ เนื่องจากไม่สามารถระวังให้แมวไม่สัมผัสกับเชื้อโรคนี้ได้ โดยเชื้อนี้จะมีผลกับอวัยวะต่างๆของร่างกาย ทำให้เกิดอาการไข้ เบื่ออาหาร อาเจียน ท้องเสีย แสดงสภาวะขาดน้ำ อ่อนเพลีย ตัวสั่นและเดินไม่ตรง แมวอาจตายภายใน 1 สัปดาห์ ลูกแมวที่เป็นโรคนี้ 3 ใน 4 ตัวจะตาย แมวที่มีอายุเมื่อเป็นโรคนี้จะมีอัตราการตาย 50% ดังนั้นควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ในลูกแมวอายุ6-12สัปดาห์ และฉีดกระตุ้นซ้ำทุกปี ลูกแมวที่อายุน้อยกว่า 12 สัปดาห์ ควรฉีดวัคซีนนี้ 2-3 ครั้ง ห่างกัน 2-3สัปดาห์
quote :
การถอดเล็บแมว ปัจจุบันความนิยมในการเลี้ยงแมวไว้เป็นเพื่อนเริ่มมีมากขึ้น แมวเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยดุร้าย กิจกรรมประจำวันมักจะนอน แต่มักจะไม่หลับนอนในเวลากลางคืน ในบางครั้งแมวที่เราเคยเลี้ยงไว้หนีไปเที่ยวเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน หรือไม่เคยกลับมาอีกเลย ไม่ค่อยมีใครทราบเหมือนกันว่า แมวไปไหน หรือในบางครั้งแมวถูกสุนัขทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต หรือถูกรถชน กรณีอย่างนี้ผู้ที่รักแมวมักจะหาแมวตัวใหม่มาเลี้ยง บางครั้งมีแมวตัวใหม่มาป้วนเ...ยนบ้านเรา เราให้อาหารกับมันทุกวัน ทุกวัน.... แล้วก็เป็นแมวของเราไปเอง.. (แมวเราที่หนีไปเที่ยวอาจจะไปมีชีวิตแบบด้วยก็ได้... แล้วมีผู้ใจบุญให้อาหารมัน ... มันเลยไม่กลับมาอีก ก็อาจจะเป็นไปได้) บางครั้งไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงหรอก ให้อาหารไปวันๆ แต่เผลอแผล็บเดียว... เหมียวน้อยเต็มไปหมดเลย.. คราวนี้ต้องเลี้ยงกันยาวเลย...
สังคมปัจจุบันเริ่มตระหนักแล้วว่า สัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนที่ดี.. ซื่อสัตย์.. ไม่บ่น.. ไม่เถียง.. ถ้าโชคดีถ้าสัตว์เลี้ยงบางชนิดที่สามารถฝึกได้..ใช้งานได้อีก ... นั่นหมายความว่าเราไม่อาจจะคิดว่า สัตว์เลี้ยงเป็นเพียงสิ่งของ หรืออะไรสักอย่างที่ไม่ใส่ใจก็ได้ไม่ได้เสียแล้ว คงต้องดูแลเหมือนสมาชิกในครอบครัวตัวหนึ่งแล้วหละ ต้องนำมันไปฉีดวัคซีนป้องกันโรค ต้องให้อาหารที่ดีมีคุณค่า ให้อยู่ในที่ที่จัดให้(กรง หรือภายในบริเวณบ้าน) สัตว์เลี้ยงอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับผู้ป่วยบางประเภท หรือแม้แต่คนชรา
แมวเป็นสัตว์เลี้ยงอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยม ด้วยความน่ารัก ชอบประจบ คลอเคลีย อันเป็นเสน่ท์ที่เจ้าของหลงใหล แต่การเลี้ยงแมวในบ้านมีปัญหาที่สำคัญประการหนึ่งคือ แมวมักจะชอบลับเล็บด้วยการข่วนเล็บของมันกับโซฟา ตู้ หมอน ทำให้เกิดความเสียหาย ถ้าปัญหาดังกล่าวมีมาก เจ้าของบางคนอาจจะเลือกวิธีการการถอดเล็บของมัน เพื่อป้องกันการทำลายสิ่งของจากการข่วนหรือลับเล็บของมัน แต่บางคนอาจจะคิดว่าเป็นวิธีการที่โหดร้าย ไม่เป็นสิ่งที่น่าทำ เมื่อลองจินตนาการดูนิ้วมือของเราเอง ปรากฎว่าไม่มีเล็บนั่นแหละคือการถอดเล็บ โดยทั่วไปการถอดเล็บมักจะทำกับสัตว์ชนิดอื่นๆ ไม่ใช่แมว เช่น เสือ หรือหมี เพราะมีโอกาสทำร้ายผู้เลี้ยงได้
การถอดเล็บไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เรามองเห็น แต่การถอดเล็บเป็นการตัด หรือทำลาย ทั้งประสาทรับความรู้สึกและประสาทสั่งงาน(sensory nerves and motor) โดยที่ภายหลังการทำการผ่าตัดถอดเล็บสามารถนำแมวกลับบ้านได้เลย
แต่ภายหลังการผ่าตัดถอดเล็บ แมวมักจะมีความเจ็บปวด ไม่สามารถเดินได้ถนัดนัก แมวอาจจะซึม ไม่สดชื่น เนื่องจากแมวยังไม่สามารถเดิน วิ่งเล่น ปีน ลับเล็บได้เหมือนอย่างที่มันเคยทำ การถอดเล็บจึงอาจจะทำร้ายแมวได้ แมวอาจจะเปลี่ยนนิสัยได้ มันอาจจะไม่ค่อยไว้ใจใครอีกต่อไป เป็นแมวขี้กลัว หรือดุร้ายมากขึ้น หรือขี้ขลาดไปเลย ถ้าการทำศัลยกรรมทำได้ไม่ดีนัก แมวอาจจะเจ็บขา เดินไม่ถนัด ต้องผ่าตัดแก้ไขอีก แต่โชคดีบ้านเราไม่ค่อยมีเจ้าของแมวนำแมวมาถอดเล็บ แต่มีการนำเสือ หมีมาทำแทน
พึงระลึกด้วยว่า ปัญหาการลับเล็บของแมว หรือการข่วนเฟอร์นิเจอร์ เป็นปัญหาที่เล็กน้อยไม่ใหญ่โตมากนัก ที่สำคัญเราสามารถนำวัตถุที่เราเตรียมไว้สำหรับการลับเล็บให้กับมันได้ ที่เรียกว่า "scratching post" สามารถฝึกได้ แต่การถอดเล็บเป็นสิ่งที่อาจจะดูโหดร้ายสำหรับเราชาวพุทธ
quote :
ตัวผู้หรือตัวเมีย
แมวตัวผู้ ตัวโตกว่า น้ำหนักมากกว่า ร้องดังกว่า กระโดดสูงกว่า ปีนป่ายเก่งกว่า ไวกว่า แข็งแรงกว่า ซนกว่า จับสัตว์เก่งกว่า ชอบเที่ยวนอกบ้าน และไม่สนใจเจ้าของเท่าแมวตัวเมีย
แมวตัวเมีย ตัวเล็กกว่า ตัวเบากว่า ร้องค่อยกว่า กระโดดเตี้ยกว่า ปีนไม่ค่อยเก่ง ไวสู้ตัวผู้ไม่ได้ อ่อนแอกว่า เรียบร้อยกว่า จับสัตว์ไม่เก่ง อยู่ติดบ้าน และชอบอยู่ใกล้เจ้าของมากกว่าแมวตัวผู้ ข้อเสียหลักของแมวตัวเมียคือ ตกลูกบ่อย
หากคุณคิดจะเลี้ยงแมวเพื่อจับหนู ก็ควรเลือกแมวตัวผู้ แต่ถ้าคิดจะเลี้ยงไว้ดูเล่น แมวตัวเมียจะสร้างความเสียหาย และความปวดหัวให้น้อยกว่า
quote :
ประสาทสัมผัสของแมว
การมองเห็น(Sight)
วิธีการล่าเหยื่อของแมว มีท่าทางการจ้องมองด้วยดวงตาทั้งสองข้างพร้อมทั้งการได้ยิน ของเสียงด้วยระบบการได้ยินของใบหูทั้งสองส่วนจัดสัมพันธ์กันเป็นองค์ประกอบด้านสื่อ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ได้ดีเป็นพิเศษ แต่แมวไม่สามารถที่จะแยกแยะในส่วนของสี ที่จะช่วยให้มันมองเห็นเป็นรูปร่างได้ทันที เนื่องจากหลังม่านกระจกแก้วตาแมวนั้นมีสิ่งกีดขวาง จึงไม่ช่วยให้แมวมองเห็นวัตถุได้อย่างใกล้ชิด การที่ลูกนัยน์ตาแมวทั้งสองข้างมองเห็นได้นั้นเกิดจาก การควบคุมของระบบประสาทจึงทำให้มันมองเห็นภาพในระยะไกลได้ดีกว่าระยะใกล้ ลูกตาของแมวสามารถเคลื่อนมองได้กว้างถึง 205 องศา ทำให้แมวมองได้รอบทั่วบริเวณ ที่แคบๆ ส่วนบริเวณพื้นที่กว้างๆ การเคลื่อนไหวของรูปร่างจะทำได้เพียงเล็กน้อยเนื่องจาก ระบบการมองเห็นที่ไม่อำนวยต่อมันนั่นเอง
การดมกลิ่น(Smell)
แมวได้ถูกพัฒนาความสามารถในระบบการรับรู้กลิ่นได้ดีเป็นอย่างยิ่ง สำหรับลูกแมวที่เกิดใหม่ ก่อนที่มันจะลืมตาได้นั้น มันจะใช้กลิ่นเป็นตัวนำเพื่อให้มันสามารถดูดนมแม่ได้ถึงแม้ว่าตายังไม่เปิด บริเวณหน้าผากของแมวจะมีต่อมผลิตกลิ่นพิเศษที่เรียกว่า สารฟีโรโมส์(Pheromose)เป็นกลิ่นเฉพาะ ของมัน การที่เราเห็นแมวชอบเอาศีรษะมาถูหรือสัมผัสกับคนเราหรือสิ่งของใดๆนั้น แสดงว่า มันได้ปล่อยกลิ่นของมันไว้ มันจึงแยกแยะรับรู้จากกลิ่นต่างๆที่เกิดขึ้นมาแล้วได้ การปล่อยกลิ่นไว้ในที่ต่างๆ ก็สามารถใช้แสดงความเป็นเจ้าของในสิ่งนั้นของมันได้ด้วย แมวเป็นสัตว์ที่มีการรับรู้ที่ดี มันจะร่าเริงในช่วงที่อากาศอบอุ่นหรือได้รับไอแดด ซึ่งเป็นกลิ่นที่มันปรารถนา การที่เราเห็นแมวนั่งอยู่บริเวณประตูหรือหน้าต่างบ่อยๆก็เพื่อ สูดดมเอากลิ่นไอแดดมาปะทะเข้าจมูกมันนั่นเองแต่กลิ่นที่ได้รับนั้นไม่สามารถกระตุ้นด้วยบริเวณจมูก แต่อากาศที่เข้าสู่จมูกจะถูกดึงดูดขึ้นไปตามท่อรูจมูกบริเวณศีรษะผ่านไปสู่ฟันกรามด้านบน แล้ววนไปสู่ระบบประสาทที่สามารถรับรู้กลิ่นได้ เป็นลักษณะเช่นเดียวกับการรับรู้กลิ่นของสัตว์ประเภทงู
การฟังหรือได้ยินเสียง(Hearing)
แมวสามารถรับฟังเสียงที่มีอัตราความถี่ประมาณ 30-45,000 Hertzโดยเป็นระยะทาง กว้างไกลกว่าคนซึ่งได้ยินเพียง 2,000-5,000Hertz หูของแมวจะมีสันโค้งเป็นจุดรวมการกรอง ของเสียงลักษณะใบหูจะมีขบวนการรับฟังเสียงที่มากระทบโสตประสาทบริเวณหูได้สูงมากในบริเวณ ต้นแหล่งของการเกิดเสียงสะท้อนแมวที่เราเลียงอยู่ในบ้านนั้นสามารถแยกเสียงฝีเท้าเดินของคนในบ้าน และคนแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้านได้ด้วย
การสัมผัส(Touch)
แมวมักจะใช้อุ้งฝ่าเท้าส่วนหน้าในการจำแนกหรือวินิจฉัยวัตถุนั้นๆ โดยมีจมูกเป็นตัวกระตุ้น ที่สำคัญในการสัมผัส แมวสามารถมีแรงผลักดันของการรับรู้ในบริเวณช่วงขนที่ขึ้นยาว คือ หนวด คิ้ว และช่วงขนที่เป็นเส้นยาวบริเวณหลังอุ้งฝ่าเท้าคู่หน้า หนวดประเภทนี้จะช่วยให้มันทราบ ตำแหน่งที่ว่างของการรับรู้จากภายในตัวไปสู่บริเวณตำแหน่งของวัตถุได้ภายในไม่เกิน 1 นาที
quote :
อุปกรณ์สำหรับแมว
ชามใส่อาหาร ขนาดไม่เล็กกว่า 6" ลึกไม่น้อยกว่า 1"
ชามใส่น้ำ ขนาดไม่เล็กกว่า 6"
ภาพประกอบ
o ชามใส่น้ำสีขาว
o ชามใส่อาหารสีดำ
o ชามใส่แกงจืดสีเขียว
กะบะทราย ขนาดไม่เล็กกว่า 8"ก x 12"ย x 2"ล หากใช้กะละมัง ควรมีขนาดไม่เล็กกว่า 12" และมีความลึก 2" หรือลึกกว่านี้ เพื่อไม่ให้ทรายกระเด็นออกนอกกะบะ ไม่ควรใช้กะบะทรายโลหะ เพราะจะขึ้นสนิมได้
ภาพประกอบ
o กะบะทรายพลาสติกสีชมพู
o กระดาษหนังสือพิมพ์สีขาว
o ถุงก๊อบแก๊บอย่างหนาสีขาวขุ่น
o ทรายละเอียด
o คลิปหนีบกระดาษสีดำ
o ช้อนพลาสติกตักอุจจาระแมวสีขาว
ความลึกมากน้อยของกะบะทราย (เมื่อเทียบกับความยาวขาแมว) มีข้อดีข้อเสียต่างกันดังนี้
หากกะบะทรายตื้น เมื่อแมวขุดทรายเพื่อถ่ายของเสีย ทรายมักจะหกออกนอกกะบะ แต่ข้อดีคือแมวสามารถใช้พื้นที่ได้ทั้งกะบะทราย โดยแมวจะวางเท้าหน้าไว้นอกกะบะทรายขณะถ่าย ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้กะบะทรายขนาดใหญ่
หากกะบะทรายลึก ข้อดีคือตัดปัญหาทรายหกออกนอกกะบะ ข้อเสียคือ แมวตัวเล็กขาสั้น อาจก้าวเข้าออกลำบาก และกะบะทรายต้องมีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะต้องเผื่อที่ ให้แมววางเท้าหน้าในกะบะทรายด้วย
ขอย้ำว่า ปริมาณทรายที่ใช้ ขึ้นกับปริมาณปัสสาวะแมวเท่านั้น ไม่ขึ้นกับความลึกตื้นใหญ่เล็ก ของกะบะทราย กรณีที่กะบะทรายใหญ่มากหรือลึกมาก ทำให้ทรายไม่เต็มกะบะ หรือทรายไม่หนา เท่าที่อยากให้เป็น แมวจะแก้ โดยการกวาดทรายมารวม ให้ได้ความลึกที่ต้องการเอง การใส่ทรายมากเกินความจำเป็น นอกจากจะเปลืองทรายแล้ว แมวมักจะมาเล่นทรายอีกด้วย
ช้อนตักอุจจาระแมว (อาจไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้)
ไม้กวาดด้ามสั้นพร้อมที่ตักผง (อาจไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้)
ที่ร่อนทรายแห้ง (อาจไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้)
ภาพประกอบ
o ที่ร่อนทรายแห้ง
เครดิต
http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/m6-6/no18-25/prettycat/index.htm ไม่ได้มานาน เลยขอเอาแรง หามาให้หมดนี้เลย..